บทที่ 17 บำเพ็ญเพียร
ความฉลาด และความไม่โอ้อวดของหลูมู่หยาน ทำให้หมิงซิ่วรู้สึกชื่นชมในตัวนางมากขึ้น และรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุขของเขาที่เป็นภาพหายากก็ปรากฏขึ้น
“ตกลง เทพตกลง”
หลูมู่หยานมองไปที่บุรุษผู้ร้ายกาจผู้นั้นด้วยท่าทีเฉยชา พร้อมกับแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นี่คือความแข็งแกร่งที่คนอื่นมองว่าเป็นสมบัติ ไม่มีอะไรในสายตาของผู้มีอำนาจระดับสูง เหมือนที่นางเคยเป็น
ทว่านางไม่ใช่คนที่จะเห็นอกเห็นใจกับฤดูอะไร นางสามารถไปเกิดใหม่ได้ในโลกอื่นหลังจากที่ตาย ไม่สำคัญว่าจะเสียอะไรไป เพราะวันหนึ่งนางจะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ และกลายเป็นจุดพลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้
“ที่จริงท่านไม่ได้สูญเสีย” หลูมู่หยานยิ้มและกะพริบตามองไปที่บุรุษผู้นั้น “ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถปรับแต่งเม็ดยาวิญญาณนี้ได้ แม้ว่าหญ้าวิญญาณจะไม่ใช่ของหายาก แต่สูตรก็ไม่เหมือนใคร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากเทคนิคของท่านได้รับความช่วยเหลือจากยานี้ ท่านจะได้รับผลสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว และไม่ต้องกังวลเรื่องพิษตกค้าง”
หมิงซิ่วขยับของเข้าในแขนเสื้อ สตรีร่างบางผู้นี้ฉลาดยิ่งนัก และเดาว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถดูดซึมแกนผลึกของปีศาจได้โดยตรง
“ยาที่เจ้าสะกัดออกมา ผลเป็นอย่างไรหรือ?” ดวงตานกฟินิกซ์ที่สวยงามของหมิงซิ่ว เต็มไปด้วยความคาดหวัง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะอยู่ในสถานะกึ่งคงที่ของการกลั่นคริสตัล แต่เขารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
ไม่...
หลูมู่หยานตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง “ยาเม็ดนั้นเรียกว่าซีซุยตัน สามารถปรับปรุงสมรรถภาพทางกายและทำความสะอาดไขกระดูกและตัดพิษได้”
เมื่อเห็นประกายแสงในดวงตาฟีนิกซ์ของชายคนนั้น หลูมู่หยานยิ้มพร้อมกับยักไหล่ และเสริมว่า “แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับจักรพรรดิดาบ”
หมิงซิ่วเลิกคิ้วขึ้น สตรีผู้นี้เอาอีกแล้ว
“เทพองค์นั้นกำลังรอให้เจ้าปรับแต่งยาล้างไขกระดูกที่สามารถปรับปรุงร่างกายของจักรพรรดิดาบได้อย่างน้อยสามระดับ”
หลูมู่หยานหัวเราะ “ท่านคิดว่าเม็ดยาระดับสาม จะมีราคาสูงกว่าหัวผักกาดขาวหรือไม่? ข้าเป็นพวกไร้ค่าที่ไม่สามารถแม้แต่จะสะกัดพลังได้ ท่านคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะปรับแต่งหรือ?”
“เทพเชื่อว่าเจ้าจะหายได้เร็ววัน” หมิงซิ่วรู้ดีเสมอว่าสตรีนางนี้ทำให้เขาประหลาดใจได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
หัวใจของหลูมู่หยานสั่นสะท้าน นางก้มศีรษะพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงของเขาผู้นั้นไพเราะราวกับน้ำพุเย็นที่ชโลมหัวใจ
นับแต่อยู่ในโลกนี้ หลูมู่หยานมักโดนดูถูกและเหยีดหยาม นางไม่คาดคิดว่าบุรุษแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก จะเชื่อมั่นในตัวนางถึงเพียงนี้ สิ่งนี้เองที่ทำให้หัวใจของนางอ่อนลงอีกครั้ง
“เห็นประโยชน์ที่ท่านช่วยข้าไว้ หากข้าสามารถสะกัดเม็ดยาที่สามารถล้างไขกระดูกระดับที่สามหรือสูงกว่าได้ ข้าจะให้สิทธิ์ขายให้ท่านก่อน” ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของหลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่สวยงาม
ทันทีที่หมิงซิ่วเห็นรอยยิ้มที่จริงใจของสตรีตรงหน้า ดวงตาสีเข้มที่เป็นประกายวาววับก็เริ่มอ่อนลง ปากของเขายิ้มยกอย่างมีเลศนัย “ยืนยันคำนั้น”
“ยืนยันคำนั้นชัดเจน” หลูมู่หยานพยักหน้า ก่อนจะหยิบขวดแก้วที่บรรจุยาเม็ดวิญญาณออกมาและส่งให้บุรูษผู้นั้น “นี่คือยาวิญญาณ ข้ามีเหลืออยู่สี่เม็ด”
หมิงซิ่วรับขวดยาจากหลูมู่หยาน อุณภูมิของมันเท่ากับฝ่ามือเล็ก ๆ เขาถือมันไว้ในในมือ ก่อนจะแสดงความซุกซนผ่านสายตา “ไปเอาร่างสัตว์ร้ายตัวนั้นออกเถอะ”
รอยยิ้มที่แสนมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลูมู่หยาน มันเป็นการต่อรองแลกเปลี่ยนระหว่างเม็ดยาวิญญาณและร่างของปีศาจระดับที่หก นางรู้ว่าบุรุษผู้นั้นจงใจก่อนจะเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ!” พร้อมกับเดินไปที่ซากศพของไฟหลิน และนำมันเก็บเข้าไปในแหวนจักรวาล
นับเป็นโชคดีของหลูมู่หยานที่เกิดในตระกูลผู้มีท่านปู่เป็นเจ้านายของจักรวรรดิ ทำให้แหวนจักรวาลวงนี้มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สามารถใส่ร่างของปีศาจตัวนี้ได้ ไม่เช่นนั้นนางคงต้องลำบากเป็นแน่
หลูมู่หยานเก็บศพของสัตว์ประหลาด ก่อนเดินกลับมาหาบุรุษคนนั้น นางถอดสร้อยข้อมือสีฟ้าน้ำเงินและส่งคืนด้วยร้อยยิ้ม “ขอบคุณมาก!”
“เจ้าเก็บมันไว้เถอะ”
หมิงซิ่วไม่ได้รับสร้อยข้อมือจากหลูมู่หยาน เขาเพียงต้องการมอบมันให้นาง ซึ่งก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น
“ขอบคุณท่าน!”
แม้ว่าหลูมู่หยานจะประหลาดเล็กน้อย แต่นางก็เอ่ยคำขอบคุณจากใจจริง
นางรู้สึกว่ากำไลน้ำแข็งนี้ไม่น่าเป็นเพียงแค่อาวุธทางจิตวิญญาณธรรมดา แม้ว่าจะไม่ต้องได้มันมาเพื่อเสริมภาพลักษณ์อะไร แต่นางรับมันเอาไว้ โดยจะสะกัดยาชูจีตันให้เพื่อเป็นการตอบแทน
“จะออกไปข้างนอกหรือ?” หลูมู่หยานคำนวณเวลา ตอนนี้นางติดอยู่ที่นี่เกือบสามวันแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ หรือไม่
หมิงซิ่วสังเกตเห็นใบหน้าของหลูมู่หยานเริ่มมีเหงื่อกาฬผุดขึ้น เขารู้ว่าสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่ง่ายสำหรับนาง ผู้ที่ไม่ได้มีพลังชีวิตคุ้มครอง
เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางกลับ หมิงซิ่วเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ใช่ คอยดูแล้วกันว่าเราจะเจอกันอีกหรือไม่ เทพจะไปส่งเจ้า”
ทางออก ณ ที่แห่งนี้ถูกปิดตายไปนานแล้ว ไม่ง่ายที่จะออกจากถ้ำภูเขาไฟอันมืดมิด แต่เขาจะทำมันให้ดีที่สุด เพราะตอนนี้หลูมู่หยานเองก็ได้รับข้อยกเว้นมากมายแล้วสำหรับผู้ที่ไม่มีพลัง
หมิงซิ่วกางแขนก่อนจะจับให้หลูมู่หยานอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง เขาเคาะนิ้วเท้าลงกับพื้นก่อนจะหายเข้าไปในถ้ำใต้ดิน
หลูมู่หยานรู้สึกเหมือนเพียงว่าดวงตาของนางมืดไปชั่วครู่ ตอนนี้นางยืนอยู่ที่ป่าของเทือกเขาแห่งเพลิง ไม่นานความร้อนที่เคยได้สัมผัสก็หายไป
กลิ่นหอมจาง ๆ ของหลูมู่หยานยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของหมิงซิ่ว พลันดวงตาของเขาก็เริ่มเปรเปลี่ยน
เมื่อพาหลูมู่หยานบินไปได้ระยะหนึ่ง ปลายเท้าของเขาก็เริ่มสัมผัสกับต้นไม้ หมิงซิ่วปล่อยให้หลูมู่หยานลง “ตอนนี้เราอยู่รอบนอกของเทือกเขา”
หลูมู่หยานขบเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก นางเอ่ยพร้อมกับดวงตาที่แสดงถึงความจริงจัง และรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอบคุณ! ข้าจะตอบแทนหนี้บุญคุณท่านอย่างแน่นอน”
“บำเพ็ญเพียร ชื่อของเทพ เจ้าจงจำไว้” หมิงซิ่วโน้มตัวลงไปที่ใบหูของหลูมู่หยาน และพูดเน้นเบา ๆ
จากนั้นหมิงซิ่วได้นำวัตถุทรงกลมใส่มือของหลูมู่หยาน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและน่าดึงดูด “สร้อยคู่นี้เข้ากันกับของเจ้า หลังจากที่เจ้าเก็บมันไว้ ช่วงเวลานี้จะมีอีก”
ทันทีที่สิ้นเสียงของบุรุษผู้นั้น หลูมู่หยานก็เห็นร่างหนึ่งแวบเข้ามาในหัว แต่ตอนนี้ไม่มีบุรุษที่ดูชั่วร้ายผู้นั้นอีกแล้วในป่าแห่งนี้
หลูมู่หยานยื่นมือและกางฝ่ามือออกพร้อมกับสังเกตว่ามีลูกปัดกลมสีน้ำเงินเข้มและสีใสอยู่ ด้วยอากาศที่เย็นสดชื่นทำให้นางรู้สึกสบายตัวโดยไม่จำเป็นต้องระบาย หรือสร้างสิ่งกีดกั้นเพื่อแยกความร้อน หลังจากนั้นนางก็สังเกตเห็นความพิเศษของลูกปัดคู่นี้ได้ด้วยตาเปล่า
นางยกข้อมือขึ้นอีกครั้ง และเมื่อสังเกตใกล้ ๆ ก็พบว่า สร้อยข้อมือเรืองแสงสีฟ้ามีช่องเล็ก ๆ ว่างอยู่ นางขยับนิ่งและหยดเลือดลงบนลูกปัดสีฟ้าใส ทันใดนั้นลูกปัดก็เปล่งแสงสีขาวนวลห่อหุ้มนางเอาไว้
จากนั้นลูกปัดสีฟ้าก็กลายเป็นลำแสงสว่าง และลอยเข้าไปในสร้อยข้อมือสีน้ำแข็งมือของนาง ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อได้มองอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีเงาของลูกปัดสีน้ำเงินเข้มอีกแล้ว สีของสร้อยข้อมือยังคงเป็นสีฟ้าน้ำแข็งเหมือนเคย
ริมฝีปากของหลูมู่หยานยกโค้งยิ้ม ตอนนี้สร้อยข้อมือสีน้ำแข็งจำได้แล้วว่านางเป็นเจ้านาย นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงระหว่างนางกับสร้อยข้อมืออีกด้วย แน่นอนว่าลูกปัดสีน้ำเงินเข้มนี้เป็นกุญแจของสร้อยข้อมือสีน้ำแข็ง
นางถูกำไลน้ำแข็งบนมือสองสามครั้ง พร้อมกับค่อย ๆ ไปยังทางที่บุรุษผู้นั้นหายไปก่อนจะเอ่ยกระซิบว่า “บำเพ็ญเพียร…”