บทที่ 147 การต่อสู้อันดุเดือด
บทที่ 147 การต่อสู้อันดุเดือด
“ข้าได้ยินมาว่า มีคนอยากสับข้าเป็นชิ้นๆ?”
เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลังของทั้งสอง
เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋หันกลับมาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากไม่กล้าเปิดเผยร่องรอย พวกเขาจึงไม่เพียงแต่ไม่เปิดเผยร่างกาย แม้แต่จิตสัมผัสก็ไม่กล้าปล่อยออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว
ไม่คิดเลยว่า..
ทั้งสองที่ระมัดระวังตัวขนาดนี้
แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายพบเห็น
เมื่อเห็นว่าถูกพบเห็นแล้ว เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋จึงปลดผนึกพรางตัว และทักษะปกปิดกลิ่นอายออก
ทั้งสองเผชิญหน้ากับพี่น้องซุนฝูกลางอากาศ
ด้านหลังพี่น้องซุนฝู ทาสศพสามตนสวมชุดเกราะจิตวิญญาณ ทั่วร่างเปล่งประกายสีเงิน ลอยอยู่กลางอากาศ ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายสังหารโลหิต
โจวมู่ไป๋จำได้ทันทีว่า ทั้งสามคนนี้เคยเป็นผู้ฝึกตนของตระกูลอู๋และตระกูลจ้าว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนมีชีวิตอยู่ ล้วนมีระดับการบ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์
ไม่คิดเลยว่า หลังจากผ่านการหลอมรวมของพี่น้องซุนฝูแล้ว ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นถึงขอบเขตคฤหาสน์ม่วง!
อย่างไรก็ตาม โจวมู่ไป๋รู้ดีว่า ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงที่ถูกยกระดับขึ้นมาแบบนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงทั่วไปอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด ทาสศพประเภทนี้มีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่ง ส่วนวิธีการมีจำกัดมาก
แน่นอน
พลังโจมตีและป้องกันของมันนั้น ย่อมเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง
หากคิดว่าผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมีวิธีการมากมาย จึงกล้าเพิกเฉยต่อการโจมตีของอีกฝ่าย นั่นก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
มาถึงตอนนี้
เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ทำได้เพียงต่อสู้เท่านั้น
แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่คาดคิดก็คือ แสงสีเลือดพุ่งขึ้นจากพื้นดินที่ใช้หลอมศพ ครอบคลุมท้องฟ้าเหนือเฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ในทันที
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นดังนั้น โจวมู่ไป๋ก็ดึงเฉินเต้าเสวียน แสงแวบวาบขึ้น แต่ก็ยังถูกแสงสีเลือดขวางกั้นไว้
“เป็นอย่างไรบ้าง รสชาติของค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพ ที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า?”
ซุนฝูมองดูทั้งสองที่ติดอยู่ในค่ายกล พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
แม้ว่าพี่น้องซุนฝูจะอยู่ในค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพเช่นกัน แต่กลิ่นอายสังหารโลหิตนี้ จะยิ่งช่วยเพิ่มพลังของพวกเขาในฐานะปีศาจซากศพเท่านั้น ไม่ได้ทำให้พวกเขาอ่อนแอลง
แน่นอน
เมื่อกลิ่นอายสังหารโลหิตภายในค่ายกลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โอสถสลายหยินก็ยากที่จะต้านทานการกัดกร่อนของกลิ่นอายสังหารโลหิตได้
โจวมู่ไป๋และเฉินเต้าเสวียนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้ปราณหยวน และพลังจิตวิญญาณ เพื่อต้านทานการกัดกร่อนของกลิ่นอายสังหารโลหิต
“ไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่ดีแน่ หากปราณหยวนและพลังจอตวิญญาณของพวกเราหมดลง นั่นก็คือเวลาตายของพวกเรา!”
สีหน้าของโจวมู่ไป๋เคร่งขรึม “ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น ข้ายกให้เจ้าจัดการ!”
พูดจบ
แสงกระบี่ก็พุ่งออกไป ปกคลุมพี่น้องซุนฝูและทาสศพสองตนไว้
พี่น้องซุนฝูย่อมรู้ดีว่า โจวมู่ไป๋นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน
แต่ในตอนนี้ เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ติดอยู่ในค่ายกล พวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด เพียงแค่รอให้ค่ายกลค่อยๆ กัดกร่อนปราณหยวนและพลังจิตวิญญาณของทั้งสองจนหมด
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็จะกลายเป็นปลาบนเขียง รอให้ถูกเชือดเฉือนอย่างตามใจ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวมู่ไป๋ที่เป็นมือกระบี่
ไม่รู้ว่าทาสศพที่หลอมรวมขึ้นมาจากมือกระบี่นั้น มันจะแข็งแกร่งกว่าทาสศพทั่วไปหรือไม่?
ซุนฝูคิดอย่างยินดี
นับตั้งแต่ที่มันถูกศพเซียนเสินเจวี๋ยหลอมรวมเป็นปีศาจซากศพ ความคิดของมันก็บิดเบี้ยวไปอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่มันคิดในตอนนี้คือ การหลอมรวมทุกคนในโลกให้กลายเป็นปีศาจซากศพ!
แบบนี้ ทุกคนก็จะเหมือนกับมัน…
ปีศาจซากศพจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกสัมผัส ไม่รู้รสชาติ ไม่มีจิตวิญญาณ...
แล้วมันจะสำคัญอะไร?
ทาสศพไม่จำเป็นต้องมีความคิดของตัวเอง เพียงแค่เป็นหุ่นเชิดของนายท่านก็พอแล้ว
เหตุผลที่พี่น้องทั้งสองยังคงรักษาความคิดของตัวเองไว้ได้ นั่นก็เพราะนายท่านต้องการให้พวกมันทำภารกิจยึดครองแคว้นชางโจว
ส่วนนายท่านของพวกมัน ศพเซียนเสินเจวี๋ย ดูเหมือนจะระมัดระวังเป็นพิเศษ
นายท่านไม่เต็มใจที่จะออกมาเสี่ยงภัยนอกรัง ดังนั้น ทุกอย่างจึงทำได้เพียงให้พวกมันทั้งสองจัดการ
หากต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ทาสศพที่ไม่มีความคิดของตัวเองย่อมทำไม่ได้
นี่เป็นโชคดีเพียงอย่างเดียวของพี่น้องทั้งสอง…
เมื่อเห็นทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนสุดท้ายยังคงพุ่งเข้าหาโจวมู่ไป๋
เฉินเต้าเสวียนก็กวัดแกว่งแสงกระบี่ ดึงมันเข้าสู่การโจมตีของเขา
กระบี่กลายเป็นสายฝน รอยปราณสีขาวกลายเป็นม่าน รอยกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งหมดกลายเป็นแสงดาว
นี่คือการเปลี่ยนแปลงของเฉินเต้าเสวียน หลังจากเข้าใจเจตจำนงกระบี่ม่านพิรุณ ในแง่ของการแสดงออกของวิถีกระบี่
ในตอนนี้
แสงดาวยิงลงมาเหมือนดาวตก กระแทกร่างกายสีเงินของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น
แต่ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนี้ ไม่เพียงแต่มีชุดเกราะจิตวิญญาณคอยป้องกันเท่านั้น แต่มันยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอีกด้วย
เฉินเต้าเสวียนรู้สึกว่า ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์อสูรในระดับเดียวกันเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย
หลังจากที่เฉินเต้าเสวียนหลอมรวมปราณกระบี่เป็นหนึ่งเดียว พลังโจมตีของกระบี่ที่กลายเป็นแสงดาวนั้นมันย่อมไปถึงขั้นต้นขอบเขตคฤหาสน์ม่วงอย่างแน่นอน
ช่องว่างระหว่างเขากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง อาจอยู่ที่การป้องกันสินะ?
ถูกต้อง
ในฐานะมือกระบี่ การป้องกันกลายเป็นจุดอ่อนของเขาอีกครั้ง
แต่นี่ก็เป็นจุดอ่อนของมือกระบี่ทุกคนในโลก
เพราะมือกระบี่ให้ความสำคัญกับการโจมตีเป็นหลัก เน้นการใช้การโจมตีแทนการป้องกัน
หากแม้แต่การโจมตีของมือกระบี่ก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายได้ นั่นพิสูจน์ว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะป้องกันหรือไม่ มันก็ไม่มีความแตกต่างมากนัก
แต่ ณ ขณะนี้
สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ
เฉินเต้าเสวียนพบกับปีศาจซากศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วง แถมอีกฝ่ายเชี่ยวชาญด้านการป้องกันพอดี
เมื่อเทียบกับการป้องกันแล้ว การโจมตีของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนี้ แทบจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเฉินเต้าเสวียนเลย
ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามา
เขาก็แค่ใช้แสงกระบี่ตัดร่างของมัน จากนั้นหลบเลี่ยงเล็กน้อยก็พอ
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงตกอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน
พูดตามตรง
หากเปลี่ยนสถานที่
เฉินเต้าเสวียนไม่กลัวที่จะสู้รบแบบยืดเยื้อกับอีกฝ่าย ท้ายที่สุด เขามีแหล่งสำรองปราณหยวน นั่นก็คือปทุมธาราระดับสอง
แต่ในตอนนี้
เขาสิ้นเปลืองไม่ได้
กลิ่นอายสังหารโลหิตเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันกัดกร่อน และสิ้นเปลืองปราณหยวนของเขาตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้น
แม้ว่าเขาจะสู้รบแบบยืดเยื้อได้ โจวมู่ไป๋ก็อาจจะสู้ไม่ได้ ท้ายที่สุด โจวมู่ไป๋ไม่มีสมบัติล้ำค่าเช่นเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้
เขามองไปที่สนามรบของโจวมู่ไป๋
ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัววิธีการโจมตีของโจวมู่ไป๋ การต่อสู้ของพี่น้องซุนฝูจึงค่อนข้างระมัดระวัง พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ พวกเขาก็จะร่วมมือกันต่อสู้กับโจวมู่ไป๋
จนถึงตอนนี้
โจวมู่ไป๋ตัดมือของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสองตนไปข้างหนึ่ง
แต่ด้วยการเติมเต็มของกลิ่นอายสังหารโลหิต เฉินเต้าเสวียนพบว่ามือของทาสศพตนนั้นงอกขึ้นมาใหม่
เพราะเรื่องนี้ ทไให้เฉินเต้าเสวียนเห็นปัญหาทันที
ทุกครั้งที่โจวมู่ไป๋ต้องการฆ่าทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นหนึ่งตน เพื่อทำลายสมดุลของพลังระหว่างทั้งสองฝ่าย
พี่น้องซุนฝูก็จะพยายามขัดขวาง
ด้วยพลังขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสมบูรณ์ของพี่น้องทั้งสอง แม้ว่าโจวมู่ไป๋จะเอาชนะพวกมันได้ เขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ทุกครั้งที่ล่าช้า ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นก็จะรอดพ้นจากวิกฤต พี่น้องซุนฝูก็จะเริ่มต่อสู้แบบยืดเยื้อกับโจวมู่ไป๋อีกครั้ง
เฉินเต้าเสวียนมองแผนการออกแล้ว
ด้วยความร่วมมือของพี่น้องศพทั้งสอง พวกมันสามารถต้านทานการโจมตีของโจวมู่ไป๋ได้อย่างหวุดหวิด
นี่คือความมั่นใจของพวกมันในการซุ่มโจมตีโจวมู่ไป๋
หากโจวมู่ไป๋สามารถฆ่าพวกมันได้ด้วยกระบี่เดียว
พวกมันคงหนีไปแล้วตั้งแต่พบโจวมู่ไป๋แล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น
เฉินเต้าเสวียนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ขณะที่หลบการโจมตีของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น เขาก็พูดว่า “พี่ใหญ่โจว ข้าจะต้านพี่น้องสองตนนั้นไว้เอง ท่านจัดการทาสศพที่เหลืออย่างเต็มที่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น
โจวมู่ไป๋ก็ประหลาดใจในตอนแรก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมเสี่ยง
“ตกลง!”