ตอนที่แล้วบทที่ 146 ดินแดนหลอมศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 148 กายแสงกระบี่

บทที่ 147 การต่อสู้อันดุเดือด


บทที่ 147 การต่อสู้อันดุเดือด

“ข้าได้ยินมาว่า มีคนอยากสับข้าเป็นชิ้นๆ?”

เสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลังของทั้งสอง

เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋หันกลับมาอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากไม่กล้าเปิดเผยร่องรอย พวกเขาจึงไม่เพียงแต่ไม่เปิดเผยร่างกาย แม้แต่จิตสัมผัสก็ไม่กล้าปล่อยออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว

ไม่คิดเลยว่า..

ทั้งสองที่ระมัดระวังตัวขนาดนี้

แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายพบเห็น

เมื่อเห็นว่าถูกพบเห็นแล้ว เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋จึงปลดผนึกพรางตัว และทักษะปกปิดกลิ่นอายออก

ทั้งสองเผชิญหน้ากับพี่น้องซุนฝูกลางอากาศ

ด้านหลังพี่น้องซุนฝู ทาสศพสามตนสวมชุดเกราะจิตวิญญาณ ทั่วร่างเปล่งประกายสีเงิน ลอยอยู่กลางอากาศ ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายสังหารโลหิต

โจวมู่ไป๋จำได้ทันทีว่า ทั้งสามคนนี้เคยเป็นผู้ฝึกตนของตระกูลอู๋และตระกูลจ้าว

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนมีชีวิตอยู่ ล้วนมีระดับการบ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์

ไม่คิดเลยว่า หลังจากผ่านการหลอมรวมของพี่น้องซุนฝูแล้ว ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นถึงขอบเขตคฤหาสน์ม่วง!

อย่างไรก็ตาม โจวมู่ไป๋รู้ดีว่า ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงที่ถูกยกระดับขึ้นมาแบบนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงทั่วไปอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด ทาสศพประเภทนี้มีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่ง ส่วนวิธีการมีจำกัดมาก

แน่นอน

พลังโจมตีและป้องกันของมันนั้น ย่อมเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง

หากคิดว่าผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมีวิธีการมากมาย จึงกล้าเพิกเฉยต่อการโจมตีของอีกฝ่าย นั่นก็เท่ากับรนหาที่ตาย!

มาถึงตอนนี้

เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ทำได้เพียงต่อสู้เท่านั้น

แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่คาดคิดก็คือ แสงสีเลือดพุ่งขึ้นจากพื้นดินที่ใช้หลอมศพ ครอบคลุมท้องฟ้าเหนือเฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ในทันที

“แย่แล้ว!”

เมื่อเห็นดังนั้น โจวมู่ไป๋ก็ดึงเฉินเต้าเสวียน แสงแวบวาบขึ้น แต่ก็ยังถูกแสงสีเลือดขวางกั้นไว้

“เป็นอย่างไรบ้าง รสชาติของค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพ ที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า?”

ซุนฝูมองดูทั้งสองที่ติดอยู่ในค่ายกล พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา

แม้ว่าพี่น้องซุนฝูจะอยู่ในค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพเช่นกัน แต่กลิ่นอายสังหารโลหิตนี้ จะยิ่งช่วยเพิ่มพลังของพวกเขาในฐานะปีศาจซากศพเท่านั้น ไม่ได้ทำให้พวกเขาอ่อนแอลง

แน่นอน

เมื่อกลิ่นอายสังหารโลหิตภายในค่ายกลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โอสถสลายหยินก็ยากที่จะต้านทานการกัดกร่อนของกลิ่นอายสังหารโลหิตได้

โจวมู่ไป๋และเฉินเต้าเสวียนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้ปราณหยวน และพลังจิตวิญญาณ เพื่อต้านทานการกัดกร่อนของกลิ่นอายสังหารโลหิต

“ไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่ดีแน่ หากปราณหยวนและพลังจอตวิญญาณของพวกเราหมดลง นั่นก็คือเวลาตายของพวกเรา!”

สีหน้าของโจวมู่ไป๋เคร่งขรึม “ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น ข้ายกให้เจ้าจัดการ!”

พูดจบ

แสงกระบี่ก็พุ่งออกไป ปกคลุมพี่น้องซุนฝูและทาสศพสองตนไว้

พี่น้องซุนฝูย่อมรู้ดีว่า โจวมู่ไป๋นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน

แต่ในตอนนี้ เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ติดอยู่ในค่ายกล พวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด เพียงแค่รอให้ค่ายกลค่อยๆ กัดกร่อนปราณหยวนและพลังจิตวิญญาณของทั้งสองจนหมด

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็จะกลายเป็นปลาบนเขียง รอให้ถูกเชือดเฉือนอย่างตามใจ!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวมู่ไป๋ที่เป็นมือกระบี่

ไม่รู้ว่าทาสศพที่หลอมรวมขึ้นมาจากมือกระบี่นั้น มันจะแข็งแกร่งกว่าทาสศพทั่วไปหรือไม่?

ซุนฝูคิดอย่างยินดี

นับตั้งแต่ที่มันถูกศพเซียนเสินเจวี๋ยหลอมรวมเป็นปีศาจซากศพ ความคิดของมันก็บิดเบี้ยวไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่มันคิดในตอนนี้คือ การหลอมรวมทุกคนในโลกให้กลายเป็นปีศาจซากศพ!

แบบนี้ ทุกคนก็จะเหมือนกับมัน…

ปีศาจซากศพจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกสัมผัส ไม่รู้รสชาติ ไม่มีจิตวิญญาณ...

แล้วมันจะสำคัญอะไร?

ทาสศพไม่จำเป็นต้องมีความคิดของตัวเอง เพียงแค่เป็นหุ่นเชิดของนายท่านก็พอแล้ว

เหตุผลที่พี่น้องทั้งสองยังคงรักษาความคิดของตัวเองไว้ได้ นั่นก็เพราะนายท่านต้องการให้พวกมันทำภารกิจยึดครองแคว้นชางโจว

ส่วนนายท่านของพวกมัน ศพเซียนเสินเจวี๋ย ดูเหมือนจะระมัดระวังเป็นพิเศษ

นายท่านไม่เต็มใจที่จะออกมาเสี่ยงภัยนอกรัง ดังนั้น ทุกอย่างจึงทำได้เพียงให้พวกมันทั้งสองจัดการ

หากต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ทาสศพที่ไม่มีความคิดของตัวเองย่อมทำไม่ได้

นี่เป็นโชคดีเพียงอย่างเดียวของพี่น้องทั้งสอง…

เมื่อเห็นทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนสุดท้ายยังคงพุ่งเข้าหาโจวมู่ไป๋

เฉินเต้าเสวียนก็กวัดแกว่งแสงกระบี่ ดึงมันเข้าสู่การโจมตีของเขา

กระบี่กลายเป็นสายฝน รอยปราณสีขาวกลายเป็นม่าน รอยกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งหมดกลายเป็นแสงดาว

นี่คือการเปลี่ยนแปลงของเฉินเต้าเสวียน หลังจากเข้าใจเจตจำนงกระบี่ม่านพิรุณ ในแง่ของการแสดงออกของวิถีกระบี่

ในตอนนี้

แสงดาวยิงลงมาเหมือนดาวตก กระแทกร่างกายสีเงินของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น

แต่ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนี้ ไม่เพียงแต่มีชุดเกราะจิตวิญญาณคอยป้องกันเท่านั้น แต่มันยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอีกด้วย

เฉินเต้าเสวียนรู้สึกว่า ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์อสูรในระดับเดียวกันเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย

หลังจากที่เฉินเต้าเสวียนหลอมรวมปราณกระบี่เป็นหนึ่งเดียว พลังโจมตีของกระบี่ที่กลายเป็นแสงดาวนั้นมันย่อมไปถึงขั้นต้นขอบเขตคฤหาสน์ม่วงอย่างแน่นอน

ช่องว่างระหว่างเขากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง อาจอยู่ที่การป้องกันสินะ?

ถูกต้อง

ในฐานะมือกระบี่ การป้องกันกลายเป็นจุดอ่อนของเขาอีกครั้ง

แต่นี่ก็เป็นจุดอ่อนของมือกระบี่ทุกคนในโลก

เพราะมือกระบี่ให้ความสำคัญกับการโจมตีเป็นหลัก เน้นการใช้การโจมตีแทนการป้องกัน

หากแม้แต่การโจมตีของมือกระบี่ก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายได้ นั่นพิสูจน์ว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะป้องกันหรือไม่ มันก็ไม่มีความแตกต่างมากนัก

แต่ ณ ขณะนี้

สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ

เฉินเต้าเสวียนพบกับปีศาจซากศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วง แถมอีกฝ่ายเชี่ยวชาญด้านการป้องกันพอดี

เมื่อเทียบกับการป้องกันแล้ว การโจมตีของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนี้ แทบจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเฉินเต้าเสวียนเลย

ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามา

เขาก็แค่ใช้แสงกระบี่ตัดร่างของมัน จากนั้นหลบเลี่ยงเล็กน้อยก็พอ

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงตกอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน

พูดตามตรง

หากเปลี่ยนสถานที่

เฉินเต้าเสวียนไม่กลัวที่จะสู้รบแบบยืดเยื้อกับอีกฝ่าย ท้ายที่สุด เขามีแหล่งสำรองปราณหยวน นั่นก็คือปทุมธาราระดับสอง

แต่ในตอนนี้

เขาสิ้นเปลืองไม่ได้

กลิ่นอายสังหารโลหิตเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันกัดกร่อน และสิ้นเปลืองปราณหยวนของเขาตลอดเวลา

ยิ่งไปกว่านั้น

แม้ว่าเขาจะสู้รบแบบยืดเยื้อได้ โจวมู่ไป๋ก็อาจจะสู้ไม่ได้ ท้ายที่สุด โจวมู่ไป๋ไม่มีสมบัติล้ำค่าเช่นเขา

เมื่อคิดถึงตรงนี้

เขามองไปที่สนามรบของโจวมู่ไป๋

ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัววิธีการโจมตีของโจวมู่ไป๋ การต่อสู้ของพี่น้องซุนฝูจึงค่อนข้างระมัดระวัง พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างดุเดือด

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ พวกเขาก็จะร่วมมือกันต่อสู้กับโจวมู่ไป๋

จนถึงตอนนี้

โจวมู่ไป๋ตัดมือของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสองตนไปข้างหนึ่ง

แต่ด้วยการเติมเต็มของกลิ่นอายสังหารโลหิต เฉินเต้าเสวียนพบว่ามือของทาสศพตนนั้นงอกขึ้นมาใหม่

เพราะเรื่องนี้ ทไให้เฉินเต้าเสวียนเห็นปัญหาทันที

ทุกครั้งที่โจวมู่ไป๋ต้องการฆ่าทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นหนึ่งตน เพื่อทำลายสมดุลของพลังระหว่างทั้งสองฝ่าย

พี่น้องซุนฝูก็จะพยายามขัดขวาง

ด้วยพลังขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสมบูรณ์ของพี่น้องทั้งสอง แม้ว่าโจวมู่ไป๋จะเอาชนะพวกมันได้ เขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

ทุกครั้งที่ล่าช้า ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นก็จะรอดพ้นจากวิกฤต พี่น้องซุนฝูก็จะเริ่มต่อสู้แบบยืดเยื้อกับโจวมู่ไป๋อีกครั้ง

เฉินเต้าเสวียนมองแผนการออกแล้ว

ด้วยความร่วมมือของพี่น้องศพทั้งสอง พวกมันสามารถต้านทานการโจมตีของโจวมู่ไป๋ได้อย่างหวุดหวิด

นี่คือความมั่นใจของพวกมันในการซุ่มโจมตีโจวมู่ไป๋

หากโจวมู่ไป๋สามารถฆ่าพวกมันได้ด้วยกระบี่เดียว

พวกมันคงหนีไปแล้วตั้งแต่พบโจวมู่ไป๋แล้ว

เมื่อเห็นดังนั้น

เฉินเต้าเสวียนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ขณะที่หลบการโจมตีของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงตนนั้น เขาก็พูดว่า “พี่ใหญ่โจว ข้าจะต้านพี่น้องสองตนนั้นไว้เอง ท่านจัดการทาสศพที่เหลืออย่างเต็มที่!”

เมื่อได้ยินดังนั้น

โจวมู่ไป๋ก็ประหลาดใจในตอนแรก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมเสี่ยง

“ตกลง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด