ตอนที่แล้วตอนที่ 65 จงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาดีๆ เป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 67 สหายซูเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง

ตอนที่ 66 คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืน


ตอนที่ 66 คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืน

  

“เสี่ยวอวิ๋นยังไม่มาอีกหรือ?”

  

เมื่อมองไม่เห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ด้านล่าง เฟิ่งหลวนจึงขมวดคิ้วและส่ายหน้าระอา

  

“ช่างเถอะ ประกาศโดยไม่ต้องรอแล้ว”

  

ไม่นานนี้ซูอันเตือนนางว่าเศษซากที่เหลือของนิกายเหอฮวนกำลังจะโจมตีนิกายเทียนสุ่ย ซึ่งหลังจากที่นางตามสืบจนชัดเจน จึงพบว่ามีร่องรอยของผู้ปลูกฝังมารอยู่ใกล้กับนิกายเทียนสุ่ยซึ่งบังคับให้นางต้องเพิ่มความสนใจ

  

นางยิ่งรู้สึกขอบคุณซูอันสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้ นางละทิ้งความบาดหมางเก่าก่อนจนสิ้นและรู้สึกผิดที่เข้าใจซูอันผิดด้วย

  

เห็นได้ชัดว่าท่านโหวซูเป็นคนดี

  

“สานุศิษย์ทั้งหลาย วันนี้ข้าเรียกรวมตัวทุกคนเพราะ...” ขณะที่นางกำลังพูดก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาและหยุดที่มุมห้องโถง นั่นคือฉินอวิ๋น

  

เฟิ่งหลวนเลิกคิ้วขึ้น แต่ยังประกาศต่อโดยไม่สนใจเขา “ตอนนี้ผู้ปลูกฝังมารกำลังอาละวาดอยู่ในชิงโจว ทั้งยังมีเป้าหมายที่จะทำลายนิกายเทียนสุ่ยของเราด้วย...พวกเราต้องรวมกันเป็นหนึ่ง...นับจากนี้ไป ศิษย์ทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก ค่ายกลป้องกันสูงสุดของนิกายจะถูกเปิดใช้งาน ในเวลาเดียวกันสามชั้นแรกของหอสมบัติจงเหมินจะเปิดขึ้น แต่ละคนสามารถเลือกวิทยายุทธเสินทงได้หนึ่งชนิดและสามารถใช้คะแนนคุณงามความดีแลกเคล็ดวิชาและสมบัติใดๆ ก็ได้”

  

ก่อนที่มู่หนิงเจินจะออกมา นางเป็นผู้ควบคุมดูแลนิกายเทียนสุ่ยจึงมีอำนาจในการตัดสินทั้งหมด

  

ทันทีที่นางพูดจบก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายความโกลาหลที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ เพราะโดยปกติแล้วสมบัติล้ำค่ากับเคล็ดวิชาชั้นยอดนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมของสานุศิษย์

  

หากค่ายกลป้องกันสูงสุดของนิกายถูกเปิดใช้งาน มันจะมีพลังมหาศาลและสามารถปิดกั้นผู้แข็งแกร่งระดับหยางผู้บริสุทธิ์ได้ แต่การเปิดใช้งานเพียงหนึ่งวันต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมหาศาล แม้แต่นิกายระดับสูงสุดยังเปิดใช้งานเมื่อศัตรูที่แข็งแกร่งมากๆ บุกโจมตีเท่านั้น

  

ตอนนี้ค่ายกลป้องกันสูงสุดถูกเปิดใช้งานแล้ว หมายความว่าศัตรูเหล่านั้นสามารถคุกคามความปลอดภัยของนิกายเทียนสุ่ยได้

  

ฉินอวิ๋นมองบรรดาศิษย์พี่หญิงที่ยืนอยู่ด้านบนและหัวใจของเขารู้สึกตึงเครียด

  

ในอดีต ภายใต้การคุ้มครองของนิกายเทียนสุ่ยและพวกศิษย์พี่ เขาไม่เคยต้องกังวลกับอันตรายใด

ก่อนซูอันจะมาเหยียบที่นิกาย เขาใช้ชีวิตด้วยความสบายใจเสมอ

  

แต่ตอนนี้อันตรายกำลังคุกคามนิกายและบรรดาศิษย์พี่ของเขาแล้ว

  

แม้ว่าตอนนี้พวกศิษย์พี่จะมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับซูอัน ถึงขั้นต่อต้านเขาเพื่อผู้ชายคนนั้น แต่เขาจะทนเห็นพวกนางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร

  

ไม่ได้การ ต้องรีบฝึกตนให้ถึงระดับมิ่งตานโดยเร็ว!

  

ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาจึงสามารถมีบทบาทในอันตรายที่จะเกิดขึ้นและช่วยปกป้องนิกายกับพวกศิษย์พี่หญิงได้

  

ฉินอวิ๋นตัดสินใจแล้ว

  ……

บูม!

  

ราวกับว่าดวงอาทิตย์ที่สดใสตกลงมาในลานบ้าน บังเกิดความร้อนล้นหลาม

  

พลังวิญญาณและเลือดในกายสูบฉีดมหาศาล มันเผาไหม้เหมือนแสงอาทิตย์

  

แต่ความแปลกประหลาดแบบนี้ถูกจำกัดไว้แค่ในบริเวณลานบ้าน เพราะบุปผามรณะดำเนินการปิดผนึกพื้นที่นี้ไว้แล้ว

  

เมื่อพลังวิญญาณและเลือดค่อยๆ รวมเป็นหนึ่งเดียว ร่างของถูเซิ่งหนานจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง พื้นที่รอบกายของนางพังทลายตามแรงที่นางลุกขึ้นยืน นี่คือการรั่วไหลของพลังวิญญาณระดับใหม่

  

รูปร่างของนางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมากนัก แต่นางดูมีพลังและงดงามมากขึ้น ใบหน้าละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น มันดูกลมกลืนในรู้สึกที่ไม่ลงรอยกันอย่างน่าประหลาดใจ

  

“โอ้ เซิ่งหนาน ขอแสดงความยินดีกับการบรรลุระดับหยางบริสุทธิ์ของเจ้า” ซูอันยิ้มดีใจและกล่าวแสดงความยินดี

  

ตามที่คาดไว้ ด้วยการให้ถูเซิ่งหนานกินมังกรสองตัว ในที่สุดนางก็ทะลวงถึงระดับหยางบริสุทธิ์ บัดนี้ในมือของเขามีไพ่อีกใบหนึ่งแล้ว

  

“ขอบคุณคุณชายสำหรับความเมตตา ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุดและยอมตายพร้อมคุณชาย” ถูเซิ่งหนานกำหมัดคารวะด้วยความเคารพ

  

อุปนิสัยของนางยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

  

นางไม่ได้โง่และรู้ว่าเหตุใดนางจึงมาสู่ระดับหยางบริสุทธิ์ได้ หากไม่มีมังกรสองตัวที่ซูอันมอบให้ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าสิบปีนางถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสอาณาจักรหยางบริสุทธิ์

“แคก แคก เซิ่งหนาน ต่อไปถ้าเจ้าไม่มีคำพูดใด เจ้าก็ไม่ต้องพูดหรอกนะ” ซูอันสำลักคำพูดของถูเซิ่งหนาน

  

ตายไปก็น่าเสียดายแย่

  

คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนนับพันปี ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์

  

“เจ้าค่ะคุณชาย”

  

ถูเซิ่งหนานยกมือเกาหัว เพราะนางไม่ชอบพูดคำที่เหมือนพวกหนอนหนังสือนั่นจริงๆ

“หน้าอกของพี่เซิ่งหนานใหญ่ขึ้นมาก!” ความสนใจของเยี่ยหลีเอ๋อร์นั้นแตกต่างออกไป ดวงตาของนางจับจ้องไปที่หน้าอกของถูเซิ่งหนานและนางอยากกระโดดขึ้นไปบีบดูจริงๆ

  

นางอยากรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะส่งผลต่อความนุ่มและความแข็งของบริเวณนั้นหรือไม่?

  

จากนั้นนางถูกซูอันเขกหัว “ข้าบอกให้เจ้าขยันฝึกตน แต่เจ้ายังอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นต้นและได้แต่มองคนอื่นพัฒนาไปเรื่อยๆ”

  

“ก็...มันนานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่มาที่นี่ท่านก็ไม่ฝึกกับข้าอีกเลย” เยี่ยหลีเอ๋อร์มองซูอันด้วยความขุ่นเคือง

  

ในอดีต ทั้งจวนโหวมีนางครองอยู่คนเดียวและบางครั้งจะเรียกหาหลี่จื่อซวง แต่หลี่จื่อซวงไร้มารยาจึงไม่อยู่ในสายตาของนาง ด้านถังซืออวิ๋นไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะยังไม่เคยปีนขึ้นเตียงของพี่อัน นางจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่น่ากลัว

  

แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ฉู่อินแข่งขันกับนางในตำแหน่งหมอนข้าง พี่อันยังบอกด้วยว่าฉู่อินอวบอัดกว่านางและนอนกอดสบายกว่า

  

ส่วนเด็กสารเลวเซียวอวี่ลั่วคนนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริม ยังเรียนรู้ที่จะเรียกพี่อันเหมือนที่นางเรียก และทุกวันนี้นางทำได้เพียงกินของเหลือจากเซียวอวี่ลั่วเท่านั้น ซึ่งมันเหลือทนจริงๆ

  

หากมีโอกาสนางต้องขังเด็กสารเลวนั่นไว้ในห้องลับและฝึกให้เชื่อง! ให้เข้าใจว่าใครเป็นพี่สาวคนโต

  

เมื่อคิดถึงฉากนั้น มุมปากของนางขดเหมือนคนบ้า ความรู้สึกยินดีแทบเอ่อล้น

  

เมื่อเห็นเยี่ยหลีเอ๋อร์ตกอยู่ในความคิดไร้สาระ สีหน้าของซูอันก็มืดลง

  

“เอาแต่คิดเหลวไหลทั้งวัน เจ้าช่วยทำสิ่งที่มีประโยชน์บ้างเถอะ!” เขาตำหนิ

  

“ทำสิ่งที่มีประโยชน์หรือ?” เยี่ยหลีเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นขยับเข้ามาใกล้และเปิดริมฝีปากสีแดงเพื่อเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าเพิ่งได้เรียนรู้ท่า...ใหม่ๆ พี่อัน อยากลองหรือไม่?”

  

ใบหน้าไร้เดียงสาเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ใบหน้าขาวอมชมพูเรียบเนียนทำให้ผู้คนอยากกลืนกินในคำเดียวให้หมด

  

เฮ้อ~ผู้หญิงคนนี้ได้เรียนรู้แต่อะไรมา

  

ใบหน้าของซูอันเคร่งเครียดและแสดงความไม่พอใจ “สาวน้อย เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ?”

เขาดึงเยี่ยหลีเอ๋อร์เข้าไปในห้องแล้วกระแทกปิดประตูตามหลัง

  

“ดูสิว่าวันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างไร!”

  ……

นอกนิกายเทียนสุ่ยมีกองกำลังเผ่ามารซุ่มอยู่ทุกทิศทาง

  

“คาดไม่ถึงว่าเบาะแสจะถูกค้นพบล่วงหน้า” เมื่อมองไปที่ค่ายกลป้องกันสูงสุดเหมือนกระดองเต่าของนิกายเทียนสุ่ย รอยยิ้มของผู้ฝึกตนอ้วนจากลัทธิฮวนสี่ก็จางหายไป

“คนเยอะมาก ข่าวจึงรั่วไหลเป็นธรรมดา” น้ำเสียงของชายหน้าบากยังคงสงบเพราะเขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

  

วิถีมารนั้นมีมากหน้าหลายตาและความแข็งแกร่งต้องมาก่อน เรื่องของคุณธรรมไม่สำคัญ ถ้าเชื่อใจใครจริงๆ เจ้าจะเป็นคนโง่

  

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากจนไม่น่าแปลกใจที่นิกายเทียนสุ่ยจะสังเกตเห็น

  

กระนั้นค่ายกลป้องกันสูงสุดไม่ได้ช่วยอะไร ก็แค่ปล่อยให้นิกายเทียนสุ่ยอยู่รอดได้ระยะหนึ่งและมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการสนับสนุน เพราะนิกายอื่นๆ ในชิงโจวมีความสุขมากที่ได้เห็นนิกายเทียนสุ่ยถูกทำลาย

  

เขามองไปในทิศทางของเซียวเหล่ากุ่ยซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังครั้งนี้

  

เซียวเหล่ากุ่ยสังเกตเห็นการจ้องมองของเขาจึงหันมามอง รอยยิ้มอันมีเสน่ห์ปรากฏบนใบหน้าเหี่ยวย่น

  

“ไม่มีใครในชิงโจวอยากมีท้องฟ้าอีกผืนหนึ่งอยู่เหนือศีรษะหรอก”

มู่หนิงเจินมีความสามารถและเป็นคนที่แข็งแกร่งมากเกินไป

  

หากมู่หนิงเจินบรรลุระกับหยวนเสินได้จริง ในวันนั้นนิกายเทียนสุ่ยจะกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่และกลายเป็นท้องฟ้าเหนือนิกายอื่นๆ ในชิงโจว