ตอนที่ 36 เลื่อนตำแหน่งให้น้องเมีย
เกาหลิงเฟิงช่วยสนมฮวาลุก“ที่รัก ลุกขึ้นเร็ว เราแค่คุยกัน ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น”
สนมฮวาไม่ผ่อนคลายเลย เรื่องราชวงศ์นั้นสำคัญ นางต้องเลิกคำพูดให้ดี“น้องชายข้าเสียพ่อไปตอนเด็ก เขามักเข้ากับผู้บังคับบัญชากับลูกน้องไม่ได้”จากนั้น สนมฮวาก็ถอนหายใจ“น่าเสียดาย เขาหยิ่งและไร้ความสามารถ ตอนนี้ เขาแค่ขุนพลในกองทหารรักษาการณ์”
ในความเป็นจริง สนมฮวามาจากตระกูลทหาร สำหรับฮวามู่หลานที่กลายเป็นขุนพลแต่เยาว์ถือว่าดีแล้ว ราชวงศ์ต้าเฉียนให้ค่ากับความสำเร็จทางทหารสูง ขุนพลคือความสำเร็จขั้นสูงุสดแล้วโดยปราศจากความสำเร็จทางทหาร ทุกครั้งที่ฮวามู่หลานเข้าวัง เขาจะไม่พอใจ รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับโอกาสสร้างชื่อให้ตัวเอง
สนมฮวาพูดเสริม“น้องชายข้าชอบคุยแต่ไม่กระทำ เขาไม่เคยสู้ศึกจริงแต่มักคิดว่าตัวเองเป็นแม่ทัพ เห้อ ฝ่าบาท การพูดถึงน้องชายที่ไม่ได้ความทำให้ข้าไม่สบายใจ”
หลังพูด น้ำตาก็เอ่อล้น
ยอดเยี่ยม!เกาหลิงเฟิงตืนเต้น! ความหยิ่งของฮวามู่หลานบ่งชี้ว่าเขาภาคภูมิใจตัวเองมากและดื้อรั้น การขาดประสบการณ์ทหารจริงแสดงให้เห็นว่าเขาขาดการปฏิบัติจขริง มีแค่ทฤษฏี ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าฮวามู่หลานคือชายหนุ่มที่ไม่มีความสามารถมากแต่คิดว่าตัวเองเก่งกาจ
เยี่ยม!คนเช่นนี้เหมาะมาก!
เกาหลิงเฟิงพอใจมาก น้องเมียผู้นี้!เขาต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่ง!แต่จะวางเขาไว้ไหน?ทิศทางหลักของทหารในต้าเฉียนคือต่อต้านคนเถื่อนทางเหนือ ควรมอบหมายไปเหลียวเจิ้น?’
ไม่ เกาหลิงเฟิงส่ายหัว แม้เขาจะอยากเป็นเซียน คนของโลกนี้ก็คือสิ่งมีชีวิต เขาไม่อาจทนใช้ฮวามู่หลานเพื่อสังเวยทหารทั้งกองทัพได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคนเถื่อนรุกรานจริง มันจะนำไปสู่การสูญเสีย
แม้เกาหลิงเฟิงจะอยากทำลายโชคลาภ เขาก็ไม่ได้ไร้หัวใจ เขาอยากค่อยๆบ่อนทำลายขณะที่ไม่ทำร้ายผู้คน จะส่งน้องเมียที่ไร้ความสามารถไปไหนดีนะ?
หลังครุ่นคิด เกาหลิงเฟิงก็ตระหนักว่าตำแหน่งของฮวามู่หลานไม่อาจเลี่ยงการต่อสู้ได้ ไม่งั้น จะไม่มีทางแสดง’พรสวรรค์’ แต่มันไม่อาจเกี่ยวกับการต่อสู้ใหญ่ได้ ไม่งั้นฮวามู่หลานอาจทำลายทั้งกองทัพ ทำให้ผู้คนทนทุกข์มากขึ้น ดังนั้น มันต้องวางไว้ฝ่ายเล็กแต่ไร้ความสามารถจะเริ่มสงครามใหญ่
ที่ไหน?ทันใดนั้น ตำแหน่งก็ผุดในหัวของเกาหลิงเฟิง มณฑลจินไงละ!ใช่ มณฑลจินติดกับคนเถื่อทางเหนือแต่ก็มีภูเขาทำหน้าที่เป็นแนวกั้นธรรมชาติ ดังนั้น มณฑลจินจึงไม่เคยเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี แม้กระทั่งระหว่างการรุกรานใหญ่ มณฑลจินก็เจอกับการบุกส่วนน้อยเท่านั้น ไม่เคยโดนทัพใหญ่รุกรานร
ต่อมา มณฑลจินก็รุ่งเรืองเพราะการค้ากับคนเถื่อน เพราะมีความบาดหมางระหว่างมณฑลจินกับคนเถื่อนทางเหนือน้อย ดินแดนจึงยังไม่โดนแตะ การวางน้องเมียเขาไว้ในมณฑลจินในฐานะข้าหลวงป้องกันจะไม่วุ่นวายมาก
การใช้คนที่มีแรงบันดาลใจสูงแต่ความสามารถต่ำจะก่อให้เกิดความไม่พอใจจากทหาร นี่จะเป็นการทำลายโชคลาภ เกาหลิงเฟิงคิดกับตัวเอง”ข้ามันอัจฉริยะจริงๆ!’
ทันใดนั้น เขาก็พูด“ที่รัก ข้ายังเชื่อว่าน้องชายเจ้ามีศักยภาพ”
สนมฮวางุนงง เกาหลิงเฟิงพูดต่อ“ข้าคิดจะมอบโอกาสให้เขาพัฒนา หยกต้องขัดถึงมีค่า และคนมีพรสวรรค์ก็ต้องการโอกาส ข้าหวังในตัวมู่หลานไว้สูง เขาคือน้องชายเจ้าและเจ้าควรเชื่อในตัวเขาเช่นกัน!ที่รัก ข้าอยากแต่งตั้งฮวามู่หลานเป็นข้าหลวงป้องกันของมณฑลจิน เจ้าคิดว่ายังไง?”
สนมฮวาตกตะลึง ตำแหน่งข้าหลวงของมณฑลสำคัญและถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการ ในฐานะผู้นำทางทหารในมณฑล ข้าหลวงคือนายทหารชั้นสูงของมณฑลนั้น!มันเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก!
สนมฮวาไม่คิดว่าเกาหลิงเฟิงจะแต่งตั้งน้องชายนางเป็นขุนนางอาวุโสในมณฑลทหารแนวหน้าโดยตรง ข้ามแม่ทัพวัยกลางคนและอาวุโสหลายคน!
ทันใดนั้น สนมฮวาก็ตระหนักว่าเกาหลิงเฟิงต้องตั้งใจเลื่อนตำแหน่งคนของเขา แต่ เกาหลิงเฟิงน่าจะเข้าใจว่านางห่วงน้องชาย ดังนั้น เลยส่งเขาไปมณฑลที่ปลอดภัยสุด อย่างมณฑลจินเพื่อสั่งสมประสบการณ์
การมาจากตระกูลทหารใหญ่ สนมฮวได้ศึกษาภูมิศาสตร์กับพ่อตั้งแต่เด็ก นางย่อมรู้ว่ามณฑลจินเป็นมณฑลชายแดนที่ปลอดภัยสุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันยังรุ่งเรืองด้วย!
น้ำตาเอ่อล้นในดวงตานางอีกครั้ง จักรพรรดิทรงห่วงใยนางมาก พอรับรู้ถึงคลื่นความอบอุ่นในหัวใจ นางก็พูดกับเกาหลิงเฟิง”ข้าขอขอบคุณฝ่าบาทแทนน้องชายข้าด้วย!’
จากนั้น สนมฮวาก็กระโดดเข้าอ้อมกอดของเกาหลิงเฟิง เปลี่ยนน้ำเสียงและพูด“ให้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณของฝ่าบาท!”
จากนั้นนางก็กอดเกาหลิงเฟิงแน่น และกระตุ้นรักอันเร่าร้อน
ขณะที่ทั้งสองกำลังมีอารมณ์ เสี่ยวเต๋อจือก็พลันเข้ามา“ขอแสดงความยินดีด้วย ฝ่าบาท!!ราชวงศ์ได้รับการอวยพรจากสวรรค์!”