แท้จริงแล้ว เขาคือเจ้าของบริษัทคนใหม่! (อ่านฟรี 15/09/2567)
ภายในห้องโถงของเหม่ยฟาส สถานการณ์ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“อะไรนะ! แกจะบอกว่าแกลืมกดเงินมา ?? ใครจะไปเชื่อวะ!” เล่อปู๋ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่เชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว! สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาสิ ไม่มีเงินก็ไปขายที่เอาเงินมาใช้คืนทุกคนซะ!” ฉีเป้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตะโกนตามน้ำออกมาด้วย
“ฉันไม่ได้โกหกนะ! พอดีงานมันยุ่งจนลืมก็แค่นั้น ใกล้ ๆ นี้ก็มีธนาคารไม่ใช่เหรอ ? ไปด้วยกันก็ได้จะได้รู้ว่าฉันพูดจริงไหม!” เย่เซวียนที่ถูกปรักปรำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
เขามีเงินจริง ๆ นะ! เพียงแค่ยังไม่ได้กดออกมาก็แค่นั้นเอง!
ไม่คิดเลยว่าเพราะน้องสาวคนใหม่จะทำให้เขาลืมเลือนเรื่องสำคัญไปเช่นนี้ ตามปกติเขาจะไม่ใช่คนที่ลืมอะไรง่าย ๆ แบบนี้ ดูเหมือนตัวเขาจะผิดแปลกไปจากปกติเพียงเพราะผู้หญิงเสียแล้วสิ พลังแห่งนารีช่างน่ากลัวสมคำร่ำลือจริง ๆ
“ไม่ต้องมาโกหก เอาเงินคืนมา!” เล่อปู๋ชี้หน้าเย่เซวียนด้วยความได้ใจก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
นั่นทำให้บรรดาพนักงานโดยรอบพากันมามุงดูเรื่องสนุกที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความสนใจ รวมถึงพวกที่เป็นเจ้าหนี้ของเย่เซวียนไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือมากมากก็ตาม ล้วนมามุงดูกันทั้งนั้น
มีเพียงเปาหยุนกับพนักงานอีกราวสองสามคนที่ยืนทำหน้าลำบากใจและไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวยืนอยู่ที่วงนอกเท่านั้น พวกเขารู้นิสัยของเย่เซวียนดีว่าไม่ใช่คนพูดโกหก ถ้าชายคนนี้สัญญาอะไรเขาย่อมทำตามนั้นอย่างแน่นอน ยกเว้นจะมีเรื่องสุดวิสัยเกิดขึ้นก็เท่านั้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็จะทำตามคำสัญญาในท้ายที่สุด ด้วยเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เอาเงินคืนมา!”
“เอาเงินของฉันคืนมา!”
“คืนเงินมาเดี๋ยวนี้ไอ้ขี้ขโมย! ไอ้จอมหลอกลวง”
เริ่มมีเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจจากบรรดาเจ้าหนี้ของเย่เซวียนผสมโรงมาด้วย ทำให้เกิดเป็นคลื่นเสียงขนาดย่อมภายในร้านเหม่ยฟาสอย่างช่วยไม่ได้
เย่เซวียนได้แต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา เนื่องจากต้นเหตุก็คือตัวเขาเองที่ไปยืมเงินคนเหล่านี้
“พูดไม่ออกเลยเหรอวะ ? คิดว่ายืนเงียบแล้วเรื่องจะจบรึไง ?” เล่อปู๋เดินเข้ามาผลักอกเย่เซวียนก่อนจะกล่าวออกมา เขาไม่ชอบหน้าของอีกฝ่ายมานานแล้ว เพราะมันหล่อกว่าเขาทำให้ผู้หญิงที่เขาแอบชอบหันไปชอบมันแทน นอกจากนี้มันยังยาจกขนาดต้องไปยืมเงินคนอื่นไปทั่วอีก
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขา แต่เขาก็รู้สึกไม่ชอบอีกฝ่ายอยู่ดี!
“.. เดี๋ยวฉันบอกคนเอาเงินมาให้ก็แล้วกัน ใจเย็น ๆ กันหน่อย” เย่เซวียนที่ไม่อยากจะไปรบกวนคนอื่น แต่สถานการณ์ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของเขาคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ เลยกล่าวออกมา
“คนพวกนี้นิสัยไม่ดีเลยพี่ชาย!” วิญญาณของเด็กน้อยยืนน้ำตาคลอก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง
เมื่อสักครู่นี้เด็กน้อยพยายามจะเดินไปดันตัวของเล่อปู๋ที่จะเข้ามาพลักเย่เซวียนออก แต่ก็ทำไม่สำเร็จ อีกฝ่ายเพียงเดินทะลุร่างของเด็กน้อยไปก็เท่านั้น
ผัวะ!
“มองแบบนี้อยากตายเหรอวะ!” เล่อปู๋ที่ถูกเย่เซวียนจ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามก็ทนไม่ไหวจนพุ่งเข้าไปต่อยหน้าอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
น่าแปลกที่เย่เซวียนที่โดนต่อยกลับไม่หลบหลีก แถมยังคงยืนนิ่งจ้องมองอีกฝ่ายได้เช่นเคย เขาจงใจปล่อยให้อีกฝ่ายชกตัวเองก่อนเพื่อที่จะได้มีข้ออ้างในการป้องกันตัวเอง แต่ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะซัดหน้าอีกฝ่าย ก็ได้มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาเสียก่อน
ครืดดดด ตึก ตึก
“คุณเย่เซวียนครับ อยู่ไหมครับ!” มีเสียงอันดุดันของชายคนหนึ่งดังมาจากทางเข้าของร้านเหม่ยฟาส
ชายกลางคนที่มีใบหน้าดุดัน แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตไม่ติดกระดุมสามเม็ดบน ทรงผมเซอร์ ๆ สีดำไม่ยาวนัดเดินเข้ามาพร้อมของเต็มไม้เต็มมือไปหมด เขาใช้เท้าเปิดประตูเลื่อนของร้านเหม่ยฟาสด้วยท่าทางไม่แยแส
ครึ่งหลัง
ตุบ!
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ! เกิดอะไรขึ้นกัน!” แต่แล้วเมื่อเขาเห็นว่าชายหนุ่มที่เขาถูกสั่งมาว่าให้ดูแลให้ดีถูกใครบางคนต่อยเข้าอย่างจัง เขาก็รีบโยนข้าวของลงพื้นแล้ววิ่งเข้าไปดูอาการของอีกฝ่ายในทันที
ไอ้บัดซบ! แกกล้าดียังไงมาต่อยคนที่ช่วยชีวิตคุณท่านไว้วะ! สงสัยจะเก็บไว้ไม่ได้ซะแล้ว!!
“ไอ้แก่นี่ใครวะ ? คนรู้จักของไอ้ยาจกนี่เหรอ ?” เล่อปู๋ที่กำลังจะเข้าไปทำร้ายเย่เซวียนต่อก็กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่ามีใครก็ไม่รู้มาขวางไว้
“ใสหัวไปไกล ๆ เลยถ้าไม่อยา.......” ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีกำปั้นตรงเข้าใส่ใบหน้าของเขาอย่างแรก
ผัวะ! ตุบ!
ร่างของเล่อปู๋ถูกกำปั้นนั้นซัดเข้าใส่จนลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น เขารู้สึกมึนงงจนตองนอนหมอบไปชั่วขณะ
พนักงานของเหม่ยฟาสที่ตอนแรกพากันมุงดูด้วยความสนใจก็แตกกระจายออกมาในทันทีเมื่อมีเรื่องชกต่อยเกิดขึ้น พวกเขามองไปยังชายกลางคนที่เข้ามาใหม่ด้วยสายตาหวาดระแวง
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ?” ชายกลางคนหันมาถามชายหนุ่มที่ยืนมองเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาอ่านอีกฝ่ายไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ไม่เป็นไรครับ เพียงแค่ถ้าคุณไม่เข้ามาผมคงต่อยมันเองแล้วล่ะ” เย่เซวียนตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยความสุภาพ แต่สิ่งที่เขากล่าวออกมากลับทำให้เพื่อนร่วมงานที่ได้ยินถึงกับตะลึงไม่น้อย
เพราะเย่เซวียนคือชายที่มืดมน ไม่ตอบสนองแม้จะถูกทำอะไรก็ตาม การที่อีกฝ่ายบอกว่าจะต่อยเล่อปู๋จึงนับว่าน่าแปลกเป็นอย่างมาก
“แกเป็นใครวะ! กล้าดียังไงมาต่อยหน้าฉัน!” เล่อปู๋ที่ดูเหมือนจะฟื้นตัวแล้วตวาดออกมาเสียงดัง เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะชี้ไปที่หวังเฉาด้วยความโกรธ
“แกไม่รู้จักฉัน ?.... ก็ไม่แปลก น้ำหน้าอย่างแกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร” หวังเฉามองไปยังอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
แปะ แปะ
หลังจากที่ชายกลางคนปรบมือสองที ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมเกรียม แค่มองก็รู้ว่าน่าจะเป็นนักเลงอย่างแน่นอนเดินเข้ามาหลายสิบคน กลุ่มชายฉกรรจ์ทำการยืนปิดทางเข้าไว้แล้วจ้องมองคนในร้านด้วยใบหน้าดุดัน
“พะ พวกแก! ถ้ากล้าทำร้ายพวกเรา พวกเราจะแจ้งความ!” เล่อปู๋ที่เป็นสถานการณ์ตรงหน้าก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กล่าวข่มขวัญอีกฝ่ายออกมา เพราะมันน่าจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัวได้
แต่เขาหารู้ไม่ สำหรับหวังเฉานั้นตำรวจก็เป็นแค่เพียงสุนัขรับใช้ก็เท่านั้นเอง!
“ใครก็ได้ช่วยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม ?” หวังเฉาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เล่อปู๋พูดออกมาแม้แต่น้อย เขากล่าวออกมาเสียงดังก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ
“แก! เออ! แกนั่นแหละ เดินมานี่!” เขาชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ก่อนจะเรียกให้เข้ามาหา
ชายคนนั้นก็คือเปาหยุนนั่นเอง เปาหยุนได้แต่เดินไปหาอีกฝ่ายด้วยความหวาดกลัว เขากลัวว่าถ้าเขาทำอะไรผิดปกติไปอาจถูกอีกฝ่ายทำร้ายเอาได้
“ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ?” เมื่อเห็นว่าชายที่ตนเรียกเดินเข้ามาหาแล้ว หวังเฉาก็ยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะกล่าวออกมา
แต่รอยยิ้มแสยะของเขามันชวนให้รู้สึกหวาดกลัวมากกว่าจะเป็นมิตรเสียอีก ถ้าไม่ยิ้มออกมาคงจะชวนให้รู้สึกน่าเชื่อถือมากกว่า
“คือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ....”
เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายเปาหยุนก็ได้แต่จำใจเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เย่เซวียนยืมเงินของคนอื่น เรื่องความสัมพันธ์ของพนักงานในเหม่ยฟาสกับเย่เซวียน เรื่องของตัวเขากับคนอีกไม่กี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“เฮ้ออ พวกแกนี่มันโง่จริง ๆ” หวังเฉามองไปยังเปาหยุนด้วยใบหน้าเหมือนมองคนโง่
“เอาเถอะ! มีเรื่องนึงที่ต้องบอกทุกคนที่นี่เอาไว้ก่อน....” เขากล่าวออกมาก่อนจะหยุดไปเล็กน้อย
“เขาคือเจ้าของบริษัทคนใหม่!” ว่าแล้วหวังเฉาก็ชี้ไปยังเย่เซวียนในขณะที่กล่าวออกมาเสียงดัง