บทที่ 46 พลังหมัดพันสี่ร้อยจิน!
ทันทีที่ หลัวเฉิงออกจากศาลาหลิงอวิ๋น ก็ประสบพบกับกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขาขณะนี้
ซึ่งคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าคือหลินเซียว และถัดจากเขาคือบุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีขาวผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม
“หลัวเฉิง!”
เมื่อเห็นหลัวเฉิง ใบหน้าของหลินเซียวก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ แล้วเขาก็หันหน้าไปกระซิบชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมคนนั้น
หลัวเฉิงเพิกเฉยต่อการกระทำของพวกเขา แล้วกำลังจะเดินผ่านไป แต่ทันใดนั้น บุรุษหนุ่มอาภรณ์ขาวก็เอื้อมมือออกมาปรามเขาไว้
“เจ้านะหรือคือหลัวเฉิง”
บุรุษหนุ่มผู้เคร่งขรึมเหลือบมองหลัวเฉิงด้วยแววตาที่ไม่แยแสขณะเอ่ยถาม
หลัวเฉิงหยุดเดินแล้วถามกลับว่า “แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร”
บุรุษหนุ่มอาภรณ์ขาวเหยียดยิ้มอย่างภาคภูมิกล่าวว่า “ข้าหลินอวิ๋นแห่งตระกูลหลิน!”
หลินอวิ๋น!
หลัวเฉิงไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นหลินอวิ๋น จากรูปลักษณ์มาตรว่าอายุน้อยกว่าสิบห้าปีด้วยซ้ำ
“เจ้ายืนขวางทางข้าอยู่” หลัวเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น
หลินอวิ๋นเลิกคิ้วแล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เจ้ามันช่างอวดดีนัก! ทั้งที่เป็นเพียงแค่ขยะผู้ได้ความแข็งแกร่งมาจากการกลืนโอสถเท่านั้น”
เมื่อเขาเห็นหลัวเฉิงออกมาจากศาลาหลิงอวิ๋น เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าเหลือเชิงมาที่นี่เพื่อซื้อโอสถ เขาจึงกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยามยิ่งนัก
พัฟ!
สิ้นวาจา ทั่วร่างของหลินอวิ๋นก็สะท้านสั่น ตามมาด้วยเสียงคำรามของเสือ ไม่ช้า พยัคฆ์ขนาดใหญ่ที่ปลายหางเป็นแมงป่องก็ปรากฏเบื้องหลังเขาทันใด พร้อมในตัวมันมีดวงดาวจรัสแสงหกดวง
“พยัคฆ์หางแมงป่องวิญญาณยุทธ์หกดาว!!”
“คนผู้นี้คือหลินอวิ๋นแห่งตระกูลหลิน ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเขาได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับหกดาว แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!”
ผู้คนโดยรอบการแสดงความตื่นตะลึง เมื่อได้เห็นวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์หางแมงป่อง
หลังจากปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมา ใบหน้าของหลินอวิ๋นก็เชิดขึ้นอย่างหยิ่งจองหอง และสายตาที่เขามองหลัวเฉิงดุจเดียวกับที่ใช้มองมดปลวกมิมีผิด
“การพึ่งพาพลังของโอสถในการฝึกฝนนั้น มันก็ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้ววิญญาณยุทธ์คือทุกสิ่ง!”
หลัวเฉิงขยับมุมปากยิ้มแล้วกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เจ้าจะบอกว่า เจ้าไม่เคยกลืนโอสถในการฝึกฝนเลยงั้นหรือ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของหลินอวิ๋นก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย จะมีผู้ใดบ้างที่อยู่ในขั้นหลอมกายาไม่กลืนโอสถเพื่อฝึกฝน
สิ่งที่หลัวเฉิงเพิ่งกล่าวออกมาเมื่อครู่ มันทำให้เขารู้สึกราวกับเขาถูกตบจนหน้าชา
ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นแค้นเคือง แล้วหลินอวิ๋นก็ตะคอกอย่างแข็งกร้าว “ไม่กี่วันก่อน เจ้าชนะเดิมพันที่บ่อนพนันหยกเขียว วันนี้ข้าขอท้าเดิมพันเจ้าอีกครั้งด้วยเงินสามแสนแปดหมื่นตำลึงเช่นเคย หากเจ้าสามารถรับหมัดข้าได้สามหมัด ถือว่าเจ้าชนะ!”
“ข้าไม่สนใจ!”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเดินเฉียงผ่านหลินอวิ๋นออกไปทางด้านข้าง
“ไอ้เจ้าขยะนี่!”
หลินอวิ๋นถูกอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น ซึ่งไม่ได้รับการระบายออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำและกระชับมัดแน่นพลางกัดฟันจนร่างสั่นเทา
ครั้นหลินเซียวเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “หลินอวิ๋นไม่ต้องร้อนใจ อีกเพียงสองวันก็จะถึงงานชุมนุมล่าสัตว์แล้ว ตอนนั้นก็คงไม่สายเกินไปหากเจ้าจะสอนบทเรียนให้เขา”
หลินอวิ๋นกัดฟันกล่าว "จบคนไร้ค่าที่เอาแต่พึ่งพาพลังของโอสถอย่างเดียว กลับกล้าแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าข้า! เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะหักแค้นหักขามันซะ! ให้มันได้รู้ว่า สิ่งที่ตามมาหลังจากทำให้ข้าผู้นี้แค้นเคืองมันจะเป็นอย่างไร!”
ทันทีที่ หลัวเฉิงกลับถึงจวนตระกูลหลัว เขาก็ได้ทราบว่าเถ้าแก่ซูแห่งศาลาหลินอวิ๋นมาเยี่ยมปู่เขาในวันนี้
จากนั้นไม่นานนัก เถ้าแก่ซูก็ขอตัวกลับ พร้อมกับหลัวหมิงซานประกาศว่าต้องการเก็บตัวเงียบๆ
หลังได้ยินประกาศ หลัวเฉิงก็รับรู้ได้ในทันใด ว่าโอสถเกล็ดมังกรถูกส่งมอบให้ปู่ของเขาเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูลั่วเหยาช่างทำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วนัก”
พึมพำจบ หลัวเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขบริมฝีปากเขาเล็กน้อย ขณะที่ในหัวยังหวนคะนึงความงดงามอันมีเสน่ห์นั้น
เมื่อกลับถึงเรือนเล็กๆ ที่เขาอาศัยอยู่ หลัวเฉิงก็รีบเดินตรงไปยังลานฝึกยุทธ์ เขาก็พุ่งหมัดใส่เสาฝึกซ้อมทันที
เสียงลั่นดังอย่างกะทันหัน ขณะที่เสาฝึกซ้อมสั่นสะบั้นอย่างรุนแรง เผยให้เห็นรอยหมัดที่ฝังลึกอยู่บนนั้น
“หมัดนี้มีพลังอย่างน้อยก็พันสี่ร้อยจิน!”
พลังเช่นนี้ทำให้หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาระดับเก้าทั่วไป มีพลังของหมัดน้อยกว่าพันจิน แต่ตอนนี้พลังของเขามากกว่าเกือบครึ่ง!
แม้นจะไม่ได้ใช้กระบวนท่าเพลงหมัด เขาก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาระดับเก้าได้อย่างง่ายดาย!
หลังจากใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว หลัวเฉิงก็ตระหนักได้ว่า คงเพราะเขากลืนวิญญาณสัตว์อสูรเข้าไปมากมายก็อาจเป็นได้
นับแต่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้า เขาได้กลืนวิญญาณสัตว์อสูรระดับสูงหนึ่งดาวไปหลายสิบดวง ก่อนที่เขาจะทันทะลวงเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหลอมกายาได้สำเร็จ
ดังนั้น แก่นแท้ของสัตว์อสูรจำนวนมากจึงถูกสะสมไว้ในกายเขา และพวกมันจะไม่ระเบิดพลังออกมา จนกว่าเขาจะทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอด!
“ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงงานชุมนุมล่าสัตว์ ข้าอยากรู้นักว่าพลังของข้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน! มันจะถึงสองพันจินหรือไม่”