บทที่ 45 ช่างเป็นชายที่เร้าใจข้ายิ่งนัก!
ฟังจากน้ำเสียงของนางก็สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน พวกนางคิดว่ามีผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยหลอมโอสถให้เขาอยู่ขณะนี้!
หลัวเฉิงยังคงมีทีท่าสงบนิ่ง เขาคบคิดอยู่ชั่วครู่แล้วกล่าวว่า “พวกท่านต้องการโอสถวิญญาณกี่เม็ดงั้นหรือ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของลั่วเหยาก็ฉายแววประหลาดใจทันที
ในตอนแรกนางไม่ได้คิดจริงๆ ว่าจะมีปรมาจารย์นักปรุงโอสถอยู่เบื้องหลังหลัวเฉิง แต่เมื่อเห็นว่าเขากล่าวออกมาเช่นนั้น นางก็เริ่มมีความหวัง “โอสถระดับสี่ดาวสามเม็ด!”
เมื่อเห็นว่าหลัวเฉิงยังคงไร้ซึ่งเสียงตอบ ลั่วเหยาจึงรีบกล่าวว่า “แน่นอนว่า เราจะมอบของรางวัลตอบแทนให้ผู้อาวุโสท่านนั้นพอใจอย่างแน่นอน!”
“ตกลง ไว้ข้าจะลองไปคุยกับอาจารย์ให้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีเวลาว่างตลอด พวกท่านจะต้องรอจนกว่างานชุมนุมล่าสัตว์จะจบลง”
หลัวเฉิงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ด้วยสัญลักษณ์เก้าสีบนฝ่ามือ เขาจะสามารถหลอมโอสถได้มากมายในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้จะกระตุ้นความสงสัยของผู้คนโดยรอบอย่างแน่นอน
แต่เนื่องจาก ลั่วเหยาเข้าใจผิดคิดว่าเขามีปรมาจารย์นักปรุงโอสถอยู่เบื้องหลังเพื่อคอยช่วยเหลือ เขาก็จำต้องไหลไปตามกระแสที่นางเป็นคนสร้างเท่านั้น!
“อาจารย์งั้นรึ!”
ลั่วเหยาและเถ้าแก่ซูมองหน้ากันด้วยสายตาตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่า ปรมาจารย์ที่ซุ่มซ่อนอยู่เบื้องหลังของหลัวเฉิงจะกลายเป็นอาจารย์เขาเช่นนี้
ลั่วเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นใบหน้าอันงดงามก็สั่นพยัก “ตกลงตามนั้น”
“จริงสิ ข้ามีเรื่องจะรบกวนให้คุณหนูลั่วช่วยข้าหน่อย”
หลังกล่าวเช่นนั้น หลัวเฉิงก็หยิบโอสถที่หลอมขึ้นจากผลเกล็ดมังกรออกมา
“คุณหนูลั่วช่วยข้ามอบโอสถนี้ให้กับท่านปู่ของข้าที ส่วนวิธีการจะมอบเช่นไรนั้นท่านตัดสินใจได้เลย แต่ท่านต้องไม่เปิดเผยว่าข้าเป็นผู้มอบมันให้ท่าน”
ก่อนหน้านี้ เขามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าจะมอบโอสถล้ำค่านี้ให้ปู่ของเขาเช่นไรดี แต่ตอนนี้การขอความช่วยเหลือจากศาลาหลิงอวิ๋นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ลั่วเหยาหยิบโอสถเม็ดนั้นแล้วกล่าวว่า “คุณชายไม่ต้องกังวลใจ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่านเอง”
“จริงสิคุณหนู เรื่องของข้าในวันนี้รบกวนคุณหนูปิดเป็นความลับด้วย ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบเรื่องนี้อีก”
หลังกล่าวเช่นนั้นแล้ว หลัวเฉิงก็ลุกขึ้นแล้วจากไปในทันที
เมื่อมองแผ่นหลังของหลัวเฉิงที่กำลังเดินออกไป ลั่วเหยาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้ม
“อาจารย์งั้นหรือ...ช่างน่าสนใจ เถ้าแก่ซูท่านลองดูโอสถเม็ดนี้สิ”
ลั่วเหยายื่นโอสถเกล็ดมังกรให้กับเถ้าแก่ซู
เถ้าแก่ซูเองก็เป็นนักปรุงโอสถเช่นกัน เขาหยิบโอสถเม็ดนั้นขึ้นมาแล้วเพ่งมองอย่างพิถีพิถัน ก่อนสีหน้าจะผันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ “นี่... นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
เมื่อได้ฟังวาจาที่ลั่นออกมาอย่างพิลึกของเถ้าแก่ซู ลั่วเหยาก็ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ”
ขณะนี้ เถ้าแก่ซูถือโอสถไว้ดุจดั่งมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากยิ่งนัก เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ความตื่นเต้นที่กำลังพลุ่งพล่านขนาดนี้
“นี่คือแก่นแท้ของโอสถระดับสี่ดาว! มันบริสุทธิ์มากจนไร้ที่ติ! ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถหลอมโอสถให้บริสุทธิ์ได้ขนาดนี้มาก่อน”
ลั่วเหยาไม่มีความเข้าใจในโอสถอย่างลึกซึ้งเช่นนั้น นางจึงแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“โอสถเม็ดนี้มันน่าอัศจรรย์จนท่านต้องกล่าวเกินจริงขนาดนี้เลยหรือ”
เถ้าแก่ซูส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง มันไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย! ข้าเกรงว่าแม้แต่ผู้อาวุโสเทียนหนูก็ไม่อาจหลอมให้มันบริสุทธิ์เช่นนี้ได้”
“อะไรนะ! แม้แต่ผู้อาวุโสเทียนหนูก็ยังหลอมมันไม่ได้งั้นหรือ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของลั่วเหยาก็เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างฉับพลัน
ผู้อาวุโสเทียนหนู เป็นหนึ่งในนักปรุงโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดในศาลาหลิงอวิ๋น เขาได้ฝึกฝนจนถึงระดับโอสถสวรรค์ จึงได้ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสในระดับสูง
“แล้วสถานะของอาจารย์หลัวเฉิงล่ะ เถ้าแก่ซูคิดว่าเขาอยู่ในระดับใด” ลั่วเหยาเอ่ยถาม
“ราชาโอสถ!”
เถ้าแก่สู่เปิดปากกล่าวเพียงสองคำ จากนั้นส่ายศีรษะ “ไม่สิ มันยิ่งกว่านั้นอีก!”
“ราชาโอสถงั้นรึ!”
ลั่วเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ แน่นอนว่านางเข้าใจความหมายของคำทั้งสองนี้เป็นอย่างยิ่ง
ราชาโอสถสามารถปกครองตระกูลขุนนางชั้นสูงได้!
ลั่วเหยายกนิ้วเรียวยาวราวแท่งเทียนขึ้นสัมผัสริมฝีปากขณะใคร่ครวญ
“จะเป็นผู้ใดได้อีกหากมิใช่คนของตระกูลจี ไม่สิ หลัวเฉิงทำให้พวกเขาเสียหน้าไปแล้ว หรืออาจจะเป็นตระกูลกู่ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลจีกันนะ”
จากนั้นนางก็พลันหัวร่อคิกคักด้วยน้ำเสียงอันน่าพึงใจยิ่ง
“เป็นเรื่องน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ ชายหนุ่มผู้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาจนถูกตระกูลจีทอดทิ้ง แต่กลับกลายเป็นศิษย์ของราชาโอสถลึกลับ ดูเหมือนว่า การที่ข้าถูกส่งมายังเมืองฉีซานอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็เป็นได้”
ลั่วเหยาขยับขาเรียวยาวก้าวเดินไปมาอยู่ครู่ ไม่ช้า นางก็ช้อนตาขึ้นแล้วกล่าวกับเถ้าแก่ซู “หากข้าสามารถกลับไปหาอาจารย์ของข้าได้ในครั้งนี้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากความพยายามของเถ้าแก่ซู”
“ขอบคุณคุณหนูที่ชมเชย!”
เถ้าแก่ซูโค้งคำนับเล็กน้อย อากัปกิริยาของเขาที่มีต่อลั่วเหยานั้น ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความเคารพอย่างมาก
ลั่วเหยาขยับเรือนร่างเคลื่อนไปที่หน้าต่าง จากนั้นเผยรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ แล้วพึมพำว่า “บุรุษผู้มีวิญญาณยุทธ์ขยะ แต่กลับเป็นศิษย์ของราชาโอสถงั้นรึ ช่างเป็นชายที่เร้าใจข้ายิ่งนัก…”