ตอนที่แล้วบทที่ 29 เนื้อร้อง ทำนอง การเรียบเรียง ทั้งหมดโดยเสวี่ยโจว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ใครบอกว่าซูชิงเหม่ยโดนคัดออก?

บทที่ 30 คุ้นเคยเหมือนคู่สามีภรรยา


บทที่ 30 คุ้นเคยเหมือนคุ่สามีภรรยา

"ผลจะเป็นยังไงบ้างนะ?"

หลินโจว, จางหง และ โจวหยุนกำลังรออยู่นอกห้องรับรองนักร้องอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อครู่ พวกเขาเห็นผู้กำกับจางเหล่ยเดินเข้าไปในห้องรับรองนักร้องพร้อมกับแผ่นกระดาษในมือ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นผลการจัดอันดับนักร้องในรอบการแข่งขันนี้

แต่ เนื่องจากช่วงประกาศอันดับในแต่ละตอนของราการ “I Am a Singer” ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่สร้างความตื่นเต้นให้กับรายการมากที่สุด ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปล่วงหน้า ทางรายการจึงอนุญาตให้เพียงบรรดานักร้องและทีมงานรายการที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเข้าห้องรับรองนักร้องได้

หลินโจวและคนอื่นๆ จึงทำได้แค่ยืนรอลุ้นอยู่ข้างนอก หลังจากเวลาผ่านไปซักพัก โจวหยุนก็เริ่มกระวนกระวาย

เพราะ ผลลัพธ์ในรอบนี้เป็นตัวชี้ชะตาของซูชิงเหม่ยว่าจะได้อยู่ต่อหรือไม่ การต้องรอผลเงียบๆเช่นนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจจริงๆ

ผู้จัดการและผู้ช่วยของนักร้องคนอื่นๆ ต่างก็รอลุ้นอยู่ที่นอกห้องเช่นกัน หลินโจวมองไปรอบๆ สังเกตุเห็นสีหน้าของทุกคนดูค่อนข้างเครียดเป็นพิเศษ เหมือนกับพ่อแม่ที่กับลังรอลุ้นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของลูกๆ

หลินโจวอดขำกับภาพตรงหน้าไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฉินจื่อ ที่ก่อนเริ่มบันทึกเทปยังดูผ่อนคลายอยู่เลย ตอนนี้กลับขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เห็นได้ชัดว่าการแสดงของซูชิงเหม่ยในวันนี้สร้างแรงกดดันแก่เซิ่นเหยาอย่างมาก

หลินโจวส่ายหน้าเบาๆ นึกสงสัยในใจว่า แทนที่จะไปให้ความสำคัญกับการแข่งขันกับคนอื่น ทำไมไม่ตั้งใจทำการแสดงของตัวเองให้ดีที่สุดแทน?

บรรยากาศบริเวณทางเดินหน้าห้องรับรองนักร้อง ดูอึมครึมอย่างน่าประหลาด ต่างคนต่างรอคอยผลคะแนนของนักร้องในสังกัดของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ

ในที่สุด หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องรับรองนักร้องก็เปิดออก และหัวหน้าผู้ผู้กำกับจางเหล่ยเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวทักทายผู้จัดการของนักร้องหลายคนที่เขาคุ้นเคยกันดี ก่อนจะเดินจากไป

จากนั้น หยูซินและจางหัว นักร้องรุ่นใหญ่ทั้งสองก็ตามออกมา ทั้งสองหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จากท่าทางแล้วดูไม่ออกเลยว่าพวกเขาได้อันดับที่เท่าไหร่กันแน่

ทั้งสองเดินออกไปพร้อมกับผู้ช่วย ไม่นานนักร้องคนอื่นๆ ก็ต่างทยอยกันออกมา บางคนยิ้มแย้มในขณะที่บางคนก็มีสีหน้าเศร้าหมอง อย่างเช่น เซิ่นเหยา

สีหน้าในเวลานี้ไม่เพียงแต่ดูแย่ หากแต่ยังเย็นเยียบราวกับถูกชั้นน้ำแข็งปกคลุม แม้แต่บรรยากาศรอบๆตัวเธอก็ยังดูมืดมน

เฉินจื่อรีบเดินไปเธอก่อนจะเอ่ยถามขึ้น "เป็นยังไงบ้าง"

เซิ่นเหยามองไปที่ หลินโจว, จางหง และโจวหยุนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะส่ายหน้าแล้วรีบเดินจากไปพร้อมกับเฉินจื่อ

“พี่ชิงเหม่ยล่ะ ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”

คนอื่นๆ ออกมากันหมดแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววของซูชิงเหม่ย ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปในห้องรับรองนักร้อง พวกเขาเห็นซูชิงเหม่ยนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา ริมฝีปากสีกุหลาบของเธอขยับเบาๆ คล้ายกำลังร้องเพลงอะไรสักอย่างอยู่

ดูเหมือนเธอจะยังคงซ้อมร้องท่อนสุดท้ายของเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ"

หลินโจว รู้สึกแปลกเล็กน้อย ขณะที่ จางหง และ โจวหยุน ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ราวกับว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมัน โจวหยุน วิ่งไปและพูดกับ ซูชิงเหม่ย:

หลินโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับภาพที่เห็น ส่วนจางหงและโจวหยุนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ราวกับว่าทั้งสองคุ้นเคยกับภาพเช่นนี้ โจวหยุนวิ่งเข้าไปหาซูชิงเหม่ยแล้วพูดว่า

“พี่ชิงเหม่ย กลับไปซ้อมต่อที่บ้านเถอะนะคะ”

ไม่ได้ยินเสียงของโจวหยุน ซูชิงเหม่ยก็หลุดออกจากภวัง เงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าวตำหนิตัวเอง: "ฉันร้องท่อนสุดท้ายได้ไม่ดี ฉันอยากซ้อมอีกนิด"

วินาทีนั้น หลินโจวก็ตระหนักได้ว่าซูชิงเหม่ยกำลังทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองอยู่!

จากการอยู่ในวงการบันเทิงมา 3 ปี หลินโจวเคยพบปะนักร้องมาแล้วหลายคน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใครสักคนที่ทุ่มเทและหลงใหลในการร้องเพลงมากขนาดนี้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซิ่นเหยาเดบิวต์พร้อมๆ กับเธอ แต่เซิ่นเหยาในเวลานี้ยังคงเป็นเพียงนักชั้นสองเท่านั้น ในขณะที่ซูชิงเหม่ยกลับกลายเป็นราชินีน้อยแห่งวงการเพลงจีนแล้ว

ผู้คนแต่ละคนย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามความพยายามไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ

ซูชิงเหม่ยลุกยืนขึ้น ขณะเดียวกันโจวหยุนก็ชี้ไปที่เอวของเธอ:

“พี่ชิงเหม่ย พี่ไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้ตอนอยู่บนเวทีนี่นา?”

ตอนนี้ เสื้อของหลินโจวยังคงผูกอยู่ที่เอวของซูชิงเหม่ย เห็นได้ชัดว่าเธอผูกมันเองหลังจากลงจากเวทีแล้ว

จางหงรู้สึกถึงอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในห้องรับรองนักร้องด้วยความสงสัยก่อนจะพูดขึ้นว่า: "ในนี้ก็ไม่ได้หนาวเท่าข้างนอกนะ?"

ซูชิงเหม่ยรีบแกะเสื้อเชิ้ตออกจากเอว ส่งคืนให้หลินโจว และเอ่ยขึ้นเบาๆ: "ขอบคุณค่ะ"

จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องรับรองนักร้อง ขณะเดียวกันโจวหยุนก็รีบวิ่งตามไปติดๆ

“พี่ชิงเหม่ย พี่ได้อันดับเท่าไหร่?”

จางหงมองไปที่เสื้อเชิ้ตในมือของหลินโจวแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะรีบเดินตาม 2 สาวออกไป

หลินโจวกำเสื้อเชิ้ตไว้ในมือ รู้สึกถึงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ ราวกับยังมีความอบอุ่นจากตัวซูชิงเหม่ยติดค้างอยู่ เหมือนว่าเธอจะใส่มันมานานพอควร

หลินโจวไม่ได้คิดมาก รีบเดินตามไป เขาได้ยินซูชิงเหม่ยพูดกับโจวหยุน:

“อาทิตย์หน้าฉันยังได้ร้องเพลงต่อ”

โจวหยุนตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะอุทานด้วยความยินดี: "แบบนี้ก็แสดงว่าพี่ไม่ได้ถูกคัดออกใช่ไหม แล้วพี่ได้อันดับที่เท่าไหร่?"

จางหงยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก พลางเอ่ยเตือนว่า: "ที่นี่คนเยอะ กลับไปค่อยคุยเถอะ"

จากนั้น โจวหยุนก็หยุดถาม ทั้งสี่คนออกจากสตาร์ซิตี้ ทีวี ขึ้นรถกลับไปยังโรงแรม

22.00 น. สิบโมงเย็น ในห้องพักของซูชิงเหม่ยที่โรงแรม

ซูชิงเหม่ยเดินออกมาจากห้องน้ำ เส้นผมยาวของเธอปล่อยสยายลงบนไหล่หลังจากเป่าแห้งแล้ว บนตัวสวมชุดนอนลายการ์ตูนตาโตที่หน้าอก หันมาพูดกับหลินโจวว่า: "ฉันจะนอนแล้ว"

หลินโจวพยักหน้า: “โอเคครับ ผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”

ซูชิงเหม่ยเดินไปที่เตียง ก่อนจะดึงผ้าม่านมากั้น ส่วนหลินโจวก็ล้มตัวนอนลงบนโซฟา ดูเหมือนทั้งคู่จะคุ้นเคยกับการปฏิบัติเช่นนี้ ราวกับเป็นคู่สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานหลายปี

หลินโจวเพิ่งทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา และปรับโทรศัพท์มือถือเป็นโหมดปิดเสียง ทันใดนั้นเขาก็ได้รับข้อความส่วนตัวผ่านแอปเอสสเตชั่น ซึ่งผู้ส่งคือ “เงือกสาวนักร้อง”

“นายจะไม่มาช่วยฉันหน่อยเหรอ? ฉันจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!!”

หลินโจวงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เขาจึงตอบกลับไปด้วยเครื่องหมาย "?"

เงือกสาวนักร้องส่งลิงก์มาให้หลินโจว ทันทีที่เขาคลิกไปที่ลิงก์ เขาก็เห็นวีดีโอเต้นใหม่ล่าสุดที่เธอเพิ่งโพสต์เมื่อตอนกลางวัน

BGM ในวิดีโอคือเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้ปรึกษากับหลินโจวแล้ว และเขาก็เห็นด้วย

bgm music = Background music

ในคลิป เห็นได้ชัดว่า “เงือกสาวนักร้อง” พยายามอย่างมากในการเต้นเพลงนี้ ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เธอมักเน้นเต้นแนวเซ็กซี่ร้อนแรง คราวนี้เธอใส่กระโปรงพลีตลุคสดใส และท่าเต้นก็ช้าลงกว่าเดิมมาก แม้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่ก็ให้ความรู้สึกสง่างามไปอีกแบบ

แต่ทำไมเงือกสาวนักร้องถึงได้หงุดหงิดขนาดนั้นกัน?

หลินโจวเลื่อนอ่านคอมเมนต์ใต้วิดีโอ ก็เข้าใจสาเหตุได้ในทันที

เงือกสาวนักร้องเป็นไอดอลชื่อดังได้รับความนิยมอย่างมากบนแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น ทันทีที่มีวิดีโอใหม่ออกมา ย่อมมีผู้คนมากมายกดเข้าดู หลายๆ คนจะเก็บเข้าคลัง แสดงความคิดเห็น และให้รางวัล ซึ่งจำนวนความคิดเห็นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

(พี่จีเปลี่ยนเป็นเจ้าแม่***)

“เจ้าแม่มาแล้ว!”

“เอ๊ะ ทำไมเจ้าแม่ใส่กางเกงซับในด้วยล่ะเนี่ย ทำไมใจร้ายกับพวกเราจัง!”

“ขอให้เจ้าของคลิประวังหน่อยนะครับ ครั้งหน้าตอนเต้นอย่ามาเหยียบหัวใจผมอีก”

มีแฟนคลับ และสุนัขเลียจำนวนมากอยู่ในคอมเม้นต์ แต่มีความคิดเห็นหนึ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษ: "เพลงประกอบก็ลอกมา แถมยังเอามาทำเป็น BGM อีกนะ ไม่อายบ้างเหรอ?"

เป็นอีกครั้งที่ผู้ใช้ชื่อ “ราชาคีย์บอร์ด” โผล่มา

เดิมทีความคิดเห็นนี้เต็มไปด้วยคำว่า "ใหญ๋ใหญ่" และ "ขาวมาก" แนวๆนี้เต็มไปหมด แต่ด้วยนิสัยมั่นใจและไม่ยอมใครของเงือกสาวนักร้อง เธอจึงเริ่มทะเลาะกับคนที่มาคอมเม้นต์ทันที

การโต้ตอบของเธอราวกับเป็นการจุดชนวนความขัดแย้ง บทสนทนาของทั้งคู่พัฒนาจากการถากถางสุขภาพ ไปสู่การด่าทอวงศ์ตระกูลและบรรพบุรุษแปดชั่วโคตร

เมื่อเจ้าของช่องที่มีผู้ติดตามนับล้านลงมาสู้ด้วยตัวเอง ก็ยิ่งสร้างความฮือฮาให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายทันที

เรื่องนี้ทำให้ชาวเน็ตผู้สัญจรไปมาซึ่งไม่รู้ความจริงเข้าใจผิดว่า เพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" ซึ่งโด่งดังในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นเมื่อเร็วๆ นี้ แท้จริงแล้วเป็นเพลงที่ลอกเลียนแบบ?

มุมปากของหลินโจวยกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ “เงือกสาวนักร้อง” จะดูเหมือนคนที่ไม่เลว แต่กลับขาดตระกะยั้งคิดบางอย่างไป เธอเป็นคนที่ถูกยั่วยุปลุกปั่นได้ง่ายจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้ที่ชื่อ “ราชาคีย์บอร์ด” คนนี้จงใจเข้ามายั่วยุเธอ จากนั้นก็ใช้อิทธิพลความโด่งดังของเงือกสาวนักร้องเพื่อทำให้ชาวเน็ตที่ผ่านมาผ่านไปรู้สึกว่าเพลง "เสียงดายที่ไม่ใช่เธอ" เป็นเพลงลอกเลียนแบบผลงานของคนอื่น เสวี่ยโจวก็เป็นนักลอกเลียนแบบ

หลินโจวจึงตัดสินใจส่งข้อความตอบกลับเงือกสาวนักร้องว่า "อีกไม่กี่วันฉันจะปล่อยเพลงใหม่ ถึงตอนนั้น เธอก็ค่อยตอกกลับเขาไปให้เต็มที่"

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด