บทที่ 244 โง่เขลาเช่นเจ้า มีสิทธิ์วิจารณ์ข้าตั้งแต่เมื่อไร!
เจ้าสำนักเสินไห่ ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวอย่างเชื่อมั่น “ข้ารู้จักเฉิงเซิ่งมาตั้งแต่เด็ก นิสัยใจคอเขาเป็นเช่นไร ข้าย่อมรู้ดี หยางเสี่ยวเทียนจากสำนักเสินเจี้ยน ไม่มีทางติดสินบนเขาได้แน่นอน”
เวลานี้เอง เสียงขันทีระดับสูงซึ่งประกาศเริ่มการประลองก็ดังขึ้น
ทันใดนั้น มือเฉิงเซิ่งก็กำหมัดแน่น พุ่งตัวเข้าไปหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวพร้อมยกกำปั้นขึ้นแล้วโค้งคำนับจนผมสะบัดไหว
“ท่านเจ้าตำหนักหยางผู้องอาจห้าวหาญไร้เทียมทานยิ่ง เฉิงเซิ่งรู้ดีว่ามิอาจรับหมัดของเจ้าตำหนักหยางได้แม้เพียงหมัดเดียว ดังนั้น ข้าจึงเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”
“หวังว่าท่านเจ้าตำหนักหยาง จะอนุญาต”
เจ้าสำนักเสินไห่สะดุ้งตื่นตะลึง เขาเพิ่งกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเฉิงเซิ่งไม่มีทางเป็นคนขลาดเช่นเติ้งอี้ชุน แต่ไฉนเฉิงเซิ่งกลับหักหน้าเขา
ผู้อาวุโสทุกคนจากสำนักเสินไห่ก็ตกตะลึงมิต่างจากเขา
เรือนร่างอันงดงามของเฉินจื่อหานพลันสะท้านสั่นด้วยบันดาลโทสะ หลังเฉิงเซิ่งแสดงความสุภาพ ทั้งยังมีท่าทียำเกรงต่อหยางเสี่ยวเทียน
นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าเฉิงเซิ่ง จะเป็นอีกคนที่เขาติดสินบน หยางเสี่ยวเทียนมีของล้ำค่าอันใดกัน ถึงทำให้คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเฉิงเซิ่งยอมรับความพ่ายแพ้ได้
หลินหยง เฉินหยวน หยางเฉาและคนอื่นๆ ต่างหันซ้ายแลขวามองหน้ากันอย่างฉงนสงสัยมิน้อยไปกว่าทุกคนเพลานี้
คราวนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไยเป็นเช่นนี้ไปได้อีก
ครั้งเติ้งอี้ชุนยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหยางเสี่ยวเทียน ก็ทำผู้คนจำนวนมากสับสนอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ เฉิงเซิ่งก็เป็นอีกผู้ ที่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหยางเสี่ยวเทียนเช่นกัน
เรื่องนี้ จะมิให้พวกเขายิ่งมีความสับสนไม่รู้จบผุดขึ้นในหัวได้อย่างไร
ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ!
“หยางเสี่ยวเทียนเจ้ามันคนไร้ยางอาย เจ้าจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้เอาชนะการแข่งขันจริงๆ หรือ” เฉินจื่อหานเอ่ยร้องออกมาอย่างขุ่นเคือง
วาจาของนาง หมายถึงหยางเสี่ยวเทียนใช้อำนาจในฐานะเจ้าตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน ติดสินบนเฉิงเซิ่งอีกคน
หยางเสี่ยวเทียนทำหูทวนลม ขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจสตรีปากมากนางนี้
หลังขันทีระดับสูงประกาศว่าเขาชนะในการประลองรอบนี้ เขาก็หมุนตัวเดินตรงกลับไปหาทุกคนจากสำนักเสินเจี้ยนดังเดิม
ขณะเฉิงเซิ่งกำลังเดินออกจากลานประลองยุทธ์ เฉิงหลงก็จ้องเขม็งไปยังเขาอย่างเย็นชา “เฉิงเซิ่ง เจ้ามันเป็นความอัปยศสำหรับราชวงศ์เสินไห่เรา!”
“อัปยศงั้นรึ หึ!” เฉิงเซิ่งเยาะเย้ย “คนโง่เขลาเช่นเจ้า มีสิทธิ์วิจารณ์การตัดสินใจข้าได้อย่างไร!”
โง่เขลา! กล้าดีอย่างไรกล่าวหาว่าข้าเป็นคนโง่เขลา!
ใบหน้าเฉิงหลงมืดลงด้วยเดือดพล่าน ระหว่างเขาอ้าปากจะโต้ตอบ เฉิงเซิ่งก็หันหลังเดินออกไปอย่างไม่แยแส ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาดูน่าเกลียดภายใต้การจับจ้องของผู้คนเวลานี้มาก
ดวงตาเฉิงหลงลุกโชนด้วยไฟโทสะ เขาพ่นลมพร้อมสบถนึกกล่าวอย่างเจ็บแค้น พวกเจ้าทั้งสองวางใจเถอะ หลังการแข่งขันระดับสำนักสิ้นสุดลงเมื่อใด เขาจะดูแลทั้งเจ้าและเติ้งอี้ชุนเป็นอย่างดี
การแข่งขันประลองยุทธ์ยังคงดำเนินต่อไป
หลังการแข่งขันรอบสองของศิษย์ทั้งหมดจบลง รอบสามและสี่ก็ตามมา
โดยบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรอบสามหรือสี่ คู่ต่อสู้ของหยางเสี่ยวเทียนที่สุ่มเลือกได้ ต่างล้วนเป็นศิษย์จากสำนักเสินไห่และสำนักยวินฮุย
ซึ่งศิษย์สองคนนั้น ก็เป็นหนึ่งในศิษย์ผู้ที่เคยได้ลิ้มรสพลังหมัด จนร่างพุ่งกระเด็นกลับหลัง ณ ดินแดนสัตว์อสูรกันทั้งคู่
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ทั้งสองจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นเดียวกับเติ้งอี้ชุนและเฉิงเซิ่ง
ในรอบห้า คู่ต่อสู้ของหยางเสี่ยวเทียนเป็นศิษย์จากสำนักเหล่ยถิง กระทั่งถึงรอบที่สิบ คู่ต่อสู้ผู้ชะตาผูกกับเขาก็ล้วนเป็นศิษย์จากสำนักหลักทั้งสามแห่ง ที่ต่างประสบความรู้สึกเช่นเดียวกันหมด
การประลองยุทธ์ตั้งแต่รอบแรกจนรอบที่สิบ ศิษย์ผู้สุ่มได้เขาก็ต่างยอมรับความพ่ายแพ้ไปโดยบริบูรณ์
ส่งผลให้หยางเสี่ยวเทียนเข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงแม้แต่สักกระบวนท่า การดำเนินไปเช่นนี้ทำทุกคนต่างดูขลาดเขลาอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีทาง สิ่งนี้ไม่ปกติแล้ว” ศิษย์จากสำนักอื่นคนหนึ่งกลืนน้ำลาย “เพียงเขาลุกขึ้นยืนครู่เดียว ก็สามารถเข้าสู่ร้อยอันดับแรกในการแข่งขันระดับสำนักได้
“เหตุการณ์เช่นนี้ บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ระหว่างการแข่งขันระดับสำนักของอาณาจักรเสินไห่เราได้เลย”
“ไม่เพียงบันทึกลงเป็นประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเสินไห่เราเท่านั้น แต่แทบบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ในการเข้าร่วมแข่งขันของสำนักเทียนโต้วได้ด้วย” ศิษย์อีกคนส่ายศีรษะแล้วเผยยิ้ม
ในการแข่งขันระดับสำนักครั้งก่อน ก็มีเหตุการณ์ที่คู่ต่อสู้เต็มใจยอมแพ้เช่นกัน เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรก ที่คู่ต่อสู้สมัครใจยอมแพ้ทั้งสิบรอบการประลองติดต่อกัน
หนึ่งในศิษย์ผู้หนึ่งหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าคิดว่าในรอบที่สิบเอ็ด คู่ต่อสู้ของหยางเสินจะยอมรับความพ่ายแพ้โดยสมัครใจหรือไม่”
“อาจเป็นไปได้ บางทีฝ่ายตรงข้ามของหยางเสิน อาจสมัครใจยอมรับความพ่ายแพ้ จากนั้นเขาก็เข้าสู่สิบอันดับแรกในการแข่งขันระดับสำนักได้โดยแค่ลุกแล้วก็นั่ง” ศิษย์อีกคนหัวเราะขณะกล่าว
“บางที หยางเสินอาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยก็ชนะอันดับหนึ่งไปได้ง่ายๆ !”
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอิจฉา
เมื่อได้ยินคำกล่าวติดตลกของบรรดาศิษย์เหล่านี้ เหล่ยจื่อ เฉินไห่หลิน เฉิงหวู่ และคนอื่นๆ ต่างนึกคิดเงียบๆ เพราะหยางเสี่ยวเทียนต้องใช้เวลากว่าสามรอบประลองจึงจะชนะสิบอันดับแรก และเวลาอีกเจ็ดรอบประลองจึงจะชนะเป็นอันดับหนึ่ง
หากคู่ต่อสู้ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนเผชิญหน้าในสองสามรอบที่จะถึงนี้ คือหนึ่งในพวกเขา หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อคว้าอันดับหนึ่งจริงดังกล่าว
ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องตลก!
เดิมทีหลินหยง หยางเฉา และคนอื่นๆ ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนระหว่างการประลอง แต่ตอนนี้ เมื่อพวกเขาเห็นหยางเสี่ยวเทียนเข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง