บทที่ 243 ป้ายหยกหมายเลขสามสิบเอ็ดตกอยู่ที่ใครกัน
ไฉ่ห่าวไม่เพียงผู้เดียวที่อยากลงไม้ลงมือกับเติ้งอี้ชุน แต่หลัวจวิ้นเผิงรองเจ้าสำนักยวินฮุยก็ใคร่ยกมือตบเขาด้วยเช่นกัน
เติ้งอี้ชุนคือศิษย์ส่ายตรงผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของสำนักยวินฮุย ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังอันทรงเกียรติไว้กับว่าที่ผู้อาวุโสสูงสุดในอนาคตอย่างเขา
แต่ครั้นถึงเวลาแสดงความแข็งแกร่งให้ผู้คนได้ประจักษ์ในความยิ่งใหญ่ของสำนักยวินฮุย เขากลับยอมรับความอับอาย และจำนนต่อเด็กเช่นหยางเสี่ยวเทียน
สิ่งใดที่ไม่คู่ควรแก่เขากัน!
พวกเขาล้วนมิเชื่อ ว่าเด็กเช่นหยางเสี่ยวเทียนที่ถือเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเสินเจี้ยน ทั้งยังฝึกไม่ถึงปี จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์แล้วแข็งแกร่งกว่าเติ้งอี้ชุนได้
เติ้งอี้ชุนรู้ดีว่าไฉ่ห่าว หลัวจวิ้นเผิงและศิษย์บางคนไม่เชื่อในสิ่งที่เขากล่าว แต่เขาก็หาได้แก้ตัวด้วยเหตุผลอื่นใดนอกจากเก็บความรู้สึกขมขื่นไว้ในใจ
เขาโค้งคำนับด้วยนับถือไฉ่ห่าวและหลัวจวิ้นเผิงอย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงก้าวถอยออกไปแม้นเอ่ยบอกความจริงได้ ทั้งคู่ก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
เนื่องจากคำอธิบายของเติ้งอี้ชุนยังคงคลุมเครือ จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ชัดเจน ว่าไฉนเขาถึงได้ยอมแพ้ในการแข่งขันประลองยุทธ์ที่เขาเคยมาดมั่น
จากระยะไกล ฟางจื่อเจ้าสำนักเหล่ยถิง พลางส่ายศีรษะแล้วกล่าวด้วยเอือมระอา “ข้าไม่คิดเลยว่าสำนักยวินฮุยจะมีศิษย์น่าอัปยศเช่นเติ้งอี้ชุน หากสำนักเหล่ยถิงของเรามีศิษย์เช่นนี้ ข้าคงได้บีบคอเขาจนตายคามือ”
วาจาดั่งคำขู่จากเจ้าสำนักฟางจื่อ ทำเหล่ยจื่อ เฉินไห่หลินและศิษย์คนอื่นๆ มากกว่าห้าสิบคนต่างสะดุ้งไหว เนื้อตัวพานกระตุกสั่นราวถูกสายอัสนีแล่นผ่าน ก่อนใบหน้าขาวซีดของพวกเขาจะพยักหน้าเห็นด้วยขัดแย้งกับอาการพวกตนเพลานี้นัก
ระหว่างนั้นเองหยางเสี่ยวเทียน ก็เดินกลับเข้ากลุ่มสำนักเสินเจี้ยน
หลินหยงและเฉินหยวน ทั้งคู่หันมองหยางเสี่ยวเทียนที่กลับเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนสงสัยกับเหตุการณ์เมื่อครู่ยิ่ง
แม้ทั้งสองจะรู้ดีว่าคนมีศักดิ์ศรีเช่นหยางเสี่ยวเทียน ไม่มีทางใช้โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์เพื่อติดสินบนเติ้งอี้ชุน แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจพร้อมใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในดินแดนสัตว์อสูร
เพราะก่อนเริ่มการแข่งขันเข้าสู่ดินแดนล่าสัตว์อสูร สีหน้าท่าทีเติ้งอี้ชุนที่แสดงต่อหยางเสี่ยวเทียน ไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดหวั่นจนผวาครั้นเห็นเขาเช่นครานี้
มิฉะนั้น พวกเขาจะเป็นห่วงหยางเสี่ยวเทียนจวนแทบเสียสติตลอดสิบวันได้อย่างไร หากไม่รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเขากับเติ้งอี้ชุน สิ่งนี้มิเฉพาะเติ้งอี้ชุน ด้วยคนทั้งสำนักยวินฮุยก็มีความมิชอบใจคนสำนักเสินเจี้ยนแต่ไรแต่ไรมา
กับความสงสัยทั้งหมด หยางเฉาและหวงอิ๋งก็เป็นอีกผู้ที่ใคร่อยากถามหยางเสี่ยวเทียน เพียงพวกเขาไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
ไม่ช้า การแข่งขันประลองยุทธ์รอบแรกก็สิ้นสุด เริ่มเข้าสู่การแข่งขันรอบสองทันที
ครั้งนี้ หยางเสี่ยวเทียนจับป้ายหยกได้หมายเลขสามสิบเอ็ด
ตั้งแต่เริ่มประลองยุทธ์รอบแรก ทุกคนก็ยิ่งจับตาเฝ้าดูหยางเสี่ยวเทียนมากกว่าเดิม ซึ่งเมื่อพวกเขาเห็นป้ายหยกหมายเลขสามสิบเอ็ดถูกเขาหยิบขึ้นมา ทุกคนก็ต่างมองหา ว่าป้ายหยกหมายเลขสามสิบเอ็ดตกอยู่ที่ใคร
เฉิงเซิ่งจากสำนักเสินไห่เพลานี้ จ้องมองป้ายหยกในมืออันสั่นเทาด้วยความว่างเปล่า ใบหน้าเขาพลันซีดเซียว ขณะอาการเกร็งรู้สึกชาแล่นพล่านไปทั่วร่าง
“ศิษย์พี่เซิ่ง หมายเลขสามสิบเอ็ด อยู่ในมือท่านหรือไม่” ศิษย์สำนักเสินไห่ที่อยู่เบื้องหลังเฉิงเซิ่งเอ่ยถาม
ครั้นประสบว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดนอกจากก้มหน้ามองป้ายหยก ขณะไหล่แกร่งพลางสั่นไหวเบาๆ ศิษย์สำนักเสินไห่ทุกคนก็พร้อมกรูดชะเง้อหน้ามองผ่านแผ่นหลังเฉิงเซิ่งดู
เวลานี้ ไม่เพียงเฉิงเซิ่งผู้เดียวเท่านั้น ที่ร่างกายแข็งทื่อมีใบหน้าซีดเผือด แต่ศิษย์สำนักเสินไห่ทุกคน ก็ประสบอาการเช่นเขาเหมือนกันครั้นได้ประจักษ์เห็นหมายเลขหายนะในมือเขา
หลินหยง หยางเฉาและทุกคนต่างอ้าปากค้าง เอ่ยกล่าวสิ่งใดไม่ออกเมื่อรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้คนที่สองของหยางเสี่ยวเทียน คือเฉิงเซิ่งจากสำนักเสินไห่
เหตุใดหยางเสี่ยวเทียน จึงดึงดูดแต่ศิษย์ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นปลาย
ลืมเติ้งอี้ชุนผู้อยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นปลายรอบแรกไปได้เลย เพราะเรื่องความมาดมั่น หยิ่งในศักดิ์ศรีแลไม่ยอมอ่อนข้อผู้ใดง่ายๆ เฉิงเซิ่งในการประลองรอบสองผู้นี้ ถือว่าต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ระหว่างหยิบป้ายหยก เหล่ยจื่อพร่ำภาวนาด้วยรู้สึกเป็นกังวลครั้งใหญ่ หากรอบสองโชคร้ายตกมาอยู่ที่เขา ความหวังคงพลันดับวูบ
แต่เมื่อเห็นว่าการสุ่มจับป้ายหยกรอบสอง เฉิงเซิ่งได้หยางเสี่ยวเทียนเป็นคู่ต่อสู้ เขาก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังในที่สุดก็รอดพ้นจากภัยพิบัติอีกครั้ง
แม้นรู้ดี ว่าไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเขาจำต้องเผชิญหน้ากับหยางเสี่ยวเทียน แต่หากสามารถหลีกเลี่ยงการประลองยุทธ์ระหว่างนี้ไปได้ ความหวังที่จะชนะติดหนึ่งในสิบอันดับแรกก็มีเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ตอนนี้ เขาต้องการแค่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกเท่านั้น เพราะความหวังที่จะชนะเป็นอันดับหนึ่ง เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดอีกต่อไป
ตราบเท่าที่เขาอยู่ในสิบอันดับแรก การมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมสำนักเทียนโต้ว ก็ยังถือว่ามีโอกาสเป็นไปตามปรารถนา
ในขณะที่ศิษย์แต่ละคู่เข้าสู่ลานประลองของตน หยางเสี่ยวเทียนและเฉิงเซิ่งก็เดินมาถึงลานประลองหมายเลขสามสิบเอ็ดเช่นกัน
เช่นเดียวกับเติ้งอี้ชุนก่อนหน้า ท่าทีก้มหน้ามิกล้าสบตามองตรงไปยังหยางเสี่ยวเทียนของเฉิงเซิ่ง ทำทุกคนเริ่มประหลาดใจใคร่สงสัยอีกหน
ขณะรอเสียงเริ่มการประลอง เฉิงเซิ่งผู้เผลอสบตากับหยางเสี่ยวเทียน ก็พลันรู้สึกกระตุกร้าวยังท้องไส้จนเจ็บแปล๊บขึ้นมาดื้อๆ
ไม่กี่วันก่อน คราใดก็ตามที่เขาคิดถึงพลังหมัดอันมหาศาลจากหยางเสี่ยวเทียนในตอนมันพุ่งกระแทกท้อง ความรู้สึกปวดร้าวจนถึงหนังศีรษะ ก็ทำเอาเขาทรมานอยู่ไม่น้อย
ครั้นทุกคนเห็นอากัปกิริยาก้มๆ เงยๆ ประหนึ่งพยายามหลบสายตาหยางเสี่ยวเทียน พวกเขาก็ลอบแปลกใจระคนสับสน ว่าไฉนเฉิงเซิ่งจึงแสดงออกเกือบจะเหมือนเติ้งอี้ชุนทุกประการ
“ท่านเจ้าสำนัก เฉิงเซิ่งคงจะไม่เหมือนเติ้งอี้ชุนใช่หรือไม่” หนึ่งในอาจารย์สำนักเสินไห่ อดเผยปากถามท่านเจ้าสำนักเสินไห่ไม่ไหว