ตอนที่แล้วบทที่ 145 การสืบสวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 147 การต่อสู้อันดุเดือด

บทที่ 146 ดินแดนหลอมศพ


บทที่ 146 ดินแดนหลอมศพ

แสงแวบสองสาย พุ่งลงมาบนเกาะหลักของเกาะเหลียนฮัวอย่างเงียบเชียบ

พวกเขาคือโจวมู่ไป๋และเฉินเต้าเสวียน

ทันทีที่เข้าสู่เกาะแห่งนี้ เฉินเต้าเสวียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างจากเกาะเล็กๆ แปดเกาะรอบนอกอย่างสิ้นเชิง

ไม่นาน… หลังจากที่เขาร่อนลง

กลิ่นอายนี้ก็พุ่งเข้าโจมตีร่างกายของเฉินเต้าเสวียน

เมื่อเห็นฉากนี้

โจวมู่ไป๋ก็โยนโอสถสีเขียวมรกตให้เฉินเต้าเสวียน แล้วกล่าวว่า “นี่คือโอสถสลายหยิน มันสามารถต้านทานกลิ่นอายหยินชั่วร้ายได้สามชั่วยาม และไม่ส่งผลต่อพลังของเจ้า”

หลังจากพูดจบ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโยนโอสถอีกเม็ดให้เฉินเต้าเสวียนเพื่อสำรองไว้

เฉินเต้าเสวียนกลืนโอสถในคำเดียว

ทันทีทันใด

กลิ่นอายหยินชั่วร้าย ก็ไม่สามารถรุกรานร่างกายของเขาได้อีกต่อไป ราวกับมีเกราะป้องกันกั้นเขากับกลิ่นอายหยินชั่วร้ายไว้อย่างเลือนราง

โจวมู่ไป๋กลืนโอสถสลายหยินเช่นกัน แล้วกล่าวเตือนว่า “น้องเฉิน เจ้าระวังตัวด้วย”

“ไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่โจว”

เฉินเต้าเสวียนพยักหน้า

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีภูตผีปีศาจอยู่บนเกาะแห่งนี้มากแค่ไหน? และไม่รู้ว่าภูตผีปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด?

แต่เฉินเต้าเสวียนก็ยังคงมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขามั่นใจในพลังของโจวมู่ไป๋!

ตราบใดที่โจวมู่ไป๋ยังอยู่ แม้ว่าจะพบกับภูตผีปีศาจขอบเขตแก่นทองคำ โจวมู่ไป๋ก็สามารถพาเขาหนีไปได้อย่างปลอดภัย

หลังจากกลืนโอสถแล้ว

ทั้งสองไม่กล้าเสียเวลา พุ่งตรงไปยังเส้นพลังปราณของตระกูลจ้าวทันที

เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้ตกใจ โจวมู่ไป๋และเฉินเต้าเสวียนจึงไม่ได้เลือกที่จะบิน แต่กลับวิ่งบนพื้นดินเหมือนผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา

เพียงแต่ความเร็วในการวิ่งของผู้ฝึกตนนั้น เร็วกว่าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดามาก

ในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์

พวกเขาถึงกับมองไม่เห็นเงาของทั้งสองด้วยซ้ำ!

เนื่องจากทั้งสองฝึกฝนทักษะลบกลิ่นอาย กลิ่นอายบนร่างกายของเฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋จึงจางลงจนแทบจะมองไม่เห็น

อีกด้านหนึ่ง

ภายในเขตของตระกูลจ้าว

ซุนฝูถือสมบัติวิเศษรูปทรงกระจกกลมอยู่ในมือ บนกระจกกลมปรากฏร่างของเฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ที่กำลังวิ่งอยู่

“โจวมู่ไป๋!”

เมื่อเห็นร่างของโจวมู่ไป๋ สีหน้าของซุนฝูก็เต็มไปด้วยความยินดี

เดิมทีมันคิดว่า หากสามารถกำจัดผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงธรรมดาของตระกูลโจวได้สักสองสามคน นั่นก็ถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่แล้ว

ไม่คิดเลยว่าจะตกปลาตัวใหญ่มาได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะดีใจ แต่ซุนฝูก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ท้ายที่สุด โจวมู่ไป๋คือมือกระบี่ พลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขานั้น ย่อมเหนือกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงทั่วไปมาก

แม้แต่กับขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสามในปัจจุบันของโจวมู่ไป๋ ผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นปลายหลายคนก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

อย่าลืมว่า เมื่อห้าหรือหกปีก่อน ตอนที่โจวมู่ไป๋เอาชนะลั่วซิ่วหยวน เขามีเพียงขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นหนึ่งเท่านั้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้…

ซุนฝูก็พูดกับน้องชายข้างๆ ว่า “เจ้าไปดูหน่อยสิ ว่าทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสามตนนั้น หลอมรวมเสร็จแล้วหรือยัง?”

“พี่ใหญ่ วางใจเถอะ พวกมันหลอมรวมเสร็จแล้ว!”

ชายร่างกำยำหน้าซีด เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมของมันแล้วกล่าวว่า “ด้วยพลังขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสมบูรณ์ของเราสองคน บวกกับทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสามตน พวกเราต้องกำจัดโจวมู่ไป๋ได้อย่างแน่นอน!”

“ยังประมาทไม่ได้”

ซุนฝูส่ายหน้า “แม้ว่าโจวมู่ไป๋จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ด้วยภูมิหลังของตระกูลโจว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีไพ่ตายไว้รักษาชีวิต หากเขาหนีไปได้ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

ได้ยินดังนั้น

ปีศาจซากศพร่างกำยำก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าได้จัดตั้งค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพไว้แล้ว บวกกับกลิ่นอายหยินชั่วร้ายของเส้นพลังปราณหยินระดับสาม โจวมู่ไป๋ไม่มีทางหนีรอดไปได้!”

เมื่อได้ยินเกี่ยวกับค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพ ซุนฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พวกเขามีพลังต่อสู้ขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นสมบูรณ์สองคน บวกกับพลังต่อสู้ขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสามคน รวมเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงห้าคน บวกกับค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพ หากยังไม่สามารถกำจัดโจวมู่ไป๋ได้

เขาก็คงน่ากลัวเกินไปแล้ว!

พลังที่แท้จริงของเขา อาจเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำก็เป็นไปได้!

“ถึงแล้ว”

โจวมู่ไป๋ยกมือขึ้น ใช้ทักษะลับดวงตาทิพย์ เขาเห็นภูเขาเบื้องหน้าถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายสีดำหนาทึบ

“ที่นี่แหละ แหล่งที่มาของกลิ่นอายหยินชั่วร้าย!”

โจวมู่ไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ณ ขณะนี้

ทั้งสองไม่เหลือความหวังที่ผู้ฝึกตนตระกูลจ้าวจะรอดชีวิตอีกต่อไป

แต่ปุถุชนของตระกูลจ้าวหายไปไหน?

ทั้งสองคนต่างก็สงสัยในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

ต้องรู้ก่อนว่า ตระกูลจ้าวนอกจากจะมีผู้ฝึกตนหลายหมื่นคนแล้ว ยังมีปุถุชนอีกหลายล้านคน

ครธรรมดามากมายขนาดนี้ แม้ว่าจะตายหมดแล้ว มันก็ต้องมีที่ฝังศพสิ?

แต่ความจริงก็คือ…

เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋ค้นหาทั่วทั้งแปดเกาะเล็ก แต่พวกเขาก็ไม่พบปุถุชนของตระกูลจ้าว แม้แต่คนเดียว!

ตอนนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ…

ปุถุชนของตระกูลจ้าว ทั้งหมดได้ถูกภูตผีปีศาจกลุ่มนี้หลอมรวมเป็นทาสศพ!

ในเมื่อมีเส้นพลังปราณหยินระดับสามอยู่ที่นี่ การหลอมรวมทาสศพจึงสะดวกมาก

เมื่อคิดถึงตรงนี้

เฉินเต้าเสวียนก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ในฐานะคนที่ได้รับการศึกษาจากอารยธรรมยุคก่อน เฉินเต้าเสวียนรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขานั้นไม่เข้ากับโลกใบนี้มาตั้งแต่เกิด

เพราะเมื่อเทียบกับชาติที่แล้ว

โลกใบนี้โหดร้าย และดิบเถื่อนกว่ามาก

ความต่ำต้อยและน่าสงสารของปุถุชนในโลกใบนี้ มันยิ่งกว่าสังคมศักดินาในชาติที่แล้วมาก

สิ่งนี้สามารถเห็นได้จาก ทัศนคติที่หวาดกลัวของปุถุชนในตระกูลของเขาที่มีต่อเขา

และอย่าลืมว่า พวกนั้นคือคนในตระกูลของเขาเอง…

เมื่อคนธรรมดาคนอื่นๆ เห็นผู้ฝึกตน พวกเขามักจะต่ำต้อยยิ่งกว่า

เพราะนี่คือกลุ่มคนที่สามารถฆ่าพวกเขาได้เพียงขยับนิ้ว

ในบางครั้ง

เฉินเต้าเสวียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เพราะเขามีรากจิตวิญญาณ อย่างน้อยในโลกใบนี้ เขาก็สามารถพยายามควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้

แต่ปุถุชนธรรมดาๆ เหล่านั้น

พวกเขาไม่มีพลัง ไม่มีกำลังการผลิต (สำหรับผู้ฝึกตน) แม้แต่พื้นที่อยู่อาศัยของพวกเขาก็ขึ้นอยู่กับความเมตตา และการกุศลของผู้ฝึกตน

ถึงอย่างนั้น

ปุถุชนในโลกใบนี้ พวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างดื้อรั้นและขยันขันแข็งอยู่ดี…

ในตอนนี้เอง

จ่ๆ มีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นในใจของเฉินเต้าเสวียน มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจระงับได้

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือปุถุชน ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์

เห็นได้ชัดว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน ปุถุชนก็ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยอยู่แล้ว แต่พวกเขายังคงต้องเผชิญกับโชคชะตาที่น่าเศร้าเช่นนี้อีก!

คนหลายล้านคน ถูกหลอมรวมเป็นทาสศพอย่างง่ายดาย

เฉินเต้าเสวียนไม่รู้ว่าภูตผีปีศาจกลุ่มนี้เป็นคนหรือเป็นผี

แต่ ณ ขณะนี้

เขาสาบานกับตัวเองในใจว่า เขาจะต้องสับพวกสัตว์เดรัจฉานพวกนี้เป็นชิ้นๆ!

โจวมู่ไป๋ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นที่แผ่ออกมาจากเฉินเต้าเสวียนทั้งตัว และถามด้วยความประหลาดใจว่า “น้องเฉิน เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไรพี่ใหญ่ แค่นึกถึงเรื่องของปุถุชนตระกูลจ้าว ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย”

ได้ยินดังนั้น

โจวมู่ไป๋ก็ถอนหายใจและปลอบโยนว่า “บางที... เรื่องต่างๆ อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิดก็ได้”

คำพูดนี้

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เชื่อ แต่โจวมู่ไป๋ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองแบบนี้

ชีวิตหลายล้านคนหายไปแบบนี้ มันช่าง…

“ไปกันเถอะ!”

โจวมู่ไป๋หยิบยันต์ล่องหนออกมาแปะที่ตัว จากนั้นก็แปะอีกอันที่ตัวเฉินเต้าเสวียน จากนั้นแสงกระบี่ก็พัดพาเฉินเต้าเสวียนบินไปยังภูเขาลึกที่อยู่ตรงหน้า

ในตอนนี้ เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน

เรื่องต่างๆ จะเลวร้ายอย่างที่ทั้งสองคิดจริงๆ หรือไม่?

แต่ทว่า...

หลังจากที่เฉินเต้าเสวียนและโจวมู่ไป๋บินข้ามภูเขาไปหลายลูก ในแอ่งกระทะที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหลายลูก พวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต

ภายในแอ่งกระทะด้านล่าง

ศพนับไม่ถ้วนกองรวมกันอยู่ในแอ่งกระทะ ราวกับเป็นกองขยะ!

โจวมู่ไป๋ใช้ทักษะลับดวงตาทิพย์ และพบว่าบนศพที่กองกันเป็นภูเขานี้ ล้วนมีกลิ่นอายหยินชั่วร้ายกัดกร่อนอยู่ทุกลมหายใจ

ศพเหล่านี้ล้วนถูกกลิ่นอายหยินชั่วร้ายหลอมรวม!

“อย่างที่คิด พวกมันกำลังหลอมศพ!”

ใบหน้าของโจวมู่ไป๋เต็มไปด้วยโทสะ

และขณะนี้ มือของเฉินเต้าเสวียนสั่นเทาเล็กน้อย

เขาเกือบจะกัดฟันแตกเป็นเสี่ยงๆ และคำพูดหนึ่งก็หลุดออกมาจากปากของเขา “ข้าจะต้องสับพวกสารเลวพวกนี้เป็นชิ้นๆ!”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปกับเจ้าเอง!”

โจวมู่ไป๋กล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้มเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด