ตอนที่แล้วบทที่ 144 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 146 ดินแดนหลอมศพ

บทที่ 145 การสืบสวน


บทที่ 145 การสืบสวน

หมู่เกาะเหลียนฮัว มีแปดเกาะที่โอบล้อมเกาะขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ทำให้พวกมันมีรูปร่างคล้ายดอกบัว

ถ้าเรามองจากที่สูง มันดูคล้ายกับดอกบัวกำลังเบ่งบาน

และที่นี่คือที่ตั้งของตระกูลจ้าว

ตระกูลจ้าว… เช่นเดียวกับตระกูลหยางและตระกูลอู๋ พวกเขาเคยเป็นตระกูลที่มีผู้ฝึกตนถึงขอบเขตคฤหาสน์ม่วงในเมืองกวงอัน แต่ตอนนี้กลับตกต่ำจนกลายเป็นตระกูลที่มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม

รากฐานของตระกูลจ้าว มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลขอบเขตสร้างรากฐานทั่วไปจะเทียบได้

หมู่เกาะเหลียนฮัว มันประกอบด้วยเกาะน้อยแปดเกาะ และเกาะใหญ่หนึ่งเกาะ

ในบรรดาเกาะเล็กๆ แปดเกาะนั้น ทั้งหมดเป็นที่อยู่อาศัยของปุถุชนของตระกูลจ้าว ส่วนเกาะใหญ่ที่เป็นแกนกลาง ย่อมที่พำนักของผู้ฝึกตนตระกูลจ้าวนั่นเอง

แต่ ณ ขณะนี้

บนเกาะเหลียนฮัว มีเพียงกลิ่นอายหยินชั่วร้ายแผ่ซ่านไปทั่ว ไหนเลยจะมีรูปลักษณ์ของดินแดนแห่งความสงบสุขของตระกูลผู้ฝึกตน!

ต้องรู้ก่อนว่า เดิมทีเกาะหลักของหมู่เกาะเหลียนฮัว มีเส้นพลังปราณระดับสามอยู่หนึ่งเส้น

แต่ในตอนนี้ เส้นพลังปราณระดับสามเส้นนี้ มันได้กลายเป็นแหล่งกำเนิดของกลิ่นอายหยินชั่วร้ายไปเสียแล้ว!

ณ เกาะหลักของหมู่เกาะเหลียนฮัว

ภายในจวนของตระกูลจ้าว

ในตอนนี้ จวนทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายหยินชั่วร้าย ภายในมีเงาร่างพร่าเลือนปรากฏ

อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานมาถึงที่นี่ ไม่นานก็จะถูกกลิ่นอายหยินชั่วร้ายรุกราน

“พี่ใหญ่! ทำไมท่านถึงให้เจ้าหนูตระกูลจ้าวส่งข้อความออกไป?”

คนที่พูดมีใบหน้ากว้างซีดเซียว เมื่ออ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวที่ดูน่าหวาดกลัวและเย็นยะเยือก

หากสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นเศษเนื้อสีแดงเข้มติดอยู่ระหว่างริมฝีปากและซอกฟัน

ถ้าดูจากโครงหน้า พวกเขาคือพี่น้องตระกูลซุน ที่ไปสำรวจสมบัติที่จวนเซียนเสินเจวี๋ยก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ?

เมื่อได้ยินน้องชายพูด

ปีศาจซากศพที่มีรูปร่างสูงผอมซีดเซียว จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองน้องชาย

(ต้นฉบับใช้ 尸魔 ซือหมั๋ว ที่แปลว่าปีศาจศพนะครับ ไม่ใช่ 僵尸 เจียงซือ ที่แปลว่าผีดิบ)

ดวงตาของมันเป็นสีทอง เผยให้เห็นความโหดร้ายและเย็นชาอย่างเลือนราง

บุคคลผู้นี้คือซุนฝู ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานหน้าซีดคนก่อนหน้านั่นเอง

“คำสั่งของนายท่านคือ ให้เราสองคนยึดเมืองกวงอันโดยเร็วที่สุด และใช้เป็นฐานในการโจมตีแคว้นฉางโจว และเท่าที่ข้ารู้ ในเมืองกวงอัน เพียงแค่ตระกูลโจวตระกูลเดียว พวกมันก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงเกือบสิบคน และโจวมู่ไป๋แห่งตระกูลโจว เขายังเป็นมือกระบี่ที่มีพลังต่อสู้เหนือกว่าคนทั่วไป”

มันหยุดไปครู่หนึ่ง “หากต้องการยึดเมืองกวงอันโดยเร็วที่สุด ต้องหาวิธีลดทอนกำลังของตระกูลโจวให้ได้”

“แต่... ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่า ตระกูลโจวจะส่งผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมาสืบสวน?”

“ข้าแน่ใจ และตระกูลโจวจะต้องส่งผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมามากกว่าหนึ่งคนมาอย่างแน่นอน!”

ซุนฝูลูบเล็บสีดำของมัน

เล็บของมันดำสนิท คมเหมือนดาบ เมื่อลูบเบาๆ ก็เกิดประกายไฟขึ้นมา

“ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานของตระกูลอู๋กว่าร้อยคน ถูกพวกเราฆ่าและหลอมรวมเป็นทาสศพ ผู้ที่ทำแบบนี้ได้ อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงหลายคนร่วมมือกัน ดังนั้น ครั้งนี้ตระกูลโจวต้องส่งผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมาตรวจสอบอย่างแน่นอน และไม่ใช่แค่คนเดียว!”

ซุนฝูไม่ได้คาดคิดว่า ตระกูลโจวจะส่งผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมาจริงๆ

เพียงแต่ไม่ใช่หลายคน แต่เป็นโจวมู่ไป๋เพียงคนเดียว!

บนท้องฟ้า

แสงแวบของโจวมู่ไป๋พุ่งผ่านท้องฟ้ารวดเร็วอย่างยิ่ง

เฉินเต้าเสวียนรู้สึกว่า ความเร็วของโจวมู่ไป๋นั้น เร็วกว่าเขาหลายเท่า!

“พี่ใหญ่โจว ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกไปหน่อยเหรอ? ก่อนหน้านี้เป็นตระกูลอู๋ ตอนนี้เป็นตระกูลจ้าว ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจจูงจมูกพวกเราอยู่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้

โจวมู่ไป๋ก็รู้สึกตัวเล็กน้อย

จริงอยู่ สถานการณ์ที่พัฒนาขึ้นมาถึงตอนนี้ มันค่อนข้างผิดปกติ

การโจมตีขบวนเรือของตระกูลอู๋ มันก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาให้อีกฝ่ายเห็น อีกฝ่ายมีผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงอย่างน้อยหนึ่งคน

ต่อมาก็เกิดเรื่องกับตระกูลจ้าวอีก

แบบนี้…

หากตระกูลโจวต้องการสืบสวนให้แน่ชัด ต้องส่งผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงอย่างน้อยสามคน จึงจะมั่นใจได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด

เมื่อมองอย่างนี้

เกาะเหลียนฮัวของตระกูลจ้าว ไม่ว่ามองอย่างไรก็ดูเหมือนกับดักที่อีกฝ่ายจงใจวางไว้สินะ?

โจวมู่ไป๋เข้าใจความหมายของเฉินเต้าเสวียน แต่ขบวนเรือของตระกูลอู๋ประสบเหตุบนเส้นทางเดินเรือมายังเมืองกวงอัน

ตอนนี้ศัตรูก็ปรากฏตัวที่ที่ตั้งของตระกูลจ้าว

โจวมู่ไป๋ก็เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสหายเต๋าในเมืองกวงอัน เขาจึงต้องการสืบสวนให้แน่ชัด

ยิ่งไปกว่านั้น

โจวมู่ไป๋มีฝีมือสูงส่ง อีกทั้งยังกล้าหาญ

เขามั่นใจว่า ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำขั้นปลาย หากใช้ไม้ตาย เขาก็มีโอกาสรอดไปได้

และหากอีกฝ่ายมีพลังของผู้ฝึกตนแก่นทองคำขั้นปลายจริงๆ มันจะทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ไปทำไม?

บุกโจมตีเมืองกวงอันโดยตรงไม่ดีกว่าเหรอ?

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเต้าเสวียน โจวมู่ไป๋ก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ไม่ว่าอย่างไร ไปดูที่เกาะเหลียนฮัวก่อน แล้วค่อยว่ากัน!”

เฉินเต้าเสวียนพยักหน้า

ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินเต้าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดใจ

เดิมทีการต่อสู้ระหว่างพันธมิตรเซียนกวงอันกับตระกูลโจว อย่างมากก็แค่ต่อสู้กันโดยไม่ทำลายล้าง

ทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะเกิดความขัดแย้งทางทหารโดยตรง

แต่ตอนนี้

จู่ๆ ก็มีวิญญาณร้ายอาละวาด ความขัดแย้งทางทหารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

อันที่จริง…

ไม่ว่าจะเป็นที่ทะเลหมื่นดวงดาว หรือที่ทวีปเซียนหยุน ล้วนมีผู้ฝึกตนชั่วร้ายอยู่

แม้ว่าพลังโดยรวมของผู้ฝึกตนชั่วร้ายเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็เหมือนหนูในท่อระบายน้ำ คอยจ้องจะกัดเจ้าอยู่ตลอดเวลา มันน่ารำคาญจริงๆ!

แน่นอน…

จากคำบอกเล่าของจ้าวหยวนฮวน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเหลียนฮัว อาจไม่ใช่ผู้ฝึกตนชั่วร้ายธรรมดา

แสงแวบของโจวมู่ไป๋นั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็ข้ามผ่านระยะทางหลายหมื่นลี้

ทางข้างหน้า

เริ่มมองเห็นเกาะเหลียนฮัวเลือนรางแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเต้าเสวียนมาถึงเกาะเหลียนฮัว เพราะเกาะซวงหูของตระกูลเฉิน ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของเมืองกวงอัน ส่วนเกาะเหลียนฮัวตั้งอยู่ทางด้านขวาของเมืองกวงอัน

หากต้องการเดินทางจากเกาะซวงหูมายังเกาะเหลียนฮัว ด้วยความเร็วของเรือสินค้าตระกูลเฉิน อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายเดือน

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเฉินกับตระกูลจ้าวก็ไม่ได้สนิทสนมกัน ทั้งสองตระกูลไม่ได้ติดต่อค้าขายกัน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาที่นี่

“ถึงแล้ว!”

เมื่อเห็นที่ตั้งของตระกูล จ้าวหยวนฮวนที่ผมหงอกขาวโพลนก็ร้อนใจอย่างที่สุด ในตอนนี้เขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปสำรวจที่เกาะเหลียนฮัว

แต่โชคดีที่เขายังมีสติอยู่บ้าง

เขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ ต้องพึ่งพาพลังของโจวมู่ไป๋

“กลิ่นอายหยินชั่วร้าย!”

ดวงตาของโจวมู่ไป๋เปล่งประกายสีม่วงออกมา

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นทักษะลับตาทิพย์

เฉินเต้าเสวียนมองไม่เห็นกลิ่นอายหยินชั่วร้ายอะไร เพียงแต่มองไปที่เกาะหลักของดอกบัวเบื้องหน้าแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

“พี่ใหญ่โจว กลิ่นอายหยินชั่วร้ายคืออะไร?”

โจวมู่ไป๋ลดแสงแวบลงบนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางด้านนอก แล้วอธิบายว่า “เจ้าควรรู้ว่า พลังปราณนั้น เปลี่ยนแปลงมาจากพลังปราณปฐพีใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเต้าเสวียนก็พยักหน้า

เส้นพลังปราณล้วนสร้างขึ้นตามลักษณะภูมิประเทศ ไม่มีเส้นพลังปราณเส้นใดที่สามารถสร้างขึ้นกลางอากาศได้

แม้แต่สระปราณที่เป็นแหล่งพลังงานในเรือรบหลิงซีของตระกูลโจว มันก็เป็นเพียงการใช้เทคนิคการหลอมสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ในการสร้างมันขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างจากเส้นพลังปราณอย่างแน่นอน

“ส่วนกลิ่นอายหยินชั่วร้ายนั้น เปลี่ยนแปลงมาจากพลังปราณ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของโจวมู่ไป๋ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที

หากเป็นวิญญาณร้ายทั่วไป โจวมู่ไป๋จัดการเองได้เลย

แต่วิญญาณร้ายที่สามารถเปลี่ยนเส้นพลังปราณให้กลายเป็นเส้นพลังหยินได้ ไม่ใช่สิ่งที่โจวมู่ไป๋จะประมาทได้

ประการแรก

พลังของวิญญาณร้ายจะเพิ่มขึ้นในเส้นพลังหยิน ในขณะที่ผู้ฝึกตนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายหยินชั่วร้าย

เนื่องจากร่างกายต้องต้านทานการรุกรานของกลิ่นอายหยินชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา พลังทั้งหมดสามารถแสดงออกมาได้เจ็ดถึงแปดส่วน มันก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

เมื่อเทียบกันแล้ว ช่องว่างของพลังก็กว้างขึ้น

บางทีอีกฝ่ายอาจกลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น ที่สามารถเทียบเท่ากับขั้นกลางได้

ที่สำคัญกว่านั้นคือ…

เนื่องจากอีกฝ่ายเปลี่ยนเส้นพลังปราณระดับสามของตระกูลจ้าว ให้กลายเป็นเส้นพลังหยินแล้ว แสดงว่าผู้ฝึกตนของตระกูลจ้าวน่าจะโชคร้าย!

หลังจากฟังคำอธิบายของโจวมู่ไป๋

เฉินเต้าเสวียนก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ทันที

เกาะหลักที่อยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า ไม่ได้ซ่อนวิญญาณร้ายเพียงตัวเดียว แต่เป็นกลุ่มวิญญาณร้าย

เพียงแต่ไม่รู้ว่าพลังที่แท้จริงของกลุ่มวิญญาณร้ายเหล่านี้เป็นอย่างไร?

“สหายเต๋าจ้าว น้องเฉิน พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน รอข้าไปสำรวจที่เกาะหลักก่อนดีกว่า”

โจวมู่ไป๋กล่าวกับทั้งสองคน

จ้าวหยวนฮวนรู้ดีว่าพลังของตนมีจำกัด แม้ว่าจะไป เขาก็เป็นเพียงแค่ภาระของโจวมู่ไป๋เท่านั้น

แต่เขากลับมองไปที่เฉินเต้าเสวียน

เพราะในสายตาของผู้นำตระกูลจ้าว เฉินเต้าเสวียนก็เป็นมือกระบี่เช่นกัน แม้ว่าพลังจะด้อยกว่าโจวมู่ไป๋

แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน ที่ใกล้จะหมดอายุขัยอย่างเขาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นสายตาของผู้นำตระกูลจ้าว

เฉินเต้าเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่โจว ให้ข้าไปสำรวจกับท่านด้วยดีหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้

โจวมู่ไป๋ก็รู้สึกว่าเฉินเต้าเสวียนนั้นกล้าหาญมาก แต่เมื่อคิดถึงพลังของเขา เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย

ด้วยรากฐานของมือกระบี่ที่เฉินเต้าเสวียนหลอมรวมมา พลังของเขาเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้นทั่วไปอย่างแน่นอน!

หากเฉินเต้าเสวียนไปด้วย ก็จะเป็นกำลังเสริมให้กับเขาได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด