บทที่ 12 สัตว์ผจญเพลิง
ถ้ำของสัตว์แห่งเพลิงซ่อนอยู่ที่ภูเขาที่มอดดับแล้วในเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีที่อยู่ในส่วนที่ลึกและห่างไกล
ภูเขาไฟแห่งนั้นล้อมรอบด้วยพื้นที่รกร้าง ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต ส่วนนี้พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของสัตว์ร้ายแห่งเพลิง แม้แต่ปีศาจชนิดอื่นก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป หากไม่ได้รับอนุญาต
ณ บริเวณนี้คือสถานที่ที่ซ่อนตัวของสัตว์ร้ายแห่งเพลิง หลายคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่กระจาย บ่งบอกได้ถึงการเป็นปีศาจระดับที่ห้าได้เป็นอย่างดี
ใบหน้าของเย่ชิงหานแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นภาพที่หาดูไม่ง่าย เขาบอกกับผู้ร่วมทัพว่า “ข้ากับลู่เหล่าจะจัดการมันก่อน แล้วพวกที่เหลือค่อยตามมาสมทบ หากมีใครได้รับบาดเจ็บ มู่หยานจะเป็นคนทำแผลให้”
“ขอรับนายน้อย”
“ดี!”
“มู่หยาน เจ้ายังมีผงยาที่ใช้กำจัดปีศาจหมูขนแดงอยู่หรือไม่?” เย่ชิงหานมองไปยังหลูมู่หยานอย่างมีความหวัง
หลูมู่หยานหยิบถุงกระดาษเล็ก ๆ ออกมาและยื่นสิ่งนั้นให้กับเย่ชิงหาน “ยานี้สามารถทำให้ปีศาจระกับสี่หยุดได้ประมาณแปดหรือเก้าลมหายใจ ทว่าสำหรับปีศาจระดับที่ห้า อาจทำได้เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น”
“ไม่เป็นไรหากต้องใช้ถึงสามครั้ง” เย่ชิงหานรับถุงนั้นจากหลูมู่หยาน ใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้รับของดีเช่นนี้
จากนั้น พวกเขาโบกมือ และพากันเข้าไปในถ้ำ
ผนังรอบถ้ำ ทางเดินที่นำไปสู่ส่วนลึกล้วนแล้วแต่เป็นสีแดงเข้ม ความร้อนเริ่มแผ่กระจายรอบด้าน ทุกคนที่เข้าไปต่างใช้พลังของตัวเองเพื่อปกป้องร่างกายจากความร้อน
หลูมู่หยานทำได้แค่เดินฝ่าไอความร้อนเข้ามาอย่างยากลำบาก ใบหน้าของนางขึ้นรอยแดงจางๆ จากความระอุ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางไม่พูดอะไร เพียงแต่เดินตามเหล่าผู้ร่วมภารกิจราวสองสามคน
เย่ชิงหานลอบมองหลูมู่หยานที่เดินรั้งท้ายผ่านหางตา เขาสังเกตเห็นว่าตอนนี้นางไม่มีแรงที่จะป้องกันตัวเองจากความร้อน ด้วยร่างกายที่ธรรมดาแบบนี้ นางจะสามารถกัดฟันผ่านไปจริงหรือ ความแข็งแกร่งของนางทำให้นายน้อยเย่ประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากผ่านมาได้ประมาณหนึ่งในสี่ชั่วโมงของการเดินทาง ในที่สุดทัพของเย่ชิงหานก็มาถึงด้านใน ที่ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นสีแดงเข้ม
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือพื้นที่โล่งด้านใน ตรงกลางปรากฏเป็นปีศาจสีแดงเข้ม ตัวของมันสูงกว่าหนึ่งเมตร และมีความยาวประมาณสามเมตร ลำตัวมีเกล็ดสีแดงปกคลุมเป็นหย่อม ๆ หัวมีเขาแหลมหน้า บ่งบอกได้ถึงความสามารถในการป้องกันตนอย่างชัดเจน
ปีศาจไฟหลินรับรู้การมาถึงพวกเขาทันที่ก้าวเข้ามาในถ้ำ มันลืมตาขึ้นและเหลือบมองบุรุษสองสามคนที่มีดวงตากลมโตเหมือนระฆังทองแดงด้วยความหยามเหยียด
ปีศาจระดับสี่ เริ่มให้กำเนิดเหล่าบรรดานักปราชญ์ แต่พวกมันอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าปีศาจอื่น ๆ ฉะนั้นประสาทสัมผัสจึงถูกเปิดใช้งานตั้งแต่มันเกิด เพื่อให้ฝึกฝนและรับรู้ถึงการลุกล้ำของคนที่เข้ามาโดยธรรมชาติ
ปีศาจเพลิงพบว่ามีมนุษย์สองคนอยู่ในระดับเดียวกันกับมัน ฉะนั้นคนอื่นจึงเปรียบเสมือนมดงานตัวน้อย ส่วนพลังการต่อสู้ของมันเทียบเท่ากับนักดาบระดับจักรพรรดิของมนุษย์ ฉะนั้นมันจึงได้ดูแคลนพวกมนุษย์เหล่านี้ที่กล้าบุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน โดยที่ยังไม่ได้รับอณุญาต
กรร!
ปีศาจเพลิงตัวยาวค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะคำรามใส่พวกคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับมัน
มีเพียงเย่ชิงหาน ลู่เหล่า และหลูมู่หยานเท่านั้นที่มีพลังทางจิตค่อนข้างมาก ทำให้เสียงที่มันเปล่งออกมาไม่ได้มีผลกระทบมากเหมือนกับอีกสองสามคนที่เหลือ
“ไปต่อ” เย่ชิงหานมองไปทางลู่เหล่า จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็กระโดดลงมาที่ลานโล่ง
ปีศาจเพลิงพ่นลมร้อนออกทางจมูกสองครั้ง มันเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธขั้นสุด และมันต้องการที่ฉีกร่างของผู้ที่รบกวนการพักผ่อนของมันออกเป็นชิ้น ๆ
เย่ชิงหานยังสังเกตอีกว่าแรงกดดันจากปีศาจไฟหลินยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเคลื่อนไหวในจิตใจของเขา ทำให้ร่องรอยของพลังทางจิตแทรกซึมเข้าไปถึงแหวนอสูรวิญญาณที่ประดับอยู่บนข้อมือ
เสียงคำรามของปีศาจไฟหลินยังคงดังกึกก้องไปทั่วถ้ำ ทว่าเมื่อเสียงสงบลง เสือโคร่งสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้น ร่างกายสัตว์ตัวนั้นแสดงออกถึงความกดดันสมระดับที่สี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอักขระคำว่า “ราชา” สีม่วงเข้มบนหน้าผากที่มีร่องรอยของพลังลึกลับ
หลูมู่หยานมองไปที่เสือโคร่งขาวผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ราชาพยัคฆ์หิมะ สัตว์เลี้ยงวิญญาณของเย่ชิงหาน ไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าปีศาจไฟหลิน
ด้วยสภาพแวดล้อมในตอนนี้เอื้อต่อปีศาจไฟหลินมากกว่า แต่ก็ถูกปิดล้อมโดยสัตว์ร้ายอีกสองสามตัว การต่อสู้ในครั้งนี้ดูท่าว่าฮูหลินจะพ่ายแพ้แบบไม่ทันตั้งตัว
กรร กรร!
เสียงคำรามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังสองตัวมาพบกัน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากถูกอีกฝ่ายข่ม ฉะนั้นพวกมันจึงส่งเสียงคำรามและกระโจนเข้าหากันทันที
เย่ชิงหานต้องการเห็นความแข็งแกร่งของสัตว์เลี้ยงวิญญาณตัวนี้ ฉะนั้นการที่เขาไม่เข้าไปยุ่งในตอนนี้น่าจะดีที่สุด
การปะทะของพวกมันยังคงดำเนินต่อไป แต่ฝ่ายที่ได้เปรียบเห็นทีจะเป็นปีศาจไฟหลิน การป้องกันของมันแข็งแกร่งกว่าราชาพยัคฆ์หิมะอยู่มาก และด้วยพลังงานของภูเขาไฟมันทำให้ราชาเสือกำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกัดเข้าที่คอของราขาเสือโคร่งตัวขาวแค่เพียงครั้งเดียว
เย่ชิงหานขมวดคิ้วแทบเป็นปม ราชาเสือโคร่งหิมะถูกปราบโดยเขาเมื่อครั้งยังเป็นทารก หากเทียบกับปีศาจไฟตัวนี้ ความดุร้ายของเขายังคงด้อยกว่าเล็กน้อย เขาขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ ทำให้มักถูกห้ามปรามอยู่เสมอ
เมื่อเห็นว่าช่วงคอของสัตว์เลี้ยงวิญญาณถูกกัด จากที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีแดงฉาน ทำเอาเย่ชิงหานตัดสินใจชักดาบคู่ใจเหวี่ยงไปที่ปีศาจไฟหลินทันที
แม้ว่าปีศาจไฟจะโดนพลังของดาบที่มีความผันผวนของพลังธาตุที่รุนแรงพุ่งเข้าใส่ ทว่าคมดาบนั้นไม่ได้เจาะเข้าไปในร่างกายของมัน ดาบเล่มคมทิ้งไว้เพียงรอยแผลถลอกและทำลายเกล็ดสีแดงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
หลูมู่หยานรีบปรี่เดินเข้าไปหาราชาเสือโคร่งสีขาว พร้อมกับหยิบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีเขียวออกมา กลิ่นของสมุนไพรส่งกลิ่นตลบอบอวลเมื่อยามเปิดราดลงบนบาดแผล พลันเลือดสีสดกลับหยุดไหล และบาดแผลก็ดีขึ้นในทันที
ปีศาจไฟหลินยังคงส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดบริเวณหลัง มันหันไปพุ่งตัวใส่เย่ชิงหานด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว
เย่ชิงหานยกยิ้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะหลบหลีกสิ่งที่กำลังพุ่งตัวมาทางเขา ทว่าตอนนั้นเองถุงกระดาษที่หลูมู่หยานมอบให้ก็ตกลงบนจมูกของมัน พลันผงสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่ว ด้วยอณูที่เล็กปีศาจไฟหลินสูดเข้าจมูกทันที
ปีศาจไฟหลินล้มลงบนพื้นและไม่สามรถขยับตัวได้ มีเพียงแค่หางของมันเท่านั้นที่ยังส่ายไปมา เย่ชิงหานตะโกน “สลายแล้ว”
รัศมีสีทองระเบิดออกจากดาบที่นายน้อยเย่ใช้ฟันลงบนร่างของปีศาจไฟหลินอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันลู่เหล่าที่เห็นโอกาสก็รีบปรี่เข้าแทงรักแร้ส่วนหน้าของปีศาจระดับสูงทันที
ดวงตาของปีศาจไฟหลินแดงฉาน เกล็ดที่อยู่บนร่างของมันเริ่มแตกออก ทันใดนั้นความเจ็บเริ่มแล่นเข้าสู่ร่างกาย กลายเป็นแรงขับที่ทำให้มันสามารถขยับตัวได้อีกครั้ง
ปีศาจไฟหลินตื่นขึ้นและส่งเสียงคำรามอีกครั้งด้วยความเกรี้ยวโกรธ ตอนนี้พลังเสียงของมันเริ่มทำให้ถ้ำที่ทัพของนายน้อยเย่ยืนอยู่เริ่มสั่นไหว
“แบบนี้ไม่ดีแน่!” หลูมู่หยานเห็นว่าตอนนี้ถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนแล้ว แต่ไวเท่าความคิด เหล่าหินก้อนเล็กใหญ่ภายในถ้ำก็เริ่มหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง
ถ้ำกำลังจะถล่ม!
“ออกไปเร็ว” เย่ชิงหานตะโกนบอกหลูมู่หยานและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสามคน จากนั้นทั้งเย่ชิงหาน และหลูมู่หยานก็ได้ใช้จังหวะนี้ใช้ทักษะดาบพุ่งเข้าใส่ด้านข้างของปีศาจไฟหลินอย่างรวดเร็ว
สิ่งเดียวที่ราชาเสือโคร่งสีขาวขาดคือประสบการณ์เท่านั้น แม้ว่าการป้องกันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไฟหลิน แต่สัตว์ประหลาดไฟนั้นก็ไม่สามารถกัดคอราชาเสือขาวได้ง่าย ทำให้สัตว์เลี้ยงวิญญาณของนายน้อยเย่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อได้รับการรักษาจากหลูมู่หยานทำให้ความรู้เจ็บปวดทั้งหมดหายไป
ราชาเสือโคร่างขาวกระโจนเข้าหาปีศาจไฟหลินอีกครั้ง
ถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อไฟหลินเริ่มส่งเสียงคำราม
หลูมู่หยานวิ่งออกไปยังภายนอกของถ้ำ ทว่าเมื่อก้าวขาได้เพียงสิบกว่าก้าว จู่ ๆ พื้นดินก็เกิดเป็นรอยแตก แรงดูดที่ไม่สามารถอธิบายได้ทำให้นางถูกดึงลงไปยังเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงโดยที่เท้ายังไม่ทันก้าวไปไหนด้วยซ้ำ
เสียงของไฟหลินยังคงก้องอยู่ในหู หลังจากนั้นไม่นาน สติหลูมู่หยานเริ่มพล่าเบลอและก่อนที่นางจะตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส ดวงตาคู่สวยกรอกขึ้นไปมาพรางก่นด่าร่างกายที่อ่อนแอของตัวเอง