บทที่ 11 คว้ามัน
หลังจากที่หลูมู่หยานเอ่ยกับเย่ชิงหานเสร็จสิ้น นางใช้ชุนบุเพื่อมุ่งหน้าไปทางที่ราชาปีศาจหมูขนแดง
ซังเถาเปรียบเสมือนแบบเรียนที่ต้องทดลองทำด้วยตนเอง ซึ่งนางเคยได้รับมันแล้วในโลกของการบ่มเพาะที่เป็นอมตะ หลังจากฝึกแล้วร่างกายจะรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนและโปร่งใสราวกับสายลม รวมไปถึงมีความยืดหยุ่นและมีความเร็วมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหนี หรือเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างการต่อสู้ กล่าวคือมันจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยชีวิตได้
ณ เวลานี้ หมูขนแดงเหมาซิที่กำลังนอนอยู่บนโขดหิน สังเกตเห็นเงาสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พลันดวงตาของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมันก็เริ่มปล่อยลมร้อนระอุออกมาผ่านจมูก พร้อมกับยืนขึ้นเตะก้อนหินขนาดใหญ่ให้พุ่งโจมตีหลูมู่หยานทันที
เมื่อเห็นว่าราชาหมูขนแดงกำลังเข้ามาใกล้ หลูมู่หยานเริ่มแสดงความเจ้าเล่ห์ผ่านดวงตา นางยื่นมือข้างซ้ายออกไปพร้อมกับโบกมือไหว ๆ ทำให้ลูกบอลกระดาษกระแทกเข้าที่งวงของมันทันที ทันใดนั้นลูกบอลกระดาษก็แตกเป็นแป้งขาว กระจายไปตามขนและเข้าไปในรูจมูกของมัน
ทันใดนั้นเอง ตัวราชาปีศาจหมูขนแดงเริ่มแข็งทื่อ ก่อนจะล้มลงชักอยู่ที่พื้น ริมฝีปากของหลูมู่หยานยิ้มเยาะ พร้อมกับเดินเข้าไป นางรีบเดินไปที่ก้อนหินสีเทาและถอนหญ้าเปลวเพลิงสีแดงตรงเข้าไปในวงแหวนโดยไม่ลังเล
ไม่กี่ลมหายใจหลูมู่หยานก็รีบไปยังผลไม้แห่งเพลิง เย่ชิงหานที่อยู่ไม่ไกลนักรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น จังหวะเท้าที่เห็นมันคืออะไร? แล้วร่างวิญาณนั่นทำไมถึงได้รวดเร็วยิ่งนัก
รวมไปถึงผงสีขาวนั่น มันคืออะไร? ทำไมถึงทำให้ปีศาจระดับสี่อ่อนลงได้ ผู้คนจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นจ้องมองไปที่ลูกบอลกระดาษที่เต็มไปด้วยผงสีขาว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจไปตามกัน
แม้ว่าราชาปีศาจหมูขนแดงเหมาซิจะล้มลงกับพื้น ด้วยพิษของลูกบอลกระดาษจากหลูมู่หยาน ทว่าความโกรธยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผลไม้แห่งเพลิงที่มันปกป้องมาหลายปี กลับมีมนุษย์เข้ามาแย่งชิงไป มันเริ่มส่งเสียงคำรามออกมา
ทว่าผลของผงสีขาวอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อหลูมู่หยานเก็บผลไม้แห่งเพลิงได้ พลันราชาปีศาจหมูขนแดงก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ และพุ่งตรงไปหาหลูมู่หยานด้วยความโกรธ ดวงตาของมันเบิกกว้าง ร่างกายของมันแสดงความโกรธออกมาราวกับต้องการจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ
หลูมู่หยานหันกลับมาด้วยความเย็นชา นางสามารถใช้พลังจิตโจมตีสมองของปีศาจตนนั้นให้พังทลายได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ ทำให้นางไม่อยากเปิดเผยไพ่อีกใบ ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงใช้ทักษะหลบหลีกการโจมตีของราชาปีศาจด้วยความรวดเร็ว
ราชาปีศาจหมูขนแดงเหมาซิ สามารถหลบหลีกทุกการโจมตีที่ทรงพลังของหลูมู่หยานได้ ทว่าในใจของมันกลับรู้สึกหงุดหงิดกับมนุษย์เจ้าเล่ห์นางนี้เต็มทนจนแทบอยากจะฉีกนางออกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แม้ว่าหลูมู่หยานจะใช้กระบวนท่าหลบหลีกการโจมตีของราชาปีศาจหมูขนแดงได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดแล้วมันคือปีศาจระดับสี่ มีจิตวิญญาณแห่งดาบที่แข็งแกร่ง ซึ่งนางไม่สามารถดูดพลังงานที่อยู่รอบตัวเหล่านั้นได้ นั่นก็เป็นเพราะร่างกายของนาง ทำให้ตอนนี้เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้างามนั่นแล้ว
หลูมู่หยานส่งเสียงเย็น ๆ แล้วหนีไปทางป่าด้านซ้าย นางไม่สามารถสู้กับราชาปีศาจหมูขนแดงได้อีกแล้ว ฉะนั้นการหนีจึงเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด
เย่ชิงหานเริ่มเห็นแล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มเกินกำลังของหลูมู่หยาน เมื่อเห็นว่านางวิ่งหนี เขาจึงอดไม่ได้ที่จะบินไปตรงนั้น พร้อมกับชักดาบเล่มเก่งออกจากเอว เหวี่ยงไปยังราชาปีศาจหมูสีแดง
การเคลื่อนไหวของดาบจากเย่ชิงหาน นับว่ามีพลังมาเลยทีเดียว พลันแสงสีจากดาบสีทองก็กะพริบโค้งอยู่ในอากาศ แม้ว่าดาบเล่มนั้นจะปักอยู่ในร่างของราชาปีศาจหมูขนแดงก็ตาม
ราชาปีศาจหมูขนแดงถูกโจมตีด้วยพลังดาบของเย่ชิงหานที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร เลือดสีสดไหลออกจากปากและจมูก ไม่นานมันก็ขาดใจตายหลังจากขาแตะพื้นได้เพียงสองสามครั้ง
หลูมู่หยานหยุดเดิน นางหันหลังก่อนจะเดินไปทางด้านซ้ายของเย่ชิงหาน พร้อมกับเอ่ย “ขอบคุณ”
แม้ว่าหลูมู่หยานจะสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของปีศาจหมูขนแดงได้โดยไม่มีเย่ชิงหาน ทว่าบุรุษผู้นี้ยังคงเข้ามาช่วยนางด้วยความรวดเร็ว และนางก็ไม่จำเป็นต้องเผยไพ่ใบสุดท้าย
หลูมู่หยานประทับใจต่อบุรุษผู้นี้จริง ๆ
“เจ้าเอาไปเถอะ ข้าไม่รับ” ใบหน้าหล่อเหลาของเย่ชิงหานประดับไปด้วยรอยยิ้ม หลูมู่หยานทำให้เขาประหลาดใจมาตลอดการเดินทาง เขาเชื่อว่าสตรีนางนี้ยังมีอะไรอีกมากที่แอบซ่อนอยู่
“ท่านทำให้ข้ารอดพ้นปัญหามากมาย หลังจากที่ท่านฆ่ามัน” หลูมู่หยานยักไหล่เล็กน้อย “ท่านแข็งแกร่งมาก”
“แม้ว่าราชาปีศาจหมูขนแดงตัวนี้จะอยู่ในระดับเดียวกันกับข้า แต่มันก็เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในดับที่สี่เท่านั้นล่ะ ข้าเลยจัดการมันได้ง่ายหน่อย” เย่ชิงหานอธิบาย
หลูมู่หยานพยักหน้า พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับบุรุษข้างกาย “ความแข็งแกร่งของวิญญาณกระบี่สูงสุด เกรงว่าทักษะระดับนี้คงจะหาผู้อื่นเทียบได้ยาก”
เย่ชิงหานไม่เพียงแต่มีจิตวิญญาณแห่งดาบเท่านั้น เขายังคงเป็นปรมจารย์ด้านอสูรอีกด้วย
หลูมู่หยานสังเกตเห็นเย่ชิงหานสวมแหวนสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณ นางเชื่อว่าบุรุษผู้นี้จะต้องมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณอยู่ในนั้น และในฐานะศิษย์ที่ได้รับการปลูกฝังจากตระกูลใหญ่ผู้ที่ไม่มีไพ่ใบสุดท้ายอยู่ในมือ? นางมั่นใจว่าถ้าราชาปีศาจหมูขนแดงตัวนั้นจะมีความแข็งแกร่งระดับที่สี่ แน่นอนว่านางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ชิงหานเช่นกัน
เย่ชิงหานให้หนึ่งในลูกน้องคนหนึ่งของเขาจับราชาหมูขนแดงเพื่อหยิบแกนคริสตัลออกมา พร้อมกับใส่เข้าไปในแหวนจักรวาล ซึ่งแหวนนั้นเป็นสิ่งที่หายากในประเทศหยานโจว เฉพาะผู้ที่มีเอกลักษณ์หรือความสามารถบางอย่างเท่านั้นที่จะสามารถเป็นเจ้าของได้ และแหวนที่หลูมู่หยานใส่อยู่นั้นก็เป็นมรดกตกทอดจากท่านปู่ที่มอบให้นางในวันเกิดครบสิบห้าปี
นักดาบทักษะต่ำ ไม่มีภูมิหลัง ทว่าทหารรับจ้างอย่าเจียงตง ไม่สามารหาซื้อเพื่อครอบครองได้
พวกเขาทั้งหมดซื้อกระเป๋าชนิดพิเศษที่ราคาไม่ได้แพงอะไรมากนัก พื้นที่ของมันมีเพียงแค่หนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้น สามารถพกพาได้สะดวกแต่ไม่สามารถจดจำชื่อผู้ใดได้ ฉะนั้นแล้วใคร ๆ ก็สามารถเปิดใช้มันได้ แตกต่างจากแหวนแห่งจักรวาล
“นายน้อยเย่ เราจะไปจับปีศาจเพลิงตอนนี้หรือไม่?” หลูมู่หยานที่เริ่มมีเป้าหมายสำหรับการเดินทางในครั้งนี้เอ่ย และถามต่อไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านมีเป้าหมายหรือไม่?”
“เราจะเป็นเพื่อนกันได้หรือไม่ หากเราใช้เวลาไปด้วยกัน” เย่ชิงหานหลบเลี่ยงการตอบคำถาม เขาใช้สายตาคู่คมมองไปทางหลูมู่หยาน
หลูมู่หยานตกใจอยู่ชั่วครู่ แต่จากนั้นใบหน้าที่สวยงามของนางก็แสดงรอยยิ้มขึ้นมา “แน่นอน”
“หากเป็นเช่นนั้นอย่าทำตัวห่างเหินเลย ต่อจากนี้เจ้าเรียกข้าว่าชิงหาน หรือพี่ใหญ่เย่” เขากล่าวต่อไปด้วยดวงตาที่แสดงความอ่อนโยน
“ถ้าแบบนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบ เจ้าจะเรียกชื่อข้า หรือเรียกข้าว่ามู่หยานก็ได้นะ” หลูมู่หยานพยักหน้าแสดงความจริงใจ
เย่จิงเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาผ่านทางดวงตา นี่นายน้อยใจดีกับหญิงไร้ค่าคนนี้ไปหรือไม่? แม้ว่ารูปลักษณ์นางจะดูดีเพียงใด แต่ก็ไม่คู่ควรเลยเมื่อเทียบกับเย่ชิงหาน
เย่จิงเหลือบตาเล็กน้อย และความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในใจ
เย่จิงคิดว่าจะกำจัดหลูมู่หยานภายในเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี และนายน้อยเย่ชิงหานจะต้องไม่พอใจกับหญิงไร้ค่าผู้นี้ มิเช่นนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่สตีผู้นี้ได้แต่งงานกับนายน้อยและขึ้นเป็นภรรยา ตัวของนางเองจะต้องถูกปราบทีเดียวเป็นแน่
พลังจิตของหลูมู่หยานแข็งแกร่ง แม้นไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางจับจ้องไปที่ดวงตาขอเย่จิงอย่างพินิจพิเคราะห์
นางเย้ยหยันอยู่ภายในใจ หากหญิงรับใช้งี่เง่านางนี้คิดจะทำแบบนั้น นางจะสอนให้เย่จิงรู้เองว่าคำว่าเสียใจสะกดอย่างไร
“มู่หยาน เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้คือปีศาจระดับสูงสุด ปีศาจหูหลินระดับที่สี่ อยู่รอบนอกของเทือกเขา”
เย่ชิงหานเอ่ยโดยไม่ปิดบัง พร้อมกับเตือนว่า “ปีศาจไฟตัวนี้มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร หมูขนแดงหรือตัวอื่น ๆ ก็เทียบไม่ได้ พลังการต่อสู้ของมันเทียบเท่าระดับที่ห้า เจ้าต้องระวังเมื่อไปถึงที่นั่น”
“รับทราบ ไปกันเถอะ”
หลูมู่หยานพยักหน้าตอบ นางเคยเห็นหูหลินผ่านคำแนะนำของหนังสือปีศาจในห้องสมุดของสถาบันจักรพรรดิ ข้อนี้นางรู้ดีอยู่เต็มอก
หลังจากนั้นทัพของเย่ชิงหานก็รีบเคลื่อนตัวไปที่รอบนอกของเทือกเขาทันที
เนื่องจากเย่ชิงหานเป็นผู้ควบคุมตำแหน่งของถ้ำหลินอัคคี พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะอ้อม และพบกับคนอื่นในเช้าวันรุ่งขึ้น