ตอนที่แล้วตอนที่ 63 เขตต้องห้ามของนิกายเทียนสุ่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 65 จงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาดีๆ เป็นครั้งสุดท้าย

ตอนที่ 64 กระดิ่งเหอฮวน


        ตอนที่ 64 กระดิ่งเหอฮวน

  

“พอได้หรือยัง?” เสียงที่เย็นชาและเข้มงวดดังจากริมฝีปากบางและลมหายใจอุ่นๆ กระทบนิ้วมือของซูอัน

  

บุปผามรณะยืนอยู่ด้านหลังซูอันและจดจ้องมู่หนิงเจินด้วยความระมัดระวัง พร้อมโจมตีได้ทุกขณะ

  

“โย่ อาจารย์ฟื้นแล้ว ยอดเยี่ยมไปเลย ข้ากังวลแทบตายว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับอาจารย์” การแสดงออกของซูอันเปลี่ยนไปในพริบตา แววตาของเขาชัดเจนและฉีกยิ้มดีใจ กอปรกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา จึงทำให้เขาดูเหมือนชายหนุ่มความคิดสะอาดสะอ้านจริงๆ

  

“อาจารย์? ข้าจำได้ว่าไม่มีศิษย์เช่นเจ้า” มู่หนิงมองซูอันด้วยความเย็นชาไม่เปลี่ยน นางไม่ได้ถูกล่อลวงโดย ‘ความงาม’ ของซูอันสักนิด

  

“อาจารย์คงยังไม่ทราบ อวี่ลั่วกับข้ามีคำมั่นสัญญาชั่วชีวิตต่อกันแล้ว ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วด้วย ท่านเป็นอาจารย์ของนาง โดยธรรมชาติแล้วท่านก็เป็นอาจารย์ของข้าด้วย สำหรับคนด้านหลังนี้เป็นองครักษ์ของข้าเอง” ซูอันแนะนำตัวด้วยความจริงจัง

“อวี่ลั่ว เซียวอวี่ลั่วน่ะหรือ?” มู่หนิงเจินเข้าใจทันทีว่าซูอันกำลังเอ่ยถึงใคร และสีหน้าของนางมีความตกตะลึงไม่น้อย เพราะนางไม่คาดคิดว่าการกักตนเพียงครึ่งปีจะทำให้ศิษย์หญิงคนเล็กสูญเสียพรหมจรรย์ให้ผู้อื่นไปแล้ว

  

ทว่าตามกฎของนิกายเทียนสุ่ยโดยปกติคนนอกนิกายที่เป็นบุรุษไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในนิกายเป็นเวลานาน ไม่ต้องพูดถึงการวิ่งมาที่หลังเขานี้ได้ ทำให้คำพูดของบุคคลนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ

  

จากนั้นนางเหลือบมองซูอันตรงหน้าอีกครั้ง นัยน์ตาคู่งามมีความอับอายและตะโกนว่า “เจ้ายังไม่ปล่อยมืออีก!”

  

ปรากฏว่านิ้วของซูอันวางอยู่บนริมฝีปากของมู่หนิงเจินตลอดเวลา แม้ว่านางกำลังพูดอยู่ เขาก็ไม่ดึงมือออกและสัมผัสฟันของนางหลายครั้ง

  

“เอ่อ ขอโทษที เมื่อครู่นี้ศิษย์ตกตะลึงกับความน่าเกรงขามของอาจารย์จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย” ซูอันดูเหมือนจะเพิ่งตอบสนอง เขารีบชักมือกลับและนิ้วของเขายังเปียกน้ำลายอยู่ด้วย

  

“เฮอะ ข้าออกคำสั่งห้ามไว้แล้ว ยกเว้นข้าก็ห้ามใครเข้ามาที่หลังเขา แต่เจ้าฝ่าฝืนคำสั่ง!” มู่หนิงเจินระงับความอับอายและถามเสียงเข้ม

  

นางมาที่หลังเขาคราวนี้ได้สร้างม่านพลังเวทลวงตาขึ้นเอง ที่ปากถ้ำยังมีพลังเวทป้องกันไว้แน่นหนา ไม่คาดคิดว่าจะมีคนบุกเข้ามาได้

จริงสิ มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อนหน้านี้

  

นางรู้ว่าเมื่อไม่นานนี้ม่านพลังเวทที่ปากถ้ำพังลงแล้ว แต่ตอนนี้นางไม่มีพลังพิเศษที่จะสร้างขึ้นใหม่ นางจึงเข้าใจได้ว่าคนผู้นี้บังเอิญเดินเข้ามา

  

ความดื้อรั้นของกระดิ่งเหอฮวนนั้นเกินจินตนาการของนาง เพราะพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของธิดาเทพแห่งนิกายเหอฮวนในกระดิ่งยังไม่ดับสูญจนถึงทุกวันนี้ ตอนที่นางพยายามขัดเกลามันขึ้นมาใหม่ พลังวิญญาณในกระดิ่งบันดาลโทสะขึ้นมา ทำให้นางเสียสมาธิและถูกโจมตีจากภายใน

  

“อาจารย์คงยังไม่ทราบว่าศิษย์ได้ค้นพบการเคลื่อนไหวของพวกลัทธิมารระดับหยางบริสุทธิ์ที่กำลังวางแผนโจมตีนิกายเทียนสุ่ยของเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือฝ่ายศัตรูมีกำลังคนเยอะมาก ซึ่งศิษย์และคนอื่นๆ ในนิกายเทียนสุ่ยอาจไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ ศิษย์จึงไม่มีทางเลือกอื่นและมาตามหาอาจารย์ที่หลังเขา”

  

ซูอันพยายามสุ่มหาเหตุผลตามแนวโน้มล่าสุดที่พวกลัทธิมารกำลังดำเนินการ

“จริงหรือ?” ทันใดนั้นสีหน้าของมู่หนิงเจินกลายเป็นจริงจัง

  

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่ม่านพลังเวทตรงปากถ้ำถูกทำลายและทำให้พลังวิญญาณของกระดิ่งเหอฮวนรั่วไหลออกไป นางจึงรู้สึกเสียใจ

  

เกรงว่าเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากนาง

  

ในฐานะอดีตนิกายที่เดินทางสายมารจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้รอดชีวิตของนิกายเหอฮวนจะสัมผัสถึงสมบัติวิญญาณประจำนิกายได้

  

ถ้านางเป็นต้นเหตุให้นิกายเทียนสุ่ยถูกทำลายจริงๆ นางคงไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของนิกาย

  

สำหรับมู่หนิงเจินแล้วนอกจากการฝึกตนที่สำคัญ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อนางมากคือนิกาย

  

“จริงที่สุด!” ซูอันพยักหน้าโดยไม่มีร่องรอยความเท็จบนใบหน้าของเขา

  

มู่หนิงเจินหลับตาลงเพื่อระงับความร้อนใจ

  

“ไม่ต้องกังวล รออีกสองวันข้าจึงจะออกจากการกักตนได้! ตอนนี้เจ้าออกไปก่อนแล้วบอกให้พวกเฟิ่งหลวนเพิ่มความระวัง”

  

พลังวิญญาณที่เหลืออยู่ในกระดิ่งเหอฮวนนั้นทรุดโทรมลงและถูกผนึกไว้เป็นเวลาหลายร้อยปี ตอนนี้นางขัดเกลาจนเกือบสำเร็จ อย่างมากภายในสองวัน นางจะสามารถกำจัดพลังวิญญาณที่เหลืออยู่โดยสมบูรณ์และขัดเกลากระดิ่งเหอฮวนใหม่อีกรอบ

    

แล้วยังต้องกลัวหนูในท่อระบายน้ำพวกนั้นอีกหรือ

  

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า มู่หนิงเจิน ทายาทนิกายเหอฮวนของข้าไม่เคยทำให้ผิดหวัง เมื่อนิกายเหอฮวนของข้าทำลายนิกายเทียนสุ่ยของเจ้าสำเร็จ พวกเจ้าจะกลายเป็นทาสของนิกายเหอฮวนและไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย!”

  

กระดิ่งในมือของมู่หนิงเจินส่องแสงเจิดจ้า น้ำเสียงที่เย้ายวนและบ้าคลั่งดังก้องทั่วบริเวณนั้น

  

เสียงนั้นทำให้เลือดในกายผู้คนเดือดพล่านและรู้สึกสยดสยอง

  

เหมือนซักคิวบัสจากนรกที่แสนเจ้าเล่ห์

  

นัยน์ตาของซูอันเคลื่อนไหวและมองไปที่กระดิ่งนั้น

  

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มู่หนิงเจินไม่ขยับเมื่อเขาสัมผัสนางเช่นนั้น ปรากฎว่านางถูกควบคุมไว้นั่นเอง

  

“เฮอะ หลังจากข้าทำลายพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของเจ้าจนหมด ข้าจะขัดเกลากระดิ่งนี้อีกครั้ง กำจัดเจ้าให้สิ้นซาก รวมถึงมรดกของนิกายเหอฮวนทั้งหมด ไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัขสักตัว!”

  

พลังเวทของมู่หนิงเจินยังหลั่งไหลไปยังกระดิ่งเหอฮวน กลายเป็นไฟแผดเผากระดิ่งเหอฮวนโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอลงเลย

  

พัวพันอยู่กับธิดาเทพเหอฮวนนี้มาครึ่งปีแล้ว ทะเลาะวิวาทกันจนเกือบติดเป็นนิสัย

  

นางไม่รู้ว่าพวกผู้ปลูกฝังมารจะโจมตีเมื่อใด นางจึงต้องทำลายพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของธิดาเทพเหอฮวนโดยเร็วที่สุด

  

“ฮ่าฮ่าฮ่า มู่หนิงเจิน เจ้าฝันอยู่หรือ! เจ้าดูแคลนวิถีการฝึกควบรวมอินหยางของนิกายเหอฮวนเสมอมาไม่ใช่หรือ เจ้ายึดมั่นในจริยธรรมของมนุษย์นักนี่” เสียงของธิดาเทพเหอฮวนค่อยๆ กลายเป็นปกติ แต่กลับมีพลังกดดันให้คนมุ่งสู่ความบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์

  

สิ่งนี้ทำให้มู่หนิงเจินรู้สึกแย่ หรือว่าอีกฝ่ายมีแผนการสำรองซ่อนอยู่?

  

“ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าดอกบัวขาวของเจ้าเมื่อถูกดินแปดเปื้อนจะเป็นอย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฟ้าดินสอดประสาน ความกลมกลืนของอินหยางและรากฐานของทุกสิ่ง ข้าเท่านั้นที่มีความสุข!” เสียงผู้หญิงเปลี่ยนเป็นแหลมคมและเต็มไปด้วยความแค้น

  

แสงที่ซ่อนอยู่ของกระดิ่งเหอฮวนระเบิดออกสุดแรง ทันใดนั้นนางก็หลุดออกจากพันธนาการของมู่หนิงเจินและแสดงให้เห็นถึงความสง่างามผ่านกาลเวลาของนาง

  

มู่หนิงเจินหนาวสะท้าน ความจริงแล้วธิดาเทพเหอฮวนสละพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ของนางเพื่อกระตุ้นพลังสูงสุดของกระดิ่งเหอฮวน

  

พลังวิญญาณสีชมพูเข้มกวาดไปทั่วทั้งห้อง มันแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณที่ซูอันสัมผัสได้ก่อนหน้านี้หลายเท่า

  

แม้ว่าเขาจะเร่งพลังของคัมภีร์ปฐมกาลด้วยกำลังทั้งหมด แต่ยังยากที่จะระงับความร้อนในเลือดของเขาได้

  

ลำคองามระหงของบุปผามรณะเป็นสีชมพูจางๆ ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย

  

ทั้งสองคนเป็นเช่นนี้ จึงไม่ต้องพูดถึงมู่หนิงเจินที่ถูกธิดาเทพเหอฮวนสละวิญญาณโจมตี

  

ผิวกายของนางแดงก่ำและใบหน้าเปล่งประกาย ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก

“ไป รีบไป!” นางกัดฟันและตะโกนสั่งซูอัน

  

น่าเสียดายที่ซูอันเกิดมาพร้อมความหัวขบถที่เข้มข้นแล้วเขาจะฟังคำสั่งมู่หนิงเจินได้อย่างไร

  

“เอ่อ ไม่ได้หรอกอาจารย์ คือข้ารู้สึกอึดอัดมาก ข้าเดินไม่ไหว” ซูอันส่งสัญญาณถึงบุปผามรณะให้รออยู่นอกประตูเพื่อคุ้มกัน

  

ในขณะเดินพลังในกาย ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เขายังถกเสื้อผ้าลงเพื่อระบายความร้อน ดูราวกับว่าเขามีอาการเพ้ออยู่ด้วย

  

ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้เข้ามาแล้ว ลมหายใจของบุรุษลอยเข้าจมูกของมู่หนิงเจินและจิตใต้สำนึกที่นางพยายามรักษาไว้พลันหายไป

  

ความปรารถนาที่สะสมจากการต่อสู้กับธิดาเทพเหอฮวนเป็นเวลานานก็ระเบิดขึ้น นางรีบโผเข้าหาซูอันโดยไม่มีสติทันที

  

สิ่งที่นางต้องการตอนนี้คือดับไฟร้อน!

  

“อาจารย์อย่านะ!” ซูอันทำเป็นร้องห้าม “หยุด! ท่านหยุดนะ!”