ตอนที่แล้วตอนที่ 43 เธอเคยมาที่นี่?!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 กลัว

ตอนที่ 44 หัวใจ


เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากมุมปากของไป๋เสี่ยว "เขาอาจจะกินเนื้อที่ไม่ควรกินเข้าไปแล้ว!"

สองทศวรรษก่อนหน้านี้เกิดการสังหารหมู่ที่น่าสยดสยองขึ้น ไม่มีทางเลยที่ไป๋เสี่ยวจะเป็นฆาตกรได้ แต่รูปลักษณ์ปัจจุบันของเขานั้นเหมือนกับฆาตกรในจินตนาการของเกาหมิงทุกประการ

สายเกินไปแล้วที่จะหลบหนี เกาหมิงจับโซ่แน่น ก่อนกระซิบบอกให้จูเหมียวเซียวแปะยันต์สังหารลงที่คมของขวาน "สองต่อหนึ่ง พวกเรายังมีโอกาส"

เกาหมิงใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการตัดสินใจ ในวินาทีวิกฤตินั้นไป๋เสี่ยวได้พุ่งผ่านทางเชื่อมเข้ามาเกือบถึงตัวแล้ว

มีดสับกระดูกที่ผ่านการใช้งานมาตลอดทั้งคืนฟันใส่เกาหมิงสุดกำลัง

"ระวัง!" คําเตือนดังก้องในอากาศที่ตึงเครียด

จู๋เหมียวเซียวรีบวิ่งเข้ามาจากด้านข้างเงื้อขวานเล็งไปที่ไหล่ของไป๋เสี่ยว ขณะที่ขวานทำลังจะเฉือนเข้าที่ไหล่ แต่ไป๋เสี่ยวกลับบิดตัวหลบในมุมที่น่าเหลือเชื่อ

เสื้อกันฝนขาดออก เผยให้เห็นผิวที่ถูกปกคลุมด้วยตัวอักษรสีดำ กำลังคลานไปทั่วผิวหนังเหมือนหนอน

การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของไป๋เสี่ยวจะส่งเสียงพิลึก ราวกับว่ากระดูกของเขากำลังถูกแยกออกจากกันทีละส่วน

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่ง ดูเหมือนเขาจะถูกครอบงำจากบางสิ่งบางอย่าง

ปากที่เปื้อนเลือดเริ่มฉีกออกไปด้านข้าง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง

เพียงเสี้ยววินาที ไป๋เสี่ยวย่อตัวลงก่อนระเบิดพลังขาอีกครั้ง พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่ามนุษย์

แม้ว่าเกาหมิงจะฝึกฝนร่างกายมาโดยตลอด เพื่อเตรียมรับมือกับสถานะการณ์ต่างๆภายในคุก แต่ก็พบว่าตัวเองไม่ได้เตรียมพร้อมมากพอสําหรับการเผชิญหน้าสิ่งนี้

เกาหมิงไม่เคยเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ อาศัยเพียงสัญชาตญาณล้วนๆ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด

เมื่อไม่มีกลยุทธ์หรือทักษะใดๆ เกาหมิงจึงโฟกัสทุกอย่างไปที่ร่างกายของไป๋เสี่ยว พยายามคาดการณ์เดาการเคลื่อนไหวของเขาล่วงหน้า

แต่ละครั้งที่ไป๋เสี่ยวโจมตีเข้ามา เกาหมิงจะหลบได้อย่างหวุดหวิดเสมอ แต่เขารู้ตัวดีว่าอีกไม่นานเขาจะต้องโดนไป๋เสี่ยวฟัน!

"สับเขาลง!"

ไม่ต้องพูดถึงการโต้กลับ แค่การหลบแต่ละครั้งก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว เกาหมิงได้แต่วางความหวังทั้งหมดไว้ที่จูเหมียวเซียว

จูเหมียวเซียวซึ่งถือขวานอยู่ในมือแน่น ก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน แต่ไป๋เสี่ยวสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างผิดธรรมชาติ ทําให้เขาเป็นเป้าหมายที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีโดน

พริบตาเดียวเกาหมิงพบว่าตัวเองกำลังถอยห่างออกจากทางเชื่อมกลับเข้าสู่อาคารบี เขาไม่เคยเข้าใกล้ความตายขนาดนี้มาก่อน

มีดที่น่ากลัวและรอยยิ้มสยดสยองของไป๋เสี่ยว ประกอบกับเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของเขา ครอบงําความรู้สึกของเกาหมิง พื้นที่ลื่นใต้ฝ่าเท้ารวมถึงผนังที่เปื้อนเลือดขัดขวางการเคลื่อนไหวไว้ แม้จะระมัดระวังทุกๆการกระทำ แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำทางกายภาพระหว่างเขากับไป๋เสี่ยว ได้ผลักดันเกาหมิงให้จนมุมอย่างสิ้นหวัง

เมื่อไม่มีเส้นทางให้หลบหนีอีกต่อไป เกาหมิงจึงเลือกวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องใกล้เคียง ทุกการกระทำของเกาหมิงสะท้อนชะตากรรมของเจ้าหน้าที่ที่โชคร้ายคนอื่นๆก่อนหน้านี้

ล็อคพังไปนานแล้ว เกาหมิงรีบใช้ร่างกายกระแทกประตูให้ปิดลง หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวถึงสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้น

ราวกับชั้นเก้าป็นพื้นที่ล่าสัตว์ ประตูทุกบานไม่สามารถล็อคได้!

เสียงหัวเราะที่น่าขนลุกของไป๋เสี่ยวดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน มีดกระดูกถูกฟาดฟันไปที่ประตูอย่างต่อเนื่อง เสียงที่กระทบประตูแต่ละครั้งบีบรัดหัวใจเกาหมิง

เกาหมิงใช้หลังยันประตู รีบควานหารูปถ่ายมรณกรรมของจ้าวซีออกมาจากกระเป๋าเป้

ในที่สุดเกาหมิงก็เจอ "พี่จ้าว! ถ้าพี่ไม่ออกมาช่วยผมตอนนี้ ต่อไปพี่จะไม่ได้เจอผมอีกแล้ว!" เสียงที่เปล่งออกแต่งแต้มด้วยความสิ้นหวัง

เลือดที่ปลายนิ้วไหลลงมาตามโซ่ ก่อนหยดลงบนภาพถ่ายมรณกรรม จู่ๆอุณหภูมิห้องลดลงอย่างกะทันหัน เงามากมายไหลออกมาจากรอบด้านก่อนบรรจบกันอย่างน่าขนลุกบนภาพถ่าย ความเชื่อมโยงที่แปลกประหลาดดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นระหว่างเขากับจ้าวซี

สีสันบนภาพถ่ายค่อยๆจางหายไป นิ้วทั้งห้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลยื่นออกมาจากภาพถ่ายช้าๆและคว้ามือของเกาหมิงไว้!

กลิ่นฉุนของเลือดกระจายไปทั่ว ไม่นานร่างกายที่บิดเบี้ยวของจ้าวซีก็คลานออกมาจากภาพถ่ายทั้งตัว!

ในช่วงเวลาวิกฤตินั้น ประตูห้องเช่าก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ผลักเกาหมิงไปข้างหน้า

ไป๋เสี่ยวซึ่งสวมเสื้อกันฝนพุ่งตัวเข้ามาด้วยเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง เพียงเพื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของจ้าวซี

จ้าวซีโถมร่างกายที่ใหญ่โตเข้ากอดไป๋เสี่ยวไว้ เขาพยายามเฉือนและแทงจ้าวซีอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เห็นผล จ้าวซีไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยมือ เขาแบกรับความสิ้นหวังและเจ็บปวดไว้ น้ำหนักของชีวิตที่เขาแบกไว้กลายเป็นพันธนาการที่ดิ้นไม่หลุด เป็นความทุกข์ทรมานที่เกาะติดเขาไว้แม้จะตายไปแล้ว

เลือดไหลออกมาจากบาดแผลของจ้าวซี แต่แทนที่จะหยดลงพื้น กลับกลายเป็นเหมือนกาวที่เชื่อมอยู่ระหว่างเขากับไป๋เสี่ยว เขาต้องการส่งต่อความเจ็บปวดและสิ้นหวังทั้งหมดที่เขารู้สึกไปให้กับไป๋เสี่ยว

สีหน้าของไป๋เสี่ยวบิดเบี้ยวกลายเป็นหน้ากากแห่งความสยดสยองเมื่อพิสูจน์แล้วว่ามีดในมือใช้ไม่ได้ผล ไป๋เสี่ยวจึงหันหน้าไปกัดไหล่ของจ้าวซีด้วยปากที่เปื้อนเลือด!

เขาใช้ฟันฉีกกระฉากชิ้นเนื้อของจ้าวซีออกอย่างอํามหิต สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือแผลที่ถูกกัดไม่ยอมหาย! ตัวอักษรที่สลักอยู่บนผิวหนังของไป๋เสี่ยวเริ่มคืบคลานเข้าไปในร่างของจ้าวซี

"ห๊ะ กัดผีเนี่ยนะ???" เกาหมิงฉวยจังหวะนั้นจับโซ่และพุ่งตัวเข้าใส่ไป๋เสี่ยว เขาใข้โซ่สีดํามัดไป๋เสี่ยวไว้

"จูเหมียวเซียว!!!!" เกาหมิงตะโกนลั่นออกมา

ยันต์สังหารติดอยู่กับคมขวาน จูเหมียวเซียวพุ่งตัวเข้ามาเงื้อขวานขึ้นฟันไปที่แผ่นหลังของไป๋เสี่ยวสุดแรง

เสียงกรีดร้องที่บีบหัวใจดังขึ้น ฝูงตัวอักษรสีดําพุ่งเข้าหาบาดแผลบนหลังของไป๋เสี่ยว

"หัวหน้าไป๋!ฉันขอโทษ!!ฉันขอโทษ!!!ฉันขอโทษ!!!!" เสียงของเธอเต็มไปด้วยความสำนึกผิด

จูเหมียวเซียวยกขวานขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความมุ่งมั่น เธอเหวี่ยงขวานลงไปโดยไม่ลังเล ในสายตาของเธอ ไป๋เสี่ยวไม่ใช่ไป๋เสียวที่เธอเคยนับถืออีกต่อไป แต่กลายเป็นคนบ้าเสียสติที่อันตรายไปแล้ว!

เมื่อกระทบแผ่นหลังอีกครั้งยันต์ที่คมขวานก็แตกกระจาย แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ขวานช้าลงเลย ยังคงฟันตัวไป๋เสี่ยวทะลุ จนเห็นถึงเครื่องใน

"หัวใจของเขา... ถูกควักออกมา!" เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ

เส้นเลือดสีฟ้าบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของไป๋เสี่ยว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ตัวอักษรสีดําบนร่างกายของเขาเริ่มละลายเหมือนเกล็ดหิมะ

ร่างกายของเขาดูเหมือนจะสูญเสียการสนับสนุนบางอย่าง ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนแอ่งเนื้อและโคลน

เกาหมิงเช็ดคราบเลือดออกจากปากของไป๋เสี่ยวแล้วดึงขวานออกมา เขามองไปที่ไป๋เสี่ยวบนพื้นไม่แนใจว่าอีกฝ่ายกลายเป็นอะไร มนุษย์?หรือผี?

หลังจากที่ตัวอักษรสีดําทั้งหมดหายไป ดวงตาของไป๋เสี่ยวก็เปิดออกอีกครั้ง เมื่อเห็นเกาหมิง ความปั่นป่วนฉายชัดอยู่ในแววตา เขาพยายามเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อกันฝนราวกับจะดึงอะไรบางอย่างออกมา แต่ด้วยสภาพตอนนี้เขาทำไม่สำเร็จ

เนื้อของไป๋เสี่ยวไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตใดๆ เริ่มส่งกลิ่นเหม็นคล้ายเนื้อที่เน่าเปื่อย ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเขาเสียชีวิตมานานหลายวันแล้ว

ด้วยความสงสัย เกาหมิงจึงยกเสื้อกันฝนขึ้นและค้นพบสายรัดข้อมือสีดําที่ถูกเย็บติดกับหน้าท้องของไป๋เสี่ยวไว้

เกาหมิงดึงออกมาโดยไม่ลังเล ก่อนเปิดการทำงานขึ้น และพบว่ามีการบันทึกเสียงสั้นๆไว้

บันทึกที่ 1 : "หลังจากผ่านไปสิบเจ็ดนาที เราสูญเสียเจ้าหน้าที่ไปสองนายขณะที่เดินผ่านโถงทางเดิน"

บันทึกที่ 2 : "หลังจากผ่านไปสี่สิบนาที ผีในความผิดปกตินี้ล้วนผิดปกติ พวกเขาไม่รู้ตัวว่าไปตายไปแล้ว ยังคงใช้ชีวิตปกติเหมือนมนุษย์ คุณจะไม่ถูกโจมตีถ้าคุณไม่ทําตัวแปลกๆ ที่สำคัญอย่าเข้าไปในห้องไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"

บันทึกที่ 3 : "หลังจากกินเนื้อ เราจะอยู่รอดได้นานขึ้น"

บันทึกที่ 4 : "สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนความผิดปกติ แต่เหมือนโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า หรือจะมีโลกอื่นจริงๆ?"

บันทึกที่ 5 : "จงปกป้องหัวใจของคุณไว้"

บันทึกที่ 6 : "ห้องเก็บศพบนชั้นสี่และห้อวที่มีโคมไฟสีขาวปลอดภัย ”

บันทึกที่ 7 : "อย่ากินเนื้อ!"

บันทึกเหล่านี้เป็นพินัยกรรมสุดท้ายของไป๋เสี่ยว ซึ่งซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขาเอง เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาและส่งต่อข้อมูลสําคัญนี้

อารมณ์ของจูเหมียวเซียวแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด หวนคิดถึงอดีตของเธอกับไป๋เสี่ยว "ตอนที่ฉันมาสัมภาษณ์ที่สํานักงาน หัวหน้าทีมไป๋เป็นผู้คัดเลือกฉัน เขาเป็นคนที่ซื่อตรงมาก" เสียงของเธอแต่งแต้มด้วยความเคารพและความเศร้าโศกผสมกัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า'ผี'ตัวแรกที่เธอฆ่าจะกลายเป็นคนที่เธอเคยชื่นชมมากที่สุด

"สุดท้ายสักวันทุกคนจะต้องตาย รวมทั้งคุณและผมด้วย มีเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ นั่นคือการทำให้ความตายของเรามีค่ามากกว่านี้" เกาหมิงสังเกตเห็นมือของจูเหมียวเซียว ซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลที่ดูเหมือนจะรักษาไม่ได้ เป็นผลมาจากการถือขวานไว้ "เกิดอะไรขึ้น?"

"ตอนที่ฉันใช้ยันต์ฆ่าหัวหน้าไป๋ มันก็ดูดเลือดจากฉันไป" จูเหมียวเซียวหยิบยันต์อีกสองแผ่นออกมา "ฉันรู้สึกเหมือนมันกําลังกลืนกินฉัน"

เมื่อตรวจสอบเครื่องรางของขลังที่ยายเซินให้มา เกาหมิงก็ค้นพบสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว สิ่งที่เรียกว่า'ยันต์แห่งการสังหาร'ดูเหมือนจะสร้างขึ้นมาจากผิวหนังมนุษย์ โดยแต่ละแผ่นจะมีเงาผีติดอยู่ข้างใน การเปิดเผยนี้บอกเป็นนัยถึงความลึกลับมากมายที่ยังไม่คลี่คลาย

'ทุกอย่างประหลาดเกินไป แม้แต่เครื่องรางของขลังก็เกี่ยวข้องกับผี หรือโลกเงาก็เป็นโลกที่สร้างขึ้นจากผีทั้งหมด?'

เกาหมิงช่วยพยุงจูเหมียวเซียว และปรับสมดุลจ้าวซีที่อยู่บนหลัง

เกาหมิงระวังตัวทุกฝีก้าว ยิ่งเข้าใกล้ทางเชื่อมอาคารเอมากเท่าไหร่ หัวใจของเขายิ่งเต้นแรงและเร็วขึ้นมากเท่านั้น เหมือนมีบางอย่างกำลังส่งเสียงเรียกเขาจากส่วนลึกของอาคารเอ

เขารําพึงกับความคิดที่หนักใจ 'ยายเซินบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเข้าร่วมพิธี เป็นไปได้ไหมว่าเราบูชาอะไรบางอย่างในอุโมงค์ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ?'

คราบเลือดบนพื้นค่อยๆลดน้อยลง แทนที่ด้วยเสียงของคนกำลังขายของจางๆลอยเข้ามาหาพวกเขา เกาหมิงเงยหน้าด้วยความมึนงง ก่อนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเดินถึงอาคารเอแล้ว

เกาหมิงผลักเสื้อผ้าที่ตากไว้ออก ภาพที่เหนือจริงก็กระทบเข้าสู่สายตาเกาหมิง ราวกับว่าตัวเองหลุดพ้นจากสถานที่นี้แล้ว ภาพของเด็กที่วิ่งเล่นไปมา ผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน ทุกคนต่างใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ

แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าร่างกายของพวกเขามีร่องรอยของความไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่า นี่อาจจะเป็นเพียงม่านบางๆเหนือความผิดปกติที่แฝงอยู่ ความแตกต่างระหว่างชีวิตที่ดูเหมือนปกตินี้กับความเป็นจริงอันน่าสยดสยองที่พวกเขาพบเจอนั้นช่างลึกลับและซับซ้อน บ่งบอกถึงความลึกลับเกินกว่าจะมองได้ปกติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด