ตอนที่แล้วตอนที่ 374
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 376

ตอนที่ 375


ตอนที่ 375



“ตอนที่สงครามได้มาถึงช่วงสุดท้าย

นายท่านเป็นตัวแทนของเผ่าปีศาจของเราในการเจรจากับกลุ่มคนที่เรียกว่าพันธมิตรคุณธรรม

อันที่จริง เรารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไม่มีทางประนีประนอม

เมื่อท่านจากไปในวันนั้น ท่านเองก็สวมเสิ้อคลุมตัวนี้

เลือดและเปลวไฟแผดเผาอยู่เบื้องหลังของท่าน

ท่ามกลางเสียงสงครามที่ฟากฟ้าอันห่างไกล ท่านก็ก้าวเดินทีละก้าวไปสู่สุดขอบฟ้า "

เมื่อได้ยินคำพูดของไป่เหมิน เต๋าซุนก็เงียบไปเล็กน้อย

เสื้อตัวนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ราวกับว่าได้พบเจอกับสายเลือดของตนเอง

ราวกับว่านี่คือสิ่งที่ควรอยู่กับเขาตั้งแต่เกิด

เขาแตะกล่องคริสตัลในมือเบา ๆ แล้วถามว่า "มีวิธีเปิดมันหรือไม่"

“อาจจำเป็นต้องใช้ตราประทับจากยุคสูญสิ้น  ตราประทับนี้ไม่เคยมีใครพบมันอีกหลังจากเข้าสู่ยุคแห่งแสง ”

ไป่เหมินพูดอย่างครุ่นคิด: "เว้นแต่ว่าท่านจะพบหินเงานภา"

“มันคืออะไร” เต๋าซุนถามอย่างสงสัย

“มันเป็นหินคริสตัลชนิดหนึ่งที่สามารถปลดล็อคผนึกของทุกสิ่งในโลกได้ แต่หินคริสตัลชนิดนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว”

ไป่เหมินกล่าวว่า

“มันจะกลายเป็นของไร้ค่าไปทันทีหลังจากใช้ปลดผนึกบางสิ่งแล้ว  ดังนั้นมันจึงหาได้ยากเป็นอย่างมากและแทบจะหมดไป”

เต๋าซุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเก็บกล่องคริสตัลที่เก็บชุดคลุมนักรบไป

เขาแอบนึกถึงเรื่องของหินเงานภาในใจของเขา

เขาเดินออกจากถ้ำ

ในตอนนี้เอง ไป่เหมินที่ยังเชื่อมต่อกับเขาอยู่ก็พูดบางอย่างด้วยน้ำเสียงผิดปกติ

“กลิ่นอายตรงสถานที่ที่ท่านอยู่นั้นทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยนัก” ไป่เหมินกระซิบ

“เจ้าเคยมาที่นี่รึ” เต๋าซุนถาม

“ข้าเองก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนกัน แต่จำอะไรไม่ได้เลย”

“ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ รบกวนท่านช่วยเดินต่อไปอีกหน่อย” ไป่เหมินกล่าว

“ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าคิดจะไม่เป็นจริง ”

ไป่เหมินยังคงเฝ้าดู และ เต๋าซุนก็เดินตรงไปข้างหน้ารอบๆบริเวณถ้ำ

เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้สีเข้ม

และหลังจากที่เต๋าซุนเดินเป็นเวลานาน เขาก็มั่นใจว่านี่คือเกาะที่ตายแล้ว

ระหว่างทางเขาไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นแม้แต่ตัวเดียว

ยิ่งกว่านั้นต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็ตายไปนานแล้ว ไม่มีร่องรอยของพลังชีวิตเหลืออยู่เลย

รกร้างและแห้งแล้ง

เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าดวงอาทิตย์แขวนราวกับจานบนท้องฟ้า

แสงแดดอันอ่อนโยนส่องลงมา

เสียงการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้านั้นรุนแรงมากเมื่ออยู่ในป่าที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งนี้

สิ่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเต๋าซุน

เขาเดินผ่านพุ่มไม้ตรงหน้าซึ่งมีกิ่งที่ตายแล้วปกคลุมอยู่

จากนั้นก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามหญิงคนหนึ่งและกำลังต่อสู้กัน

ความแข็งแกร่งของหญิงคนนี้อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ 5

กลุ่มคนที่ล้อมรอบนางอยู่มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป ทั้งผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับ 5 หรือผู้ที่อยู่ระดับ 4

หญิงสาวต่อสู้และถอยไปพร้อมๆ กัน ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยแผลปรากฏ

เสื้อขาวถูกอาวุธมีคมฉีกขาดหลายจุด

เหงื่อบนหน้าผากของนางยังทำให้ผมบริเวณหูเปียกเล็กน้อย

ทันทีที่นางเห็นเต๋าซุน ดวงตาของหญิงคนนั้นก็สว่างขึ้น

ทันใดนั้นนางก็ตะโกนไปทาง เต๋าซุน: "สามี ในที่สุดเจ้าก็มาช่วยข้า"

เมื่อได้ยินเสียงร้องของหญิงสาว คนในกลุ่มบางคนก็จ้องเขม็ง

พวกเขาพุ่งเข้ามาหาเต๋าซุนพร้อมกับดาบและจิตสังหาร

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจที่จะสังหารเต๋าซุนเลยโดยไม่คิดจะถามอะไร

เต๋าซุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและขี้เกียจเกินกว่าจะพูดสิ่งใด

ทลายโลกาก็ปรากฏในมือของเขา

ด้วยเสียงฟ้าร้อง ความว่างเปล่ารอบๆทลายโลกาก็เริ่มแตกสลาย และสายฟ้าก็ผ่าลงใส่กลุ่มคนที่พุ่งเข้ามา

พื้นดินตรงจุดนั้นแตกร้าวด้วยรอยแตกนับไม่ถ้วน

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่น!

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว คนที่เหลือก็ตกตะลึง

พวกเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปและวิ่งหนีไปด้านข้างทันที

เต๋าซุนตะคอกอย่างเย็นชา และทลายโลกาก็ฟันลงมาอีกครั้ง

พลังดาบก็ตัดท้องฟ้าออกจากกันด้วยความคม

พลังดาบนี้ทำลายชั้นความว่างเปล่าจนเกิดรอยแยกมิติขึ้น

เสียงระเบิด "ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง" ค่อยๆดังขึ้นพร้อมกับพื้นที่ที่แตกสลาย

ทันทีที่เสียงกรีดร้องของผู้คนที่หลบหนีดังขึ้น พวกเขาก็ถูกกลืนกินด้วยพลังดาบทันที

-

หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขาก็ตะลึงอย่างสิ้นเชิง

นางมองไปยังเต๋าซุนที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว

หญิงสาวคนนั้นตกใจกลัวและหน้าซีดเล็กน้อย

พยายามรักษาอารมณ์ของตนให้มั่นคง

จากนั้นนางก็ยิ้มและพูดกับ เต๋าซุน: "คุณชาย โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่หยาบคาย

สถานการณ์มันเร่งด่วนมากจริงๆ ดังนั้นเด็กหญิงจึงตะโกนออกไป

หากคุณชายจะกล่าวโทษ เด็กหญิงตัวน้อยก็เต็มใจที่จะรับผิดชอบ”

“รับผิดชอบรึ?” เต๋าซุนเกยคางของนางขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม

“เจ้ารับไหวรึ”

“ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคุณชาย”  หญิงสาวคนนั้นพูดอย่างเขินอายและก้มศีรษะลงเล็กน้อย

แก้มของนางแดงก่ำ และนางไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของเต๋าซุนโดยตรง

“ยินดี” เต๋าซุนก็พยักหน้า

จากนั้นเขาก็บีบคางของหญิงสาวคนนั้นอย่างแรง

ตอนนี้เอง หญิงสาวก็กรีดร้องออกมา และกระดูกขากรรไกรกับกล้ามเนื้อของนางก็แหลกเป็นผุยผง

เต๋าซุนคว้าผมของอีกฝ่ายแล้วฟาดลงกับพื้น

แล้วมันก็ระเบิดออกเหมือนกับลูกโป่งใส่น้ำ แตกกระจายในรวดเดียว

“ข้าชอบหัวของเจ้าในสภาพนี้มากกว่า” เต๋าซุนหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขามองดูร่างของผู้หญิงคนนั้น

การที่กลุ่มคนไล่ล่าหญิงสาวคนนั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่านางต้องมีของสำคัญบางอย่างอยู่บนร่างแน่นอน

เต๋าซุนตรวจค้นร่างกายของอีกฝ่าย

ในที่สุดก็พบกุญแจในถุงผ้าปิดสนิท

เขาไม่รู้ว่ากุญแจนี้ทำจากวัสดุอะไร

มันถูกล้อมรอบด้วยอากาศสีดำจางๆ

และรู้สึกเย็นเมื่ออยู่ในมือ

เต๋าซุนไม่รู้ว่ากุญแจมีไว้ทำอะไร แต่เขาก็ยังเก็บมันเข้าไปในแหวน

เดินต่อไปเรื่อยๆ เขาก็ได้พบเจอกับคนทุกประเภทตลอดทาง

ส่วนมากเป็นเหล่าคนที่กระตือรือร้นตามหาโอกาสโดยที่ไม่สนใจพูดคุยกับผู้ใด

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว

บรรยากาศบนเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ในตอนกลางคืนแปลกตาเป็นอย่างมาก

ต้นไม้ที่ตายแล้วรอบๆ ดูเหมือนสัตว์อสูรและสัตว์ประหลาด มันหวีดหวิวคำรามอย่างเงียบๆราวกับเสียงฟันและกรงเล็บขบกัน

ทั่วบริเวณก็เงียบสงบ

ในขณะนี้ เกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นโลกที่ถูกแยกออกไป

รู้สึกเหมือนกับว่าเวลาและมิติของที่นี่ถูกแยกจากโลกภายนอก

เต๋าซุนตัดต้นไม้ที่ตายแล้วที่อยู่รอบๆ และจุดไฟ

คืนฤดูหนาว อากาศหนาวเป็นอย่างมาก

เขากอดทลายโลกาไว้ในอ้อมแขนและหลับตาลงบนต้นไม้ข้างกองไฟ

ในตอนกลางคืน จู่ๆ เสียงขับร้องอันเศร้าสร้อยก็ปลุกเต๋าซุนให้ตื่น

เสียงร้องนี้น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางความมืดอันแปลกประหลาดนี้

ราวกับว่ามีคนกำลังร้องเพลงประสานเสียงอยู่

เป็นเสียงของชายและหญิง

เสียงของ หญิงสาวหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ในขณะที่เสียงของผู้ชายดูเศร้าหมองยิ่งกว่า

เสียงมาจากทุกทิศทุกทาง และไม่สามารถบอกได้ว่ามันดังมาจากที่ใด

เต๋าซุนที่กำลังฟังอยู่ก็เริ่มเห็นรถม้าขับช้าๆมาจากระยะไกล

ทันใดนั้นเมฆดำมืดที่บดบังดวงจันทร์ก็ลอยไปด้านข้าง

แสงจันทร์อันเจิดจ้าส่องลงมาอย่างแผ่วเบาจากท้องฟ้า

แสงจันทร์ส่องลงบนรถม้า

รถม้ามีรูปทรงโบราณเป็นอย่างมากและมีม่านสีแดงเข้ม

ม้าตัวนี้ยังเป็นม้าที่แปลกมาก อย่างน้อยเต๋าซุนก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนแน่นอน

ที่หน้ารถม้า มีคนคุมม้าสวมชุดสีเขียวนั่งอยู่

คนคุมรถม้าก้มศีรษะลงขณะขับรถม้า และใบหน้าของเขาก็ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน

มีชายชุดดำสองคนยืนอยู่รอบรถม้า

คนเหล่านี้ถือตะกร้าอยู่ในมือ

ขณะเฝ้ารถม้า พวกเขาก็จะโปรยบางอย่างที่ส่องสว่างในตะกร้าลงพื้นตลอดทาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด