ตอนที่ 32 สมคบคิด
เมื่อ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของ เย่เฉิน ดังขึ้น เขาก็หันมามองทันที
“ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังโทรหาคนสำคัญอยู่ นายวางสายหรือไปคุยที่อื่นได้ไหม”
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน พูดกับ เย่เฉิน อย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน รู้สึกประหม่าทั้งตื่นเต้น หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรหาเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ และเขาหวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ภาวนาในใจ
เย่เฉิน กลับไม่ได้สนใจ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน และกดรับสายโทรศัพท์ของตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ก็โกรธ และอยากจะด่า เย่เฉิน
“เหวย” (喂, ฮัลโหล/สวัสดี)
ในขณะเดียวกัน เย่เฉิน ก็พูดขึ้น
“เหวย?”
ทันใดนั้น เสียง “เหวย” ก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ก็พลันรู้สึกงงงวย
สถานการณ์นี้มัน..อย่างไร?
ทำไมโทรศัพท์มือถือของเขาถึงมีเสียง ‘เหวย’ ด้วย?
หรือว่าเขาอยู่ใกล้ เย่เฉิน เกินไป จนได้ยินผิด..ไป
เสียง ‘เหวย’ เมื่อกี้อาจไม่ได้มาจากโทรศัพท์มือถือของเขา
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน คาดเดาในใจ
ในขณะที่สายของเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ ถูกเชื่อมต่อแล้ว เขาไม่อยากทะเลาะโต้เถียงกับคนตัวเล็กๆ อย่าง เย่เฉิน
หากทำให้เจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ คนยิ่งใหญ่เช่นนี้โกรธ มันคงกลายเป็นเรื่องไม่ดีแน่
เขากำลังจะปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ กับคนใหญ่คนโต ดังนั้น เว่ย รุ่ยเหยี่ยน จึงลุกขึ้น และเดินไปยังที่ที่เงียบสงบด้วยตนเอง
“เว่ย รุ่ยเหยี่ยน?”
ตอนนี้ เสียงอีกเสียงหนึ่งดังมาจากโทรศัพท์ของ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน
ครั้งนี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน แน่ใจว่าเสียงนี้มาจากโทรศัพท์มือถือของเขาจริงๆ
และเสียงนี้ฟังดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยด้วย
หรือว่า... หรือว่าจะเป็น...?
ความคิดอันกล้าหาญผุดขึ้นในใจของ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน
หรือว่า... หรือว่า... เย่เฉิน คือคนใหญ่คนโตที่เขาพูดถึง เจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่?
แต่แล้ว..มันเป็นไปได้ยังไง?
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ใบหน้าซีดด้วยความตกใจ และไม่อยากจะเชื่อ เขาหันศรีษะไปมอง เย่เฉิน ที่อยู่ไม่ไกลด้วยความประหม่า
ไม่ไกลนัก เขาเห็น เย่เฉิน วางสายโทรศัพท์
ในเวลาเดียวกัน สายของ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ก็ถูกเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่วางสายเช่นกัน
จริงเหรอ?
การคาดเดาของเขากลายเป็นความจริง?!
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน แทบไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่ไม่ว่าเขาจะไม่เชื่ออย่างไร ความจริงมันก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
ร่างกายของเขาพลันสั่นเทาขึ้นมา เขาเดินกลับมานั่งที่เก่าอย่างยากลำบาก และกล่าวถามไปอย่างตื่นเต้นว่า :
“เย่เฉิน คุณ..คือเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ ใช่ไหม?”
เขายังไม่ยอมแพ้
ถ้า เย่เฉิน ไม่พูดออกมาเอง เขาก็ไม่อยากจะยอมรับการคาดเดาของตัวเอง
เขาไม่อยากจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้
“ใช่”
เย่เฉิน พยักหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ก็แทบนั่งไม่ติดแล้ว
จริงเหรอ? นี่.. จริงเหรอ?
เจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่จะไปเป็นชายหนุ่มคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าของได้อย่างไร?
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว..
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน หน้าซีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งคุยโม้ไป..
เขา..บอกว่าเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ เป็นเพื่อนของเขา
แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ นั่งอยู่ข้างๆ เขาเอง แต่เขากลับ..ไม่รู้จักเขา
นี่ไม่ใช่ว่ายกมือตบหน้าตัวเองหรอกหรือ?
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน รู้สึกเหมือนจะทรุดตัวลงไปด้วยความอับอาย
มันน่าอายมาก
ข้างๆ ไป๋ ฮันเยียน ก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน
เธอไม่เคยคิดเลยว่า เย่เฉิน จะเป็นเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่!
ไป๋ ฮันเยียน อึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ค่อยๆ ยอมรับมันได้
ท้ายที่สุดแล้ว เย่เฉิน ก็เป็นประธานบริษัทของเธอเอง
ในฐานะประธานบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้าน การเป็นเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งจะเป็นอะไรไป?
ดูๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ
จู่ๆ ไป๋ ฮันเยียน พลันนึกถึงสิ่งที่ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน พูดก่อนหน้านี้ และเข้าใจทันที
ที่แท้ตลอดเวลาเมื่อกี้ เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ก็แค่คุยโม้
เขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าของศูนย์การค้า ซินไท่ และจริงๆ แล้วก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
หากถ้าเขาเป็นเพื่อนกันจริงๆ แล้วทำไม เว่ย รุ่ยเหยี่ยน เขาถึงไม่รู้จัก เย่เฉิน ตั้งแต่แรก?
“คุณต้องการเช่าร้านในศูนย์การค้า ซินไท่ แปดถึงเก้าร้านใช่ไหม?”
เย่เฉิน ถาม
“ไม่ๆๆๆ ผมไม่เช่าแล้ว ไม่เช่าแล้ว”
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ส่ายหัวอย่างแรงราวกับลูกตุ้ม เขาปฏิเสธไปทันทีครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้เขาจะยังกล้าไปเช่าร้านในศูนย์การค้า ซินไท่ ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น การเช่าถึงแปดเก้าร้านต้องใช้เงินหลายล้านในแต่ละปี เขาไม่มีเงินขนาดนั้น
เงินจากการเวนคืนส่วนใหญ่ก็ตกเป็นของพ่อแม่ของเขา
เมื่อเห็น เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ส่ายหัวอย่างแรง เย่เฉิน ก็ไม่ถามต่อ แต่เขาหันไปมองที่ ไป๋ ฮันเยียน แทน
“เพื่อนสนิทของคุณต้องการเช่าร้านเหรอ?”
“ใช่คะ”
ไป๋ ฮันเยียน พยักหน้าอย่างมั่นใจอย่างยิ่ง
“ง่ายมาก เดี๋ยวผมจะติดต่อให้ทีหลัง คุณบอกเพื่อนของคุณไปที่ศูนย์การค้า ซินไท่ โดยตรง และติดต่อกับพนักงานที่นั่นเพื่อเซ็นสัญญาได้เลย”
“ทางคุณไม่ต้องจ่ายเพิ่ม จ่ายตามค่าเช่าปกติก็พอ”
เย่เฉิน กล่าว
“ขอบคุณมากค่ะ”
ไป๋ ฮันเยียน กล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ไม่เพียงแต่ เย่เฉิน จะช่วยเธอ แต่ยังช่วยเพื่อนสนิทของเธอด้วย
ครู่หนึ่งเธอไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไรดี
“ไม่เป็นไร”
เย่เฉิน โบกมือ
หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่เฉิน และไป๋ ฮันเยียน ก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ
“ลาก่อน”
เว่ย รุ่ยเหยี่ยน ที่ถูกทำให้ตกใจจนพูดไม่ออก ก็ลุกขึ้น และกล่าวลาอย่างงุนงง จากนั้นจึงรีบผละตัวออกไปก่อน
หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็พา ไป๋ ฮันเยียน กลับมาที่บริษัท เขาได้บอกกับหยาง เสวียหมิน พร้อมกับอธิบายเรื่องต่างๆ แล้วก็ออกจากที่นั่นไป
เนื่องจาก เย่เฉิน ไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดเวลาได้ เขาจึงมอบหมายให้ หยาง เสวียหมิน จัดการเรื่องโดยส่วนใหญ่
หากมีปัญหาใดๆ หยาง เสวียหมิน สามารถติดต่อเขามาได้ทันที
แน่นอนว่า เย่เฉิน ยังได้บอกกับ หยาง เสวียหมิน ว่าเขาวางแผนที่จะพัฒนา ไป๋ ฮันเยียน และมอบทรัพยากรที่เคยเป็นของ หลิง ซีเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ให้กับ ไป๋ ฮันเยียน ด้วย
หยาง เสวียหมิน รับปากอย่างรวดเร็วว่าจะจัดการเรื่องนี้ทันที
เขาจะจัดประชุม และทำแผนการพัฒนาฝึนฝน ไป๋ ฮันเยียน ให้เป็นรูปธรรม แล้วส่งมอบแผนให้กับ เย่เฉิน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาพยายามที่จะทำแผนทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว แล้วนำส่งให้ เย่เฉิน
เย่เฉิน พอใจกับคำตอบนี้มาก หนึ่งวันก็ถือว่าเร็วแล้ว
เย่เฉิน ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อ และเพิ่ม ไป๋ ฮันเยียน ใน WeChat แล้ว
เมื่อได้แผนการแล้ว เขาจะติดต่อ ไป๋ ฮันเยียน อีกครั้ง
หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็กลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเอง
……..
คืนถัดมา ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง หลิง ซีเอ๋อร์ และผู้อำนวยการหลิว เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่อย่างกระวนกระวาย
หลังจากสิบกว่านาที หญิงอ้วนที่สวมสร้อยคอมุกก็เดินเข้ามา
“ประธานเหยียน”
“สวัสดีคะ ประธานเหยียน”
เมื่อเห็นหญิงอ้วน หลิง ซีเอ๋อร์ และผู้อำนวยการหลิว ก็ลุกขึ้นทักทายเธออย่างสุภาพ
“ไม่ต้องสุภาพ ทั้งสองเชิญนั่งลงก่อนคะ”
ประธานเหยียน ยิ้ม และนั่งลงที่นั่งหัวโต๊ะ
“รายละเอียดต่างๆ เลขาของฉันคงบอกกับพวกคุณแล้วใช่ไหมค่ะ”
หลังจากได้นั่งลงแล้ว ประธานเหยียน ก็ตรงเข้าประเด็นโดยตรง
ประธานเหยียน ชื่อเต็มของเธอคือ เหยียน ไป๋เหมย เป็นเจ้าของบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่
บริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ ก็ตั้งอยู่ในเมืองเจียงโจว และทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอินฟลูเอนเซอร์(Influencer) และสตรีมเมอร์(Streamer) เช่นกัน
พวกเขาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจกับบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่!
ทั้งสองบริษัทได้แข่งขันกันอย่างดุเดือด
แต่โชคร้ายที่บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ มักจะกดดันบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ อยู่เสมอมาโดยตลอด
เรื่องนี้ทำให้ เหยียน ไป๋เหมย ไม่พอใจ เธออยากหาโอกาสโต้กลับ และโค่นล้มบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ลงให้ได้
เมื่อคืนนี้ เธอได้ยินว่าประธานคนใหม่ของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ได้ไล่ หลิง ซีเอ๋อร์ และผู้อำนวยการหลิว ออกไปพร้อมกันจริงๆ
ซึ่งเธอมองเห็นว่านี่คือ ..โอกาส
โอกาสที่จะทำให้บริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ กลับมาโดดเด่น และบดขยี้ อี้หลิน เอเจนซี่ ลงไว้ใต้ฝ่าเท้า!!!