9
รุ่นน้องสาวตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่าเพิ่งร้องไห้มาเมื่อกี้ ให้ความรู้สึกอ่อนแอที่เห็นแล้วน่าสงสาร
เธอโบกมือให้เซี่ยจิงจากระยะไกล บังคับยิ้มที่มุมปาก นับเป็นการทักทาย
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เซี่ยจิงก็เข้าใจในใจ พูดกับตัวเองเบาๆ ว่า "เป็นแบบนี้เอง..."
"อ้าว รุ่นน้องคนนี้มาได้ไง กล้ามากนะ ไม่รอให้เลิกเรียนตอนเที่ยงเลย วิ่งมาหาเธอถึงห้องเราเลย" หลี่เกอพูดด้วยความตกใจ
เขาสายตาสั้นเล็กน้อย และไม่ได้ใส่แว่นในตอนนี้ จึงมองไม่เห็นสีหน้าของรุ่นน้องชัดเจน เพียงแค่พูดกับเซี่ยจิงว่า "ตอนปฏิเสธก็พูดดีๆ หน่อยนะ อย่าทำร้ายจิตใจของน้องเขาจนเกินไป จริงๆ แล้วลองคบหากันก็ดีนะ ขาอวบขาวขนาดนี้ ก็ไม่ถือว่าทำให้เธอเสื่อมเสียเกียรติ..."
เซี่ยจิงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ตอบรับแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องเรียน
หลายคนในห้องเรียนสังเกตเห็นว่ามีรุ่นน้องสาวสวยคนหนึ่งอยู่ที่หน้าประตู ประกอบกับเมื่อกี้มีคนตะโกน จึงรู้ว่าเธอมาหาเซี่ยจิง ตอนนี้จึงต่างก็หันมามองเซี่ยจิงที่เดินออกไปนอกห้องเรียน
หลังจากที่เซี่ยจิงและรุ่นน้องสาวออกไปแล้ว ไฟแห่งการซุบซิบก็ถูกจุดขึ้นในห้องเรียน เกิดการพูดคุยกันอย่างคึกคัก
...
เซี่ยจิงตามรุ่นน้องสาวไปที่บันไดทางหนีไฟที่ปลายทางเดิน ในตอนนี้เพราะใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว นักเรียนก็เข้าไปในห้องเรียนกันหมดแล้ว ทางเดินจึงไม่มีใครอยู่
"ตรงนี้ก็ได้"
เซี่ยจิงพูด
"พูดมาเถอะ มีอะไร"
รุ่นน้องสาวได้ยินเซี่ยจิงพูด น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
"ขอโทษค่ะรุ่นพี่ เป็นความผิดของฉันเอง..."
เธอเริ่มเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะร้องไห้หนักมาก คำพูดจึงขาดๆ หายๆ ด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น คำพูดก็ยากที่จะเข้าใจ แต่เซี่ยจิงไม่ได้เร่งรัด แค่ฟังเธอพูดอย่างอดทน เมื่อมีบางจุดที่ฟังไม่เข้าใจจริงๆ ก็จะถามอีกครั้ง
จนกระทั่งอีกฝ่ายเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบ เซี่ยจิงจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
พูดกันง่ายๆ ก็คือ รุ่นน้องสาวปี 2 คนสวยคนนี้ มีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นคนตามจีบ ชื่อว่าไป๋โหย่วกวาง
ชื่อนี้โด่งดังมากในโรงเรียนมัธยมปลายในเครือ เซี่ยจิงพอจะจำได้ เป็นนักเรียนเกเรที่ 'มีอิทธิพล' ในโรงเรียน
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ตรวจร่างกายเมื่อวาน รุ่นน้องสาวไปส่งผ้าเช็ดหน้าให้เขา
เมื่อวานตอนที่เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าไป ไม่รู้ว่าใครไปบอกไป๋โหย่วกวางคนนั้น เช้าวันนี้เขาก็ประกาศเสียงดังในห้องเรียนว่าจะจัดการเซี่ยจิงให้ดูดี
"..."
ถึงแม้ว่าตอนที่เห็นรุ่นน้องสาวน้ำตาคลอมาหาเขา เซี่ยจิงก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเรื่องแบบนี้แล้ว แต่พอได้ยืนยันจริงๆ ก็อดขำไม่ได้
"รุ่นพี่ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันขอร้องเขาตั้งนานแล้วว่าอย่าหาเรื่องคุณ แต่เขาไม่ฟังเลย..." รุ่นน้องสาวสะอื้นไห้ เช็ดน้ำตาไม่หยุด
เซี่ยจิง: "..."
คุณแน่ใจเหรอว่านี่ไม่ใช่การซ้ำเติม
เขาพูดไม่ออก
ถ้าไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้คิดไม่รอบคอบ เขาก็คงสงสัยว่ารุ่นน้องสาวคนนี้จงใจยุยงหรือเปล่า
คนหนุ่มสาวประเภทที่คิดจะใช้กำลังเพื่อแข่งขันกันแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกที่หุนหันพลันแล่นมาก เมื่อได้ยินคนที่ตัวเองชอบไปขอร้องให้คนอื่น ก็จะยิ่งจุดไฟในใจให้ลุกโชนมากขึ้นไปอีก หรืออาจจะคิดโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำถูกแล้ว จับจุด 'จุดอ่อน' ได้แล้ว ไม่งั้นรุ่นน้องสาวก็คงไม่กลัวขนาดนี้
แต่เซี่ยจิงไม่ได้โทษเธอ
เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า "ฉันรู้แล้ว กลับไปเถอะ"
หยุดไปครู่หนึ่ง "...เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการเอง"
รุ่นน้องสาวมีปัญหาหรือไม่ ก็มีบ้าง
แต่ถ้าจะบอกว่ามีปัญหามากขนาดไหน ก็ไม่ถึงขนาดนั้น
ถึงแม้ว่าเปาซื่อ ต๋าจี๋ และหยางกุ้ยเฟยจะมีความผิด แต่หม้อใบใหญ่ที่สุดก็ไม่ควรจะมาลงที่พวกเธอ
"รุ่นพี่..."
รุ่นน้องสาวรู้สึกซาบซึ้งใจ
"จริงๆ แล้วฉันก็..."
เธออยากใช้โอกาสนี้พูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พบว่าเซี่ยจิงหันหลังกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองโดยตรง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะฟังคำพูดต่อจากนี้ของเธอ
"..."
รุ่นน้องสาวเข้าใจความหมายของเขา นี่คือการปฏิเสธที่ดูเย็นชา แต่จริงๆ แล้วอ่อนโยน เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มเยาะตัวเอง เดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย
...
"แสดงว่าคนที่หาเรื่องนายคือไป๋โหย่วกวางเหรอ"
หลี่เกอเกาคาง ฟังเซี่ยจิงเล่าเรื่องราวทั้งหมดแล้ว คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน
"ไม่ค่อยดีเลยนะ "
เซี่ยจิงหยิบหนังสือเรียนวิชาภาษาจีนที่ต้องใช้ในคาบแรกออกจากกระเป๋า แล้วก็วางไว้บนโต๊ะ ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ "ทำไมล่ะ"
"นายไม่ค่อยได้ยินข่าวสารพวกนี้ อาจจะไม่รู้ว่าไป๋โหย่วกวางคนนี้เป็นคนยุ่งยาก"
หลี่เกออธิบาย
"พูดแบบนี้ก็แล้วกันนะ ถ้าตอนที่เราเข้าโรงเรียนมัธยมปลายมีหมวกคัดสรร เขาต้องไปรายงานตัวที่อัซคาบันแล้ว"
"คนนี้เป็นสมาชิกของชมรมศิลปะการต่อสู้ อาศัยที่ตัวเองฝึกฝนวิชามาบ้าง ก็เลยรังแกเพื่อนนักเรียนเป็นเรื่องปกติ ได้ยินข่าวว่าเขาไปต่อยใครมาบ้างอยู่บ่อยๆ ได้ยินมาว่ายังชอบลวนลามนักเรียนหญิงด้วย"
หลี่เกอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้เซี่ยจิง แล้วก็กดเสียงลง "นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ฉันยังได้ยินมาอีกว่าคนนี้ฆ่าคนมาแล้ว แถมยังข่มขืนเพื่อนนักเรียนหญิงด้วย"
"จำได้ว่าเทอมที่แล้ว มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ย้ายออกไปกะทันหัน ได้ยินมาว่าเพราะถูกเขารังแกเลยต้องย้ายออกไป"
เซี่ยจิงขมวดคิ้ว "ไม่จริงหรอกมั้ง ถ้าทำเรื่องแบบนี้จริง เขาจะยังอยู่ที่โรงเรียนได้เหรอ"
หลี่เกอ "ตอนแรกฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นฉันก็พบว่านักเรียนที่ถูกเขารังแกไม่มีใครกล้าบอกครูหรือผู้ปกครองเลย ทางโรงเรียนก็เหมือนจะหลับตาข้างหนึ่ง"
"ดังนั้นฉันก็เลยไปสอบถามนักเรียนชั้นปีที่ 2 ถึงได้รู้ว่า พ่อของไป๋โหย่วกวางทำงานให้สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่ง ฐานะดีมาก"
"จริงๆ แล้วก็คิดได้อยู่แล้ว คนเกเรแบบนี้ ถ้าไม่มีฐานะที่แข็งแกร่ง จะเข้าโรงเรียนมัธยมปลายในเครือเราได้ยังไง"
สมาชิกรัฐสภา ชั้นสูงสุดในทฤษฎีพีระมิดแห่งอำนาจของเมืองหนึ่งๆ ในเมืองชิงเฉิงมีประมาณ 30 คน รวมถึงหัวหน้า 1 คน รองหัวหน้า 3 คน
การทำงานให้กับสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งได้ ถือว่ามีฐานะที่แข็งแกร่งมากแล้ว
เซี่ยจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถามว่า "เขายังฆ่าคนอีกเหรอ"
หลี่เกอส่ายหัว "เรื่องนี้ไม่มีการพูดถึงกันอย่างชัดเจน แต่หลายคนเห็นไป๋โหย่วกวางพกมีดอยู่ ถ้าเขาทำเรื่องแบบนั้นได้ ฆ่าคนก็ไม่แปลก"
"เราบอกครูดีกว่าไหม เผื่อว่าไป๋โหย่วกวางลงมือกับนายจริงๆ จะทำยังไง"
หลี่เกอเป็นห่วงมาก
เซี่ยจิงยิ้ม
น่ากลัวมาก นักเรียนทั่วไปได้ยินแบบนี้ คงจะกลัวไป๋โหย่วกวางจนฉี่ราดแล้ว
แต่เซี่ยจิงกลับไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ากลัวขนาดนั้น
โลกนี้มีตรรกะในการดำเนินการของตัวเองอยู่แล้ว หลายๆ เรื่องตราบใดที่ระดับความรู้ความเข้าใจถึงจุดหนึ่ง ก็สามารถมองทะลุเปลือกนอก
เห็นถึงแก่นแท้ได้อย่างง่ายดาย
การกระทำที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมมนุษย์ อย่าว่าแต่มีพ่อที่ทำงานให้สมาชิกรัฐสภาเลย แม้แต่สมาชิกรัฐสภาเองก็ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างเปิดเผย เหมือนกับว่าอยากให้คนทั้งโลกได้รู้
ผู้มีอำนาจที่อยู่บนจุดสูงสุดยังต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในทางปฏิบัติ แล้วนักเลงอันดับสองในโรงเรียนจะทำได้อย่างไร
นักเรียนทั่วไปยังไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตในสังคม ระดับความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอ เมื่อได้ยินข่าวลือเหล่านี้ก็จะเกิดความกลัว จะเพิ่มหนังเสือให้กับไป๋โหย่วกวางในใจทีละชั้นๆ แล้วก็ยิ่งกลัวอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก
เซี่ยจิงกลับกัน ได้ยินมากเท่าไหร่ หนังเสือของอีกฝ่ายก็ยิ่งถูกลอกออกไปมากเท่านั้น
บางคน ยิ่งขาดอะไร ก็ยิ่งจะเน้นอะไรมากขึ้น
"ไม่ต้องบอกครู"
"ฉันจะไปคุยกับเพื่อนนักเรียนไป๋โหย่วกวางให้ดีๆ"
เซี่ยจิงพูดเบาๆ
เสียงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้น ครูประจำชั้นวิชาภาษาจีน ตู้ซื่อเหว่ย ก็เดินเข้ามา
เปาซื่อ ต๋าจี๋ และหยางกุ้ยเฟย มาจากเรื่อง(หยางกุ้ยเฟยจอมใจราชันย์( THE LEGEND OF LADY YANG) ไม่รูัเหมือนกันเพราะไม่เคยดูค่ะ เก่าจัด ใครเคยดูถือว่าวัยรุ่นนะ(คนแปลไม่แก่ค่ะๆๆ จริงๆนะๆๆ เราไม่เคยดูจริงๆๆ )