บทที่ 8 เทือกเขาเพลิงที่รุนแรง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลูมู่หยานเดินทางไปที่สมาคมทหารรับจ้างก่อนเวลาเปิด ในเวลานั้นเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ มาถึงกันแล้ว
“วันนี้แม่นางหลูตรงเวลาดีนะ” เย่ชิงหานเอ่ย พร้อมยกยิ้มที่มุมปาก ขณะมองไปที่หญิงสาวชุดสีม่วงที่เพิ่งมาถึง
หลูมู่หยานเดินเข้ามา ยักไหล่และเอ่ยว่า “ข้าเกรงว่าท่านจะไม่รอ หากข้าสาย”
“เจ้าคือหมอของเรา แม้ว่าเจ้าจะไม่รอคนอื่น แต่คนอื่นก็ยังรอเจ้าอยู่ดี” เย่ชิงหาน ยิ้ม
ทั้งสองคุยกันอีกสองสามคำ ตอนนี้ทีมก็พร้อมเดินทางแล้ว พวกเขาขี่มอนสเตอร์ระดับหนึ่งบนหลังม้า เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
เย่ชิงหานและพรรคพวกของเขามีทั้งหมดหกคน ยกเว้นเย่ชิงหาน ส่วนหลูมู่หยานรู้จักเพียงลู่เหล่าเท่านั้น เขายังคงติดตามหญิงสาวรูปงามและชายหนุ่มสามคน รวมไปถึงชายหนุ่มอีกสองคนที่ดูเหมือนทหารรับจ้าง
ทวีปที่หลูมู่หยานอยู่เรียกว่า ‘เทียนหลิง’ ประกอบไปด้วยสี่แคว้นทางตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และแคว้นเล็ก ๆ อีกนับไม่ถ้วน โดยในแต่ละแคว้นก็จะมีประเทศน้อยใหญ่ตั้งอยู่ในนั้น ซึ่งโจวเหยียนนับเป็นอีกประเทศที่มีความแข็งแกร่งน้อยที่สุดในแถบภาคตะวันออก และหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุดของเทียนหลิงอยู่ในอณาเขตของโจวเหยียน นั่นก็คือเทือกเขาแห่งเพลิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นเอง
ทัพที่นำโดยเย่ชิงหานใช้เวลาห้าวันจากการขี่ม้าออกจากเมืองหลวงไปยังเทือกเขาจีฮั่ว ในช่วงนั้นหลูมู่หยานและคนอื่น ๆ ใช้เวลาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเพียงแค่สองคืนเท่านั้น อีกสามวันหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดต้องพำนักอยู่กลางแจ้ง
เทือกเขาแห่งเพลิงเต็มไปด้วยทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตน แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในสิบสถานที่ที่อันตรายที่สุด แต่ก็มีเหล่าทหารรับจ้างหรือนักดาบจำนวนมากที่เดินทางมาเช่นกัน โดยในทั่วไปแล้วตราบใดที่ไม่ได้เดินเข้าไปลึกมากนักก็จะไม่ได้อันตรายจนเกินไป
เมื่อมองไปยังเทือกเขาสีแดงเพลิงที่อยู่ไม่ไกล พวกเขารู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายออกมากระทบกับใบหน้า หลูมู่หยานดึงเชือกบังคับม้าที่นางกำลังขี่อยู่ให้ไปตามลมเมื่อเริ่มเข้าใกล้จุดมุ่งหมาย
“เทือกเขาแห่งเพลิงอยู่ที่นี่” เย่ชิงหาน กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองออกไป
เป็นเพราะหลูมู่หยานเร่งรีบตลอดการเดินทาง ทำให้พลังวิญญาณของนางเริ่มหมดลงเพราะไม่ได้ดูแลร่างกายมาอย่างดี นางจึงรีบพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายทันที ทำให้ไม่มีเวลาในการพูดคุยกับเย่ชิงหานมากนัก
“เจ้ามาที่นี่เพื่อจับสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณหรือ?” หลูมู่หยานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ
นอกจากนี้แล้วยังมีปรมาจารย์ด้านอสูรวิญญาณในโลกนี้ ที่แข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ดาบทั่วไปหลายเท่า สามารถทำเครื่องหมายลงในคลับข้อมูลของสัตว์ร้ายได้โดยตรง จากนั้นจึงทำสัญลักษณ์เป็นสัตว์เลี้ยงแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแล้วสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นจะไม่สามารถทรยศผู้เป็นนายได้ และยังสามารถช่วยเหลือผู้เป็นนายในการต่อสู้ได้ สุดท้ายยังใช้มันเพื่อเลื่อนระดับขั้นได้อีกด้วย
เย่ชิงหานไม่ได้ปิดบังอะไร เขาพยักหน้ารับและพูดว่า “น้องสาวของข้ากำลังจะอายุครบสิบห้าปีในไม่ช้า ข้าต้องการจับสัตว์ประหลาดระดับที่สาม เพื่อมอบให้เป็นสัตว์เลี้ยงแห่งจิตวิญญาณของนาง”
“ทำไมท่านไม่พานางมาที่นี่?” หลูมู่หยานขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“สุขภาพของนางไม่ค่อยดีนัก ข้าเลยต้องทำด้วยตัวข้าเอง” ดวงตาของเย่ชิงหานดูอ่อนโยนลงมากเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวของเขา และในตอนนั้นเขาหันหน้าไปทางหลูมู่หยานพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “แม่นางหลู ในฐานะที่เจ้าเชี่ยวชาญเรื่องการรักษา เจ้าสามารถรักษาทารกที่ครรภ์เป็นพิษได้หรือไม่?”
“ครรภ์เป็นพิษ? น้องสาวของท่านสุขภาพไม่ดีเพราะนางเกิดมาพร้อมกับพิษของทารกในครรภ์?” หลูมู่หยานถาม
เย่ชิงหานถอนหายใจ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ นางติดเชื้อพิษในครรภ์จากแม่ของนาง หมอหลายคนบอกว่านางจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงยี่สิบปี”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าเองก็พูดได้ยาก พิษของทารกในครรภ์รักษาได้ยาก อาจจะต้องพบกับนางก่อนเพื่อตัดสินใจ” หลูมู่หยานยังคงมั่นใจในทักษะการรักษาของนาง หากนางสามารถสร้างฐานได้ นางก็จะสามารถใช้พลังวิญญาณและยาในร่างกาย ซึ่งการรักษาครรภ์เป็นพิษชนิดนั้นไม่ได้ยากเท่าไหร่
ดวงตาของเย่ชิงหานเริ่มเป็นประกาย หวังว่ามันจะเป็นการตัดสินที่ดีกว่าที่จะไม่รักษา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หญิงที่อยู่บนชั้นนั้นสามารถไปหาหมอมารักษาน้องสาวข้าได้หรือไม่? ส่วนเรื่องค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา”
“ต้องขออภัยท่าน ช่วงนี้ข้าไม่มีเวลามาก เดี๋ยวข้าจะใช้เวลาหลังจบการแข่งขันประจำปีของสถาบันจักรพรรดิดูให้อีกครั้ง” จุดประสงค์ของหลูมู่หยานในตอนนี้คือการปรับสภาพไขกระดูก ส่วนน้องสาวของเย่ชิงหานก็ล้มป่วยมาหลายปีแล้ว และการที่นางไม่มีพลังวิญญาณในร่างกายการรักษาก็จะไม่ได้ผลมากนัก
“เอาล่ะ ข้าคงต้องรบกวนแม่นางเสียหน่อย” เย่ชิงหานรับรู้เกี่ยวกับอาการของน้องสาวเขาทุกอย่าง แม้ว่านางจะอ่อนแอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถรักษาให้หายได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน
มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เดินมาด้วยกัน ใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงทางเข้าของเทือกเขา แต่ก็มีไม่มากนักที่จะเข้าไปในนั้น
“มีคนต้องการซื้อแผนที่ของเทือกเขา?” ชายหนุ่มคนหนึ่งในซิงยี่สังเกตเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งสวมใส่ชุดที่ไม่ธรรมดา พร้อมกับส่งรอยยิ้มขณะเร่ขายของที่บ้างก็ยังพอมีประโยชน์
“แผนที่ของเทือกเขาแห่งเพลิงงั้นหรือ?” เย่ชิงหานยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะแม้แต่พื้นที่แหล่งกักเก็บพลังงานของนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของเทือกเขาก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ง่าย ๆ ชายเหล่านั้นมีแผนที่ได้อย่างไร?
ราวกับรู้ว่าเย่ชิงหานคิดอย่างไร เด็กหนุ่มในซิงยี่ยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “ไม่มีแผนที่สำหรับเทือกเขาจีฮั่วทั้งหมด แต่พวกข้ามีแผนที่รอบนอกทั้งหมด แผนที่พวกนี้เป็นข้อมูลที่พวกทหารรับจ้างนำมาแจ้งแก่นายของพวกข้าเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว และจะออกแค่เพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น รวมถึงไม่อนุญาตให้มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“เท่าไหร่หรือ?” หลูมู่หยานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นแววตาที่บริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มผู้นั้นที่ดูแล้วไม่น่าใช่คนพูดโป้ปด
“หนึ่งร้อยเหรียญทอง” เด็กชายเสนอราคา
ณ ทวีปอัคคีแดง มีสามสกุลเงิน ได้แก่ เหรียญทอง เหรียญทองหมึก และเหรียญทองม่วง สำหรับมูลค่าในการแลกเปลี่ยนคือหนึ่งถึงหนึ่งร้อย เช่น หนึ่งเหรียญทองหมึกจะเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทอง และหนึ่งเหรียญทองม่วงจะเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทองหมึก
“ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว” ชายหนุ่มหน้าละอ่อนที่ยืนอยู่ข้างเย่ชิงหานเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มในซิงยี่ยิ้มพร้อมกับส่ายหัวและตอบหลับไปว่า “ราคานี้แหละ แผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่ที่เขียนขึ้นปลอม ๆ พวกข้าขายมันมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ถ้าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ ไว้ค่อยกลับมาใหม่ก็ได้เมื่อได้รับอนุญาต”
“มีบันทึกถึงหญ้าแห่งจิตวิญญาณ และปีศาจในเทือกเขาหรือไม่?” หลูมู่หยานเอ่ยถามอยากสนใจ
“มีในรอบนอก และยังมีบันทึกที่วงรอบนอกและจุดตัดขอบ แต่ราคาจะแพงกว่า แต่ข้ารับประกันเรื่องความแม่นยำ” ชายหนุ่มจากซิงยี่เอ่ยด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ นี่คือสิ่งที่ได้จากการตกผลึกมาเป็นเวลากว่าสิบปี
หลูมู่หยานแสดงความสนใจผ่านดวงตา พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “ตำแหน่งที่เติบโตของหญ้าจิตวิญญาณ และบริเวณการเคลื่อนไหวของปีศาจถูกต้องหรือไม่?”
“บันทึกเล่มนี้เป็นเพียงการบันทึกตำแหน่งโดยคาดการณ์ ไม่สามารถระบุเฉพาะได้ เจ้าสามารถดูได้เพียงตำแหน่งเท่านั้น ไม่สามารถดูระยะของหญ้าวิญญาณหรือปีศาจอสูรได้ เพราะในเขตวงแหวนรอบนอกจะมีทหารรับจ้างสักกี่นายกันที่จะเข้าไป” เด็กหนุ่มผู้นั้นตัดสินใจพูดความจริงกับหลูมู่หยาน หลังจากใช้เวลาขบคิดชั่วครู่
“งั้นข้าขอสำเนาบันทึกนั่น ทั้งหมดเท่าไหร่?” หลูมู่หยานไม่คุ้นชินกับเทือกเขาเพลิงอัคคี แม้นางจะติดตามเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามีทางหนีทีไล่ก็อาจจะป้องกันอันตรายและการสูญเสียได้
เมื่อเห็นหญิงสาวรูปงามในชุดสีม่วงบนหลังม้า เด็กชายในซิงยี่ก็ระบายยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย พร้อมกับหยิบบันทึกจำนวนสี่เล่มออกจากกระเป๋าผ้า
“บันทึกหญ้าแห่งจิตวิญญาณ สามร้อยเหรียญทองรวมทั้งหมด ห้าร้อยเหรียญทอง”
คลังเล็ก ๆ ของหลูมู่หยานยังคงมั่งคั่ง รวมไปถึงยังมีแหวนที่หลูมู่ไป๋มอบให้ช่วงที่ตื่นนอน ทำให้นางไม่ได้แยแสกับเงินจำนวนห้าร้อยเหรียญมากนัก
หลูมู่หยานมอบเงินให้กับชายหนุ่มคนนั้นตามที่ได้ตกลง
“เจ้าพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มยื่นบันทึกให้แก่หลูมู่หยานจำนวนสี่เล่ม พร้อมกับเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นาง อย่าออกไปภายนอกล่ะ มันอันตรายเกินไป”
“เข้าใจแล้ว ข้าขอบคุณมาก” หลูมู่หยานพยักหน้ารับ ความประทับใจแรกที่มีต่อเด็กหนุ่มซิงยี่ มันค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“ไปกันเถอะ” หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างเรียบร้อย หลูมู่หยานก็เอ่ยบอกให้ทัพที่นางติดตามมาด้วยเคลื่อนตัวไปยังจุดมุ่งหมาย ตามจริง เย่ชิงหานมีข้อมูลเกี่ยวกับเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือหยุดหลูมู่หยาน เขาพยักหน้ารับพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะพาทัพของตนเข้าไปยังเทือกเขา