บทที่ 47: ภารกิจใหม่
บทที่ 47: ภารกิจใหม่
"ฮัลโหล? โม่ซิ่ว? ฮัลโหล?”
โม่ซิ่วและคนอื่นๆเดินออกจากสำนักงานบริหารชมรมก่อนจะถอนหายใจและพูดกับเจิ้งอี้ว่า “ฉันวางสายก่อนนะ นายนี่เป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆ”
"แน่นอน ก็พวกเราสองคนน่ะ..."
“ตู๊ดๆๆๆ”
“โม่ซิ่วว ฮัลโหลลลลล!”
หลังจากที่โม่ซิ่ววางสายเขาก็พูดกับหลิวซี่หยางกับคนอื่นๆว่า "ขอโทษนะที่กะทันหันไปหน่อย แต่ไหนๆก็ตั้งชมรมแล้วคงไม่เป็นไรหรอกนะ"
เฮาเหริน หลิวซี่หยาง และ ตงฟาง ต่างรู้สึกพูดไม่ออก
มีเพียงเฮอหลิงยื่อคนเดียวเท่านั้นที่พูดขึ้น
“อันที่จริง...ฉันคิดว่าชมรมที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ”
โม่ซิ่วชี้ไปที่เฮอหลิงยื่อและยกย่อง “เห็นมั้ย ขนาดเฮอหลิงยื่อยังรู้เลยว่ามันดีแค่ไหน ถ้าหากเธอยังยอมรับได้ ทําไมพวกนายถึงรับไม่ได้ล่ะ?”
หลิวซี่หยางยังคงรู้สึกอึดอัดมากแต่ก็พูดขึ้นมาบ้าง “โม่ซิ่ว ฉันไม่คิดว่าชื่อนี้แย่หรอกนะแต่ชื่อนี้มันดูเว่อร์เกินไปเท่านั้นเอง”
"แล้วรู้มั้ยว่าทำไมพวกเราถึงได้สร้างชมรมนี้ขึ้นมา?" โม่ซิ่วถามอย่างจริงจัง
โม่ซิ่วชี้ไปที่เฮาเหรินเป็นการส่งสัญญาณให้เขาตอบ
"เพื่อพิสูจน์ตัวเองเหรอ?" เฮาเหรินถาม
โม่ซิ่วพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ พวกเรามาเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิ่งเพื่อต้องการแข็งแกร่งขึ้นภายใต้แรงกดดันนะ”
หลังจากที่โม่ซิ่วพูดจบเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ซึ่งหลังจากการโน้มน้าวใจครั้งนี้ทุกคนก็กลายเป็นสมากชิก “ชมรมที่แข็งแกร่งที่สุด” โดยไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก
เฮาเหรินถามหลิวซี่หยางเบาๆ “ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าโม่ซิ่วไม่เหมือนคนปกติเลย คนที่เป็นแบบนี้จะกลายเป็นผู้สนับสนุนที่ดีได้ยังไงกัน?”
หลิวซี่หยางส่ายหัวและพูดว่า “โม่ซิ่วน่ะเคยเรียกตัวเองว่า”พระเอกโม่“ด้วยซ้ำ แค่นี้น่ะยังถือว่าปกตินะ”
ขณะที่พวกเขาพูดพวกเขาก็เดินตามโม่ซิ่วไป
“โม่ซิ่ว เนื่องจากเป้าหมายของพวกเราคือการแข็งแกร่งขึ้น ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรเริ่มฝึกตั้งแต่พรุ่งนี้เลยมั้ย?” ตงฟางถาม
โม่ซิ่วไม่เคยคิดถึงเรื่องการฝึกเลย เพราะเขาต้องการทําภารกิจให้สําเร็จในช่วงสิบห้าวันที่ผ่านมานี้ ดังนั้นคําถามอย่างฉับพลันของตงฟางจึงทําให้เขาอึ้งเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าโม่ซิ่วไม่ตอบ เฮาเหรินก็พูดแทรก “ตงฟาง นายจะเข้าใจอะไร สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับชมรมใหม่คือการรับคนเข้าชมรมนะ โม่ซิ่วนายช่วยจัดระเบียบการรับสมัครคนเข้าชมรมหน่อยได้ไหม?”
"ใครบอกว่าเราจะรับคนเพิ่มน่ะ? แค่พวกเราห้าคนก็พอแล้ว”
โม่ซิ่วได้สร้างชมรมขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเข้าร่วมชมรม ดังนั้นการมีสมาชิกชมรมเพียงห้าก็มากพอเหมาะสําหรับการต่อสู้แล้วดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องหาคนเพิ่มอีก
“อย่ามาล้อเล่นน่า! นายคิดจะให้ชมรมมีแค่ห้าคนจริงๆเหรอ?!” หลิวซี่หยางถามด้วยความประหลาดใจ”
โม่ซิ่วพยักหน้า “ใช่ มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ? แค่ห้าคนก็สามารถเข้าร่วมการต่อสู้แบบตัวต่อตัวหรือการต่อสู้แบบทีมได้แล้ว”
เฮอหลิงยื่อมองไปที่คนอื่นๆและพูดว่า "แต่ความทีมเราไม่สมดุลเลยนะ มีสามผู้ใช้พลังโจมตี หนึ่งผู้ใช้ความคล่องแคล่ว ส่วนฉันก็เป็นกึ่งสนับสนุนเท่านั้น แล้วพวกเราจะต่อสู้แบบทีมได้ยังไง?”
"ขนาดชมรมเต่าดํายังรับแต่คนที่เรียนวิชาเอกด้านการจู่โจมอย่างเดียวได้เลย แล้วทําไมพวกเราถึงจะสู้แบบทีมไม่ได้ล่ะ?"
เฮอหลิงยื่อพูดต่อ “แต่พวกเรามีแค่ห้าคนนะ แล้วพวกเราก็ไม่มีคนมาแทนด้วย”
โม่ซิ่วพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ถ้าหากว่าห้าคนมันน้อยเกินไป ฉันจะให้พวกนายทั้งสี่คนไปหาคนมาเพิ่มอีกคนและจําไว้ว่าแค่คนเดียวเท่านั้น”
ทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าพวกเขาอยู่ชมรมอะไรกันแน่? ทำไมถึงรับคนแค่คนเดียว?
โม่ซิ่วมองไปที่นาฬิกาและเห็นว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว
“ไปหาอะไรง่ายๆกินเพื่อฉลองการก่อตั้งชมรมของพวกเรากันเถอะ”
โม่ซิ่วจึงพาพวกเขาสี่คนไปที่โรงอาหาร
อาหารธรรมดา บทสนทนาธรรมดา ไม่มีความทะเยอทะยานใดๆและไร้เป้าหมายของชมรมที่แข็งแกร่งที่สุด จึงทำให้การฉลองครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย
เวลา 3 ทุ่ม ห้อง 312 หอพัก 9
โม่ซิ่วนอนอยู่บนเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพราะในอดีตเขาต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้แม่ของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
ตอนนี้ชีวิตแม่ของเขาก็มีความเป็นอยู่ที่ดีมากแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้เขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องคนที่เขารักไปตลอดชีวิต
เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ โม่ซิ่วจึงนึกถึงหญิงสาวที่โหยหาความสงบสุขอย่างคนธรรมดามู่ฉิงอี้
โม่ซิ่วหยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความถึงมู่ฉิงอี้
“เป็นยังไงบ้าง? ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างที่เธอคิดมั้ย?”
หลังจากรอเป็นเวลานาน มู่ฉิงอี้ก็ตอบ
"ถ้านายอยากให้ฉันโทรไปหานายก็พิมพ์มาตรงๆสิ!"
โม่ซิ่วหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว มู่ฉิงอี้ยังคงชอบหยอกล้อเขาอยู่เสมอจริงๆ
หลังจากนั้นโม่ซิ่วก็โทรไปหาเธอ
“ฮิๆๆ ฉันรู้นะว่านายคิดถึงฉัน ฉันสบายดีที่นี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ”
"เหรอ ดีแล้วล่ะ"
“แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง? ไปสร้างปัญหาอะไรในมหาลัยบ้างรึยัง?”
“ไม่อยู่แล้ว นี่เธอคิดว่าฉันเชื่อเป็นคนยังไงกันเนี่ย?”
การโทรศัพท์ระหว่างพวกเขาสองคนกินเวลาไปครึ่งชั่วโมง โม่ซิ่วบอกมู่ฉิงอี้ตั้งแต่เรื่องการแข่งขันในมหาวิทยาลัยเรื่องที่เขาก่อตั้งชมรมที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งทําให้มู่ฉิงอี้หัวเราะออกมาเสียงดัง
แต่หลังจากวางสายแล้ว โม่ซิ่วก็ยังคงตระหนักว่ามีบางอย่างแปลกไป เพราะมู่ฉิงอี้นั้นมักจะสงบอยู่เสมอ แต่วันนี้เธอเหมือนจะหยอกล้อเขามากเป็นพิเศษ
เมื่อก่อนเวลาที่ทั้งสองคนกําลังคุยกัน มู่ฉิงอี้จะเป็นคนที่พูดอยู่เสมอในขณะที่โม่ซิ่วเป็นผู้ฟัง แต่วันนี้มันกลับกลายเป็นโม่ซิ่ว เป็นคนที่พูดและแม้ว่ามู่ฉิงอี้จะพูดอยู่ตลอดเวลาแต่เธอก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของตัวเองเลย
โม่ซิ่วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “มู่ฉิงอี้มีความสุขจริงๆรึเปล่านะ?”
โม่ซิ่วนอนไม่หลับในขณะที่เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาเปิดแอปเงาเพื่อค้นหาภารกิจ
ในเมืองหยานจิ่งนั้นมีภารกิจมากกว่าเมืองชุนมากซึ่งมีภารกิจทุกประเภท โม่ซิ่วจึงเลือกอยู่เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะเห็นภารกิจที่เหมาะกับเขา
“ภารกิจการตามล่า : ตามหาตัวหวังจินหยาง
[ระดับความยาก : B]
[รายละเอียดภารกิจ: หวังจินหยางปล้นธนาคารและหลบหนีไปพร้อมกับเงินสดจํานวนมากและสมุนไพรล้ำค่า รูปพรรณสันฐานอายุ : 24 ปี จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่าบุคคลนี้ยังคงอยู่รอบๆเมือนหยานจิ่ง]
[เงื่อนไขของภารกิจ : จับตัวหวังจินหยางและส่งมอบตัวเขาให้กับหน่วยควบคุมกฎ (จะได้รางวัลเพิ่มเติมสําหรับหากส่งมอบของที่ถูกขโมยไปด้วย)]
[รางวัลภารกิจ : 6,000 แต้ม เงินสด 4 ล้านเรียว]”
โม่ซิ่วรู้สึกว่าภารกิจนี้ไม่ได้ยากเกินไป เมื่อพิจารณาจากคําอธิบายแล้ว คนที่เขาต้องตามล่าอาจเป็นโจรที่เชี่ยวชาญ มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ถูกจับตัวมาจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะโจรที่เชี่ยวชาญคนนี้ด้วยพลังในตอนนี้ของเขาได้หรือไม่
โม่ซิ่วรู้สึกว่ามันอาจไม่ปลอดภัยสําหรับเขาที่จะทำภารกิจนี้เพียงลําพัง หลังจากที่คิดเรื่องนี้เขาจึงทักหามหลิวซี่หยาง
หลังจากนั้นหลิวซี่หยางก็โทรมาทันที
“โม่ซิ่ว นายจะบ้าเรอะ? ภารกิจตามล่าระดับ B เนี่ยนะ? แม้ว่าพวกเราจะหาเขาเจอ แต่พวกเราจะเอาชนะเขาได้เหรอ?”
"ฉันมีวิธีของฉันน่า"
หลิวซี่หยางบ่น “โม่ซิ่ว นายน่ะมีเวลาว่าง แต่ฉันยังต้องต่อสู้ในระหว่างคาบอยู่เลย จะให้ฉันต่อสู้ตอนกลางวันและทำภารกิจตอนกลางคืน ฉันคงไม่ไหวหรอก'”'
“ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำคนเดียวเอง”
หลิวซี่หยางเปลี่ยนคําพูดของเขาทันที “ไม่ๆๆๆ ไม่ได้นะโม่ซิ่ว! ฉันไม่ปล่อยให้นายไปทำคนเดียวแน่ๆ นายบอกแผนของนายมาได้เลย”
"ฮ่ะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็จะรู้เอง.."