บทที่ 44 คุณหนูลั่วเหยาต้องการพบท่าน!
ระหว่างนั้นเอง หญิงรับใช้ชุดน้ำเงินที่เคยต้อนรับหลัวเฉิง ก็เดินลงมาจากชั้นบนแล้วกล่าวเสียงดัง
“ท่านทั้งหลาย คุณหนูของเราไม่รับแขกอีกต่อไปแล้ว หากพวกท่านมีอะไรก็สามารถแจ้งข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
“ตราบใดที่คุณหนูลั่วเหยายอมพบข้า ข้าจะซื้อโอสถหลอมกายาสามเม็ด!” ศิษย์ตระกูลหลินคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ข้าจะซื้อโอสถหลอมกายาสองเม็ด!”
“ข้ายอมทุ่มเงินจนหมดตัวซื้อโอสถ เพียงข้าได้พบนางสักครั้ง!”
ขณะนี้ บรรดาเหล่าอัจฉริยะวัยเยาว์คนอื่นๆ ก็ต่างตะโกนขึ้นเช่นกัน
ทั่วทั้งเมืองฉีซานในยามนี้ ต่างได้ข่าวว่าคุณหนูลั่วเหยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของศาลาหลิงอวิ๋น มีความงดงามราวกับเทพธิดามาจุติ ทำให้ผู้คนจำนวนมากล้วนอยากได้เห็นรูปโฉมของนางจริงๆ สักครั้งด้วยตาตนเอง
แต่ช่างน่าเสียดาย ตลอดเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ลั่วเหยาได้ประกาศว่านางจะไม่รับแขกอีก
สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นให้บรรดาอัจฉริยะวัยเยาว์ ต่างอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น หากพวกเขาได้ประจักษ์เห็นความงามอันน่าทึ่งนี้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรพวกเขาก็ยอมทั้งสิ้น
หลังได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด หลัวเฉิงก็ส่ายศีรษะ จากนั้นเตรียมชิ้นส่วนสัตว์อสูรเพื่อจะขายแล้วรีบจากไป
ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมชิ้นส่วนสัตว์อสูรอยู่นั้น หญิงรับใช้อาภรณ์น้ำเงินก็สังเกตเห็นหลัวเฉิง นางจึงรีบสืบเท้าเข้ามาหาเขาแล้วโค้งคำนับอย่างอ่อนช้อย
“คุณชายหลัว คุณหนูลั่วเหยาต้องการพบท่านเจ้าค่ะ!”
“ต้องการพบข้างั้นหรือ” หลัวเฉิงตกตะลึงทันที
สายตาของบรรดาอัจฉริยะวัยเยาว์คนอื่นๆ ล้วนเพ่งมองยังหลัวเฉิงเป็นตาเดียว
หญิงรับใช้แย้มยิ้มหวาน แล้วกล่าวว่า “คุณหนูฝากคำพูดมาว่า คุณชายได้โปรดเมตตานางด้วย”
หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เพราะเขาเคยพบลั่วเหยาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไฉนนางถึงต้องการพบเขาเช่นนี้
นั่นจึงทำให้เขาอยากรู้ว่า ลั่วเหยามีแผนหรือมีอะไรแอบแฝงหรือไม่
“เช่นนั้นก็นำทางข้าไปพบนาง”
ท่ามกลางสายตาจำนวนมากของบรรดาเหล่าอัจฉริยะวัยเยาว์ พวกเขามองหลัวเฉิงเดินตามหญิงรับใช้ขึ้นไปบนชั้นสองด้วยความริษยายิ่ง
เส้นทางนั้นยังนำไปสู่ห้องเดิมเมื่อพบกันครั้งที่แล้ว
ณ ห้องของผู้ดูแลศาลา
ลั่วเหยากำลังนั่งทอดกายอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน พร้อมกับอาภรณ์ปีกหงส์ตัวยาวปกคลุมบนไหล่อันนวลเนียน เผยให้เห็นส่วนโค้งของเรือนร่างอันน่าภาคภูมิใจ
นางอายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเท่านั้น แต่กลับมีความงดงามอันทรงเสน่ห์เย้ายวนใจยิ่ง
หากเปรียบอวิ๋นเหมิงลี่เป็นดอกไป่เหอที่อยู่ท่ามกลางหิมะ ลั่วเหยาก็เปรียบดั่งเปลวเพลิงอันร้อนระอุที่พร้อมจะแผดเผา ไม่น่าแปลกใจเลย ที่บรรดาอัจฉริยะวัยเยาว์ต้องการเห็นความงดงามของนาง
ด้านข้างโต๊ะของนางขณะนี้ ยังมีอีกคนยืนอยู่ นั่นคือเถ้าแก่ซู ที่หลัวเฉิงเคยพบเขาแล้วที่บ่อนพนันหยกเขียว
เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือหลัวเฉิง ลั่วเหยาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมลุกขึ้นนั่งปกติแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน
“คุณชายหลัว เราพบกันอีกแล้ว...”
หลัวเฉิงกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากรู้ว่า คุณหนูลั่วต้องการสิ่งใดจากข้างั้นหรือ”
ลั่วเหยายิ้มด้วยดวงตาที่สดใส แล้วกล่าวเย้าหยอกเสียงหวาน “ข้าเพียงอยากจะพบคุณชายหลัวเท่านั้น จำเป็นต้องมีสิ่งอื่นใดด้วยหรือ”
เมื่อกล่าวจบ มือของนางก็ประสานกันที่คาง หน้าอกที่เป็นดั่งเนินเขาก็ถูกบีบเข้าหากันและสั่นไหวคล้ายน้ำกระเพื่อม
ด้วยท่าทางที่นางนั่งขณะนี้ เผยให้เห็นเนินเนื้อขาวประดุจหิมะที่ราวกับถูกกรีดให้เป็นร่องลึก ช่างเป็นฉากที่หอมหวานและมีเสน่ห์รัญจวนใจยิ่ง
ครั้นประสบกับภาพนี้ ใบหน้าของหลัวเฉิงก็ขาวซีดราวกระดาษ หัวใจเขาสั่นไหวอย่างรวดเร็ว จนแทบหายใจไม่คลายปอดนัก จากนั้นแสร้งทำเป็นกระแอมไอเบาๆ
“หากคุณหนูไม่มีสิ่งใดที่ต้องการจากข้า เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
“คุณชายหลัวโปรดรอก่อน” นางเอ่ยปรามทันทีที่เห็นเขาหันหลัง
ลั่วเหยาเม้มริมฝีปากสีแดงของนาง แล้วมุ่ยหน้าอย่าเง้างอดกล่าวน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณชายหลัวช่างใจร้ายต่อข้านัก รู้หรือไม่ว่าข้าออกตามหาท่านไปทุกที่ แต่ก็มิอาจหาท่านพบ พอตอนนี้ได้พบหน้า ท่านกลับจะทิ้งข้าไปเสียแล้ว”
หลัวเฉิงยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก “ออกตามหาข้างั้นหรือ?”
ลั่วเหยาแย้มยิ้มและพยักหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก “ข้าได้ยินมาว่า โอสถที่ตระกูลจีทิ้งไว้ให้ท่านในวันนั้น คือโอสถหยกเย็นหลอมกายาระดับสามดาวใช่หรือไม่”
หลัวเฉิงสะดุ้งตกใจทันที จากนั้นสาดสายตาเย็นเยียบไปทางเถ้าแก่ซู
ในวันนั้น เถ้าแก่ซูช่วยเขาระบุโอสถผลึกทับทิม และเขาต้องรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่โอสถยกเย็นหลอมกายา!
“ท่านจะทำอะไร” น้ำเสียงของหลัวเฉิงเย็นลง
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจขณะนี้ ความหวาดระแวงของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
อีกฝ่ายล่วงรู้ความลับที่เขาสามารถหลอมโอสถได้กระนั้นหรือ?
หรือความลับของสัญลักษณ์เกล็ดเก้าสีบนฝ่ามือของเขาถูกเปิดเผยกันแน่?
เถ้าแก่ซู รีบกล่าวว่า “คุณชายหลัวโปรดใจเย็นก่อน พวกเราหาได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่อยากขอความช่วยเหลือจากท่านเท่านั้น”
“ช่วยงั้นหรือ เรื่องอะไร?” หลัวเฉิงขมวดคิ้วแล้วถามอย่างสงสัย
ลั่วเหยาเลิกอ้อมค้อม แล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอยากจะขอให้ผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังของท่านช่วยข้าสักหน่อย”
ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหลังข้าเหรอ ใครกันล่ะ?
เมื่อได้ยินวาจาของลั่วเหยา ความคิดในหัวของหลัวเฉิงก็เริ่มสับสน หลังใคร่ครวญอยู่ครู่เขาก็ค่อยๆ เริ่มเข้าใจ ว่าสิ่งที่นางต้องการคืออะไรกันแน่
ดูเหมือนว่า พวกนางจะเข้าใจผิดคิดว่ามีคนคอยหลอมโอสถให้เขาอยู่เบื้องหลัง!
หลังบรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ ลั่วเหยาก็เอื้อนเอ่ยต่อ
“ขอบอกคุณชายตามตรง มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งของศาลาหลิงอวิ๋นกำลังหลอมโอสถวิญญาณ แต่ก็ล้มเหลวอยู่หลายครั้ง เพราะคุณภาพของโอสถไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ด้วยเหตุนี้ ลั่วเหยาเลยอยากขอร้องผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังคุณชาย ให้ช่วยหลอมโอสถวิญญาณให้เราที”