บทที่ 43 ความครึกครื้นในเมืองฉีซาน!
หลัวเฉิงส่ายศีรษะและเก็บเรื่องของจินหมินไว้ข้างหลัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่ และงานชุมนุมล่าสัตว์เท่านั้น
จวบกระทั่งเที่ยงวัน หลัวเฉิงจึงได้ออกจากหุบเขาเมฆาทมิฬได้สำเร็จ
“ถ้าข้าสามารถบินได้ ข้าคงกลับไปถึงเมืองฉีซานนานแล้ว รอก่อนเถอะไว้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่ ข้าจะท่องยุทธภพให้สาสมใจ”
หลัวเฉิงยังรู้สึกตราตรึงใจยิ่ง เมื่อหวนคะนึงถึงความสุขที่ได้สัมผัสขณะท่องเวหากับอวิ๋นเหมิงลี่
อย่างไรก็ตาม ขั้นที่สามของการฝึกฝน ที่เรียกว่าขั้นเขตแดนลึกลับ ยังอยู่ห่างไกลเกินไปสำหรับความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน
“ข้าควรหลอมโอสถก่อน แล้วค่อยกลับไปจะดีกว่า…” หลังคิดได้เช่นนั้น เขาก็มองหาสถานที่ที่สามารถหลอมโอสถได้ทันที
หลังเดินไปได้ไม่นาน เขาก็พบถ้ำอันเงียบสงบ จากนั้นก็เข้าไปข้างในแล้วนั่งขัดสมาธิ
“ผลเกล็ดมังกรเป็นโอสถระดับสี่ดาว มันต้องสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านปู่ได้สิ…”
หลัวเฉิงหยิบผลเกล็ดมังกรออกมาแล้วพึมพำกับตัวเอง
ที่เขาคิดเช่นนั้นก็เพราะว่า โอสถแต่ละชนิดล้วนมีพลังการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน
เช่น ผลผลึกทับทิมมีฤทธิ์ช่วยผู้ฝึกยุทธ์ในการหลอมกายาให้แข็งแกร่ง ขณะที่ดอกอวี้หลันสามารถชะล้างพิษในร่างกายได้ หากต้องการได้รับผลแบบเฉพาะเจาะจง จำเป็นจะต้องหลอมสมุนไพรให้กลายเป็นโอสถวิญญาณเท่านั้น
ดังนั้น หลัวเฉิงจึงไม่รู้เลยว่าผลเกล็ดมังกรออกฤทธิ์เช่นไร
“ลองหลอมมันก่อนแล้วกัน เรื่องพลังของมันค่อยว่ากันทีหลัง”
หลัวเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ววางผลเกล็ดมังกรลงบนฝ่ามือซ้ายที่มีรอยสัญลักษณ์เกล็ดเก้าสี
พัฟ!
ทันใดนั้น แรงดูดก็พุ่งพล่านออกมาจากสัญลักษณ์ทันที และวงแหวนแสงลึกลับก็ดูดกลืนผลเกร็ดมังกรหายไปจนหมดสิ้น
ระหว่างนั้นเอง หลัวเฉิงรู้สึกราวกับจิตวิญญาณของเขาถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้ดวงตาของเขามืดลงก่อนจะวูบหมดสติไปในที่สุด
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ หลัวเฉิงก็ได้สติกลับคืนมา เขาค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับความรู้สึกวิงเวียนที่ยังคงอยู่
“ผลเกล็ดมังกร!”
ทันทีที่ตระหนักได้ หลัวเฉิงก็รีบมองไปยังมือซ้ายของเขาด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก
ก่อนจะพบว่าบนฝ่ามือเขาขณะนี้ มีโอสถสีดำทองเม็ดหนึ่ง
โอสถเม็ดนี้มีขนาดประมาณครึ่งชุ่น พื้นผิวของมันมีเกล็ดสีดำทองจำนวนมากปกคลุมอยู่ ทำให้รูปลักษณ์ของมันดูค่อนข้างแปลกตายิ่งนัก
ระหว่างที่ถือโอสถไว้ในมือ เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่พลุ่งพล่านของมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งความแปรปรวนของมันนั้นมากกว่าโอสถผลึกทับทิมเสียอีก
“ในที่สุดมันก็สำเร็จ!”
หลัวเฉิงถอนใจยาวด้วยความโล่งอก เขายกมือขึ้นลูบศีรษะที่กำลังวิงเวียนของตน
“ดูเหมือนว่า การหลอมโอสถจำเป็นต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณของข้า อาการมันเหมือนกับตอนที่ข้ากลืนวิญญาณสัตว์อสูรจำนวนมากด้วยระดับพลังยุทธ์ปัจจุบัน ซึ่งโอสถระดับสี่ดาวนี้ก็ผลาญพลังทางจิตวิญญาณไปใช่น้อย…”
หลังคิดได้เช่นนี้ หลัวเฉิงก็รู้สึกโชคดีเป็นมาก ที่การหลอมโอสถครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี
มิฉะนั้น เกรงว่าจะยากหากจะหาโอสถระดับสี่ดาวอีกครั้งหนึ่ง
“จะว่าไปแล้ว ข้าจะมอบโอสถเว็บนี้ให้ท่านปู่ของข้าอย่างไรดี…”
เมื่อหลอมโอสถสำเร็จ จู่ๆ หลัวเฉิงก็นึกได้ถึงปัญหายุ่งยากอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะนี่เป็นโอสถระดับสี่ดาว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย หากเขามอบมันให้ท่านปู่โดยตรง มันจะต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมายไม่รู้จบ และสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือเขาจะต้องถูกสืบหาความจริงเรื่องนี้แน่
ข้าคงเดินไปบอกท่านปู่ไม่ได้ว่า จู่ๆ มันก็ตกลงมาจากฟ้าโดยบังเอิญ!
“เอาไว้กลับไปก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลัง”
โดยไม่ลังเลให้เสียเวลาเกินไป หลัวเฉิงจึงรีบออกเดินทางกลับไปยังเมืองฉีซานทันที
ทันทีที่กลับถึงเมืองฉีซาน หลัวเฉิงก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศในเมืองมีบางอย่างผิดปกติ ซึ่งขณะนี้ครึกครื้นกว่าเมื่อก่อนมาก
หลังจากได้สอบถามผู้คนในเมือง เขาก็ได้ทราบว่าบุตรสาวของเจ้าเมืองกลับมาแล้ว อีกทั้งนางยังมาพร้อมกับองค์ชายลำดับแปดแห่งอาณาจักรต้าเยว่!
“คงเป็นพวกเขาทั้งสองที่ข้าพบในหุบเขาเมฆาทมิฬแน่นอน”
ทันทีที่ได้ยินว่ามีบุตรสาวเจ้าเมืองกับองค์ชายมาเยือนยังเมืองฉีซาน หลัวเฉิงก็นึกถึงอวิ๋นเหมิงลี่และจินหมินทันที!
และอีกเรื่องหนึ่งที่เขานึกได้ คือราชาแห่งอาณาจักรต้าเยว่ก็แซ่จินเช่นกัน
อีกทั้งหลัวเฉิง ยังเคยได้ยินเกี่ยวกับบุตรสาวที่เป็นดั่งหยกล้ำค่าของเจ้าเมืองด้วย
ลือกันว่า บุตรสาวของเจ้าเมืองอวิ๋นเต้าเจี้ยงมีความสามารถที่โดดเด่นอย่างมาก นางถูกผู้อาวุโสของสำนักมหาอำนาจเห็นแววตั้งแต่ยังเยาว์ จึงถูกพาตัวกลับไปยังสำนักเพื่อรับการฝึกฝน
อย่างไรก็ตาม หลัวเฉิงไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เขาพลันสืบเท้าก้าวต่อไปยังศาลาหลิงอวิ๋นทันที
ครั้นบรรลุถึง ก็พบว่าศาลาหลิงอวิ๋นขณะนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างมาก โดยมีเหล่าอัจฉริยะวัยเยาว์จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่โถงชั้นหนึ่ง
ทว่า สิ่งที่ทำให้หลัวเฉิงประหลาดใจกว่านั้นก็คือ คนเหล่านี้ดูจะไม่ได้มาเพื่อซื้อหรือขายสิ่งใด เหมือนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อต้องการพบใครบางคนเท่านั้น