บทที่ 4 หลูมู่ไป๋
หลังจากที่หลูมู่ไป๋และหลูมู่หยานจากไป ทั้งฉีอี้ซวนและคนอื่น ๆ ก็เริ่มทะยอยออกจากบริเวณนี้เช่นกัน จะเหลือก็แต่เพียงคนบางกลุ่มที่ยังคงจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่เดิม
ผู้หญิงหลายคนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับหลูมู่หยานยังคงรวมตัวกันอยู่ คนที่แต่งกายและมีภาพลักษณ์ธรรมดาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “หลูมู่หยานบ้าไปแล้วหรือ? ถึงยังอยากจะมีเรื่องกับกู่ยันรัน หรืออยากจะทะเลาะกันเพราะฉีอี้ซวน อีกครั้ง?”
“ใช่ ถ้าต้องการสู้กับกู่ยันรันจริง ๆ แล้วหากจะเทียบ ตอนนี้หลูมู่หยานก็ยังเป็นนักดาบฝึกหัด แค่นักดาบรุ่นเยาว์ ข้าได้ยินมาว่ายังมีวัตถุดิบสำหรับปรุงยาอย่างดีอยู่อีกมาก ใช่ นางยังกล้าที่จะคิดนัดแข่งต่อสู้อีก รอวันตายหรือยังไง?” หญิงที่ดูท่าทีจองหองเอ่ยขึ้น
หญิงอีกคนลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “ถ้าพูดถึงตัวตนข้าคิดว่าอยู่สูงกว่า กู่ยันรันผู้ที่ทำให้พี่สาวเป็นราชินี มีปู่เป็นทหารชั้นสูงในราชสำนักและมีบิดาที่ผ่านสงครามจักรวรรดิ”
“แม้ว่าครอบครัวของกู่ยันรันจะเป็นพ่อค้า แต่น้องสาวของนางมักจะเป็นที่โปรดปรานของคนในราชสำนัก และนางยังได้รับเลือกให้เป็นขุนนางเพียงแค่สองปีหลังจากที่เข้าวัง แล้วก็ครอบครัวของนางเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิ ทว่าก็ไม่ได้ต่ำจนเกินไปแต่ก็แทบจะไม่คู่ควรกับฉีอี้ซวนเลยด้วยซ้ำ” หญิงงามอีกคนเอ่ย
หญิงอีกคนที่ดูเหมือนเป็นผู้นำกลุ่มเยาะเย้ยเอ่ย “ใช่ ตอนที่นางสู้กับกู่ยันรันเมื่อเดือนที่แล้วและได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าไม่คิดว่านางจะหาย และกลับมาหน้าด้านเร็วขนาดนี้ หรือจริง ๆ แล้วนางเป็นคนแข็งแรงเหรอ? ถึงได้สร้างปัญหาเกินสมควรขนาดนี้ ตอนที่ได้รับบาดเจ็บลู่เจียก็ยื่นมือเข้ามาช่วยแบบไม่มีเหตุผล และสุดท้ายก็กลายเป็นผู้สร้างสันติ ไม่ก็ไม่ได้ไร้สาระ”
“ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าสมองของนางถูกลาเตะไปหรือเปล่า นางกล้าแม้แต่จะถอนหมั้น และนางก็ไม่กลัวที่จะเสียหน้าครอบครัวหลูในตอนนั้น”
“ปล่อยนางไปเถอะ เรามารอดูการแสดงดี ๆ กันดีกว่า”
ข่าวของหลูมู่หยานและกู่ยันรันแพร่กระจายไปทั่วสถาบันภายในวันเดียว เหล่านักเรียนต่างพากันพูดคุยถึงเรื่องนี้แทบจะทุกที่ของสถาบัน ซึ่งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลูมู่หยานน่าจะคิดมาดีแล้วที่จะทำให้ตัวเองถูกทำร้าย น่าจะเป็นอีกหนึ่งกลอุบายที่จะเรียกร้องความสนใจจากฉีอี้ซวน แต่ก็เป็นไปตามที่คิด ทุกคนล้วนแล้วแต่รอชมการแสดงดี ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
หลังจากที่หลูมู่ไป๋จัดการทำแผลให้หลูมู่หยานเสร็จแล้ว เขามองมายังน้องสาวด้วยความกังวล พร้อมกับเอ่ยถาม “ทำไมเจ้าคิดจะสู้กับกู่ยันรัน เจ้าไม่ใช่คู่แข่งนางสักหน่อย”
“ไม่ใช่คู่แข่งนางหรอกในตอนนี้ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าทุกอย่างมันจะจบ อย่ากังวลไปเลยท่านพี่” นางเอ่ย นับตั้งแต่หลูมู่หยานได้รับความทรงจำเก่า ๆ ในร่างเดิมพร้อมกับสัญญาว่าจะต้องมีชีวิตที่ดี นางจึงพยายามที่จะรวมตัวเองให้เข้ากับครอบครัว และทำเหมือนคนในตระกูลหลูเป็นเหมือนกับญาติพี่น้องของตัวเอง
หลูมู่ไป๋มองไปยังหลูมู่หยานด้วยความสับสน น้องสาวของเขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
เมื่อตอนที่หลูมู่หยานเกิด หมอดูแห่งจักรวรรดิเคยทำนายเอาไว้ว่า นางจะพบกับความเป็นและความตายตอนอายุสิบห้าปี แต่หลังจากผ่านพ้นมาได้นางจะเข้าใจอะไรมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปมาก ครอบครัวไม่ต้องแปลกใจไปเพราะมันจะเป็นโอกาสที่ดี บางทีมันอาจจะเป็นการเริ่มทำให้แข็งแกร่งขึ้น ในตอนนี้หลูมู่ไป๋อดที่จะเชื่อคำทำนายนั้นไม่ได้ แค่เมื่อดูน้องสาวของเขาในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าเจ้าจะเอาชนะนางได้อย่างไร?” หลูมู่ไป๋ ถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย
ยามที่หลูมู่หยานมีอาการโคม่าครึ่งตัว นางได้ยินเสียงแม่ของนางพูดถึงคำทำนายว่าบุคลิกของนางจะเปลี่ยนไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลูมู่หยานค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนของนางออกมาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ได้ปิดบัง ซึ่งตระกูลหลูก็ค่อย ๆ ปรับตัวเขาหาบุตรสาว แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับหลูมู่ไป๋ แต่ในความรู้สึกของร่างเดิมนี้ยังคนใกล้ชิดกับพี่ชายคนนี้อยู่เสมอ
หลูมู่หยานแสร้งสับสน ราวกับนางกำลังนึกอะไรบางสิ่ง หลังจากการแกล้งทำแบบนั้นนางก็พูดขึ้นว่า “ท่านพี่ ในช่วงที่ข้ายังรักษาตัว ข้าฝันว่าข้าได้เดินทางไปอีกโลกหนึ่ง ในโลกนั้นวิธีการฝึกฝนก็ต่างกับที่นี่ มันเหมือนกับข้ามีประสบการณ์มาหลายพันปี ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายของกลไกของยาซีซุย ที่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างในร่างกายของคนหนุ่มสาวได้
นางสังเกตเห็นความตกตกลึงของดวงตาหลูมู่ไป๋ และเอ่ยว่า “ข้าสามารถกำจัดร่างไร้ชีพจรให้สิ้นซากไปได้ ตราบใดที่กินยาชำระล้างนี้ และเส้นเอ็นที่ถูกปิดกั้นจะสามารถเปิดออกได้”
“จริงเหรอ? มันเยี่ยมมาก เจ้าทราบไหมว่าวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับยาเม็ดนี้มีอะไรบ้าง?” ดวงตาของหลูมู่ไป๋เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
หลูมู่หยานพยักหน้า “ข้ารู้ และข้าก็จะปรับปรุงมัน วันนี้ข้าไปที่กังชูเพื่อหาข้อมูล แม้ว่าชื่อของหญ้าจิตวิญญาณของทั้งสองโลกจะมีชื่อต่างกัน แต่สรรพคุณของยาและภาพประกอบที่ข้าเห็นมันเป็นชนิดเดียวกัน”
“ในครั้งนี้ หยานเอ๋อได้รับพรให้ปลอมตัวมา หากเจ้าต้องการหญ้าจิตวิญญาณให้เจ้าจดชื่อไว้ แล้วพี่ชายของเจ้าจะช่วยเจ้าหามัน” หลู่มูไป๋แตะไปที่หัวของหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
หลูมู่หยานไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออะไรในการกระทำของหลูมู่ไป๋ นางทำการจดชื่อหญ้าจิตวิญญาณที่ต้องการและส่งให้กับหลูมู่ไป๋ทันที “นี่แหละคือที่ข้าบอก ส่วนอื่น ๆ ข้าค่อนข้างโอเคแล้ว แต่ยังมีผลไม้แห่งเปลวเพลิงที่ค่อนข้างเป็นปัญหา”
หลังจากอ่านเนื้อหาทั้งหมดบนกระดาษ หลูมู่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผลไม้แห่งเปลวเพลิงค่อนข้างหาลำบาก แต่ไม่ต้องกังวลไปน้องข้า ข้าจะหามาให้”
“ขอบคุณท่านพี่ ข้าจะหามันให้ได้ก่อนการต่อสู้ เพราะข้าต้องปรับแต่งยาซีซุยเพื่อปรับร่างกาย จากนั้นข้าจะหาทั้งหมดมารวมกันในตอนสุดท้าย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับแสดงความเย็นชาผ่านออกมาทางสายตา
ใบหน้าของหลูมู่ไป๋ดูซึมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและเอ่ยขึ้นว่า “ช่วงนี้ดูแล้วพวกตระกูลกู่นั้นจะดูยโสเกินไป แม้แต่ป้าในวังยังถูกพวกนางสนมของตระกูลนั้นข่มเหง ถ้าไม่ใช่เพราะทางจักรวรรดิต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม และต้องการเงินจากตระกูลนั้น อาการบาดเจ็บก็คงไม่ต้องถูกปิดบังแบบนี้
ครั้งนั้นที่หลูมู่หยานได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของกู่ยันรัน หลูมู่ไป๋ต้องเดินทางไปฝึกซ้อมวิชาพอดี และมีอยู่สองประการที่ตระกูลหลูไม่ติดใจจะตามเรื่องนี้ต่อ ประการแรก ท้ายที่สุดหลูมู่หยานยังอยู่ดี และประการที่สอง หลูมู่หยานฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสและอาการโคม่าครึ่งตัวมาได้ ทำให้หลูเจียไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่องกับตระกูลกู่
“อีกอย่าง ข้าอยากให้ท่านพี่พูดดี ๆ กับข้าตอนกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นท่านปู่กับท่านพ่อจะคิดว่าข้าเอาแต่ใจ” หลูมู่หยานจับมือหลูมู่ไป๋สองสามครั้งพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำขอร้อง
สำหรับเหตุผลที่นางจดจำลมหายใจของพี่ชายเอาไว้ ก็เพื่อกระตุ้นให้กู่ยันรันต่อสู้ เพราะนางต้องการใช้เขาเพื่อต่อรองกับตระกูลหลู นางทนไม่ไหวกับน้ำตานางงามอะไรนั่น
หลูมู่ไป๋พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าทำอะไรไม่ได้จริง ๆ แต่ในช่วงเวลานี้เจ้าจะปลอดภัย ข้าคิดว่าเรื่องที่เจ้านัดประลองกับกู่ยันรันน่าจะรู้ไปทั้งเมืองหลวงแล้ว”
“ไม่ต้องกังวลท่านพี่ ข้าจะไป”
หลังจากรอให้พี่ชายเดินออกไป หลูมู่หยานก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป
นางวางแผนที่จะเดินทางไปยังสมาคมทหารรับจ้าง เพื่อดูว่าจะมีภารกิจเดินไปยังภูเขาที่มีไฟโหมกระหน่ำหรือไม่ เพราะผลไม้แห่งเปลวเพลิงจะสามารถคงอยู่ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น ซึ่งการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอาจจะเป็นเรื่อง แต่ก็ดีกว่ารอไปอย่างเสียเวลาโดยไม่มีความแน่นอน ฉะนั้นการเดินทางค้นหาด้วยตัวเองอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
หลูมู่หยานอยากกลับบ้าน พลันก็คิดได้ว่าหากกลับไปตอนนี้จะต้องถูกถามเรื่องการต่อสู้เป็นแน่ บางทีอาจจะทำให้ท่านแม่ต้องเสียน้ำตา นางจึงตัดสินใจไม่กลับไปที่บ้านเพื่อรอให้หลูมู่ไป๋กลับมาก่อนจะตัดสินใจกลับทีหลัง
ณ สถานที่ที่นางอยู่ตอนนี้ค่อนข้างเงียบสงบ มีลานเล็ก ๆ ที่เป็นสถานที่ที่ทางจักรวรรดิจัดไว้ให้เป็นพิเศษแยกออกไป เพื่อใช้เป็นสถานที่พำนักของผู้ที่มีบุญ สถานที่แห่งนี้มีสัญลักษณ์ระบุตัวตนเอาไว้ชัดเจน แปลว่าเงินก็ไม่สามารถช่วยได้ ฉะนั้นหลูมู่หยานผู้ที่มีพลังต่ำจะสามารถอยู่ในลานอื่น ๆ ได้ และยังสามารถกระตุ้นความริษยาของทั้งกู่ยันรัน และเซงรูได้อีกด้วย
หลังจากที่หลูมู่หยานเริ่มสำรวจชานอื่น ๆ แล้ว นางล้มตัวลงนอนและผล็อยหลับไปจากความเหนื่อยล้า ร่างกายของนางยังต้องทำอะไรอีกมาก ทำให้นางต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะต้องเก็บแรงเดินทางไปยังสมาคมทหารรับจ้างในวันรุ่งขึ้น