ตอนที่แล้วบทที่ 2 ตบหน้า  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 หลูมู่ไป๋  

บทที่ 3 ทำการนัดหมาย  


“อะไรที่ฟังมาจากฉีอี้ซวนเพื่อมาบอกให้ข้าหยุด แต่ข้าก็ไม่หยุดล่ะ? ทุกคนคิดว่าวันนี้ข้าจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าได้อย่างไรกัน? ข้าเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเหรอ? ข้าไม่ใช่คนในตระกูลฉีที่ไม่สามารถเฉิดฉายอย่างนางบำเรออะไรนั่น” หลูมู่หยานหัวเราะอย่างแผ่วเบา และถามต่อไปด้วยคำพูดที่เหยียดหยาม นางต้องการพูดคุยเพื่อให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสียที นางไม่ใช่คนเดิมที่จะมาใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหาอีกต่อไปแล้ว

“เจ้า” ใบหน้าของกู่ยันรันเปลี่ยนเป็นสีขาว นางเกลียดการนิยามตัวตนในระดับนี้ที่สุด นั่นจึงทำให้นางหวังที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งในสถาบันฝึกจักรพรรดิเพื่อกำจัดตัวตนออกไปเสียที

นอกจากนี้ นางต้องการที่จะเป็นภรรยาจริง ๆ ของฉีอี้ซวน ไม่ใช่เพียงแค่นางสนมที่ดื้อรั้น หลูมู่หยานเก่งจริง ๆ เก่งมากที่สามารถกระตุ้นความโกรธของนางได้สำเร็จ

“อะไรของเจ้า? ไม่มีอะไรจะพูด? คิดว่าข้าไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าไอ้สถาบันนางบำเรออะไรนั่นตั้งขึ้นโดยตระกูลฉีและมันกำลังจะเป็นสถาบันจักรพรรดิ? ตระกูลฉีนี่ดูผ่อนคลายจริง ๆ และพวกเขาก็ไม่ได้กลัวที่จะถูกสวมเขา” หลูมู่หยานแค่ต้องการกวนอารมณ์ของกู่ยันรัน

เมื่อกู่ยันรันได้ยินหลูมู่หยานพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของนางซีดลง นางดึงเสื้อของฉีอี้ซวนและพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ “อี้ซวน”

“หลูมู่หยานพอได้หรือยัง? ข้าไม่สนว่านางจะเป็นใคร หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยันรันจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉีในอนาคต ซึ่งเจ้าไม่ควรมาใส่ร้ายนางตามอำเภอใจแบบนี้” ฉีอี้ซวนเอ่ย แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักกู่ยันรันขนาดนั้น แต่เพราะมันเป็นอีกเรื่องที่ทางครอบครัวของเขาได้บอกเอาไว้ การดูถูกนางก็เหมือนกับดูถูกตระกูลฉีด้วย โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าภรรยามีชู้นั่นยิ่งทำให้เขาอยากบีบคอหลูมู่หยานให้ตาย

หลูมู่หยานกลอกตาไปมา นางเลิกคิ้วขึ้นและกล่าววาจาเยาะเย้ยว่า “มันหมายความอย่างไรกันเหรอ ถ้าหากผู้หญิงสองคนต้องมาทะเลาะกันเพราะเจ้าและผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนี้? หรือว่าเจ้าอยากเป็นพนักงานยกกระเป๋า? ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สนใจเจ้า หรือชอบเจ้าอีกต่อไปแล้ว คนคนนี้ตายไปแล้ว ฉะนั้นได้โปรดอย่ารักกันอีกต่อไปเลย”

“อืมม ตอนนี้นางกลายเป็นคนพูดเก่งแล้วสินะ เหลวไหลจริง ๆ” ฉีอี้ซวนไม่สามารถที่จะพูดต่อกรกับหลูมู่หยานได้จริง ๆ เห็นได้จากการพูดไปเรื่อยของผู้หญิงคนนี้

กู่ยันรันดีใจเมื่อเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉีอี้ซวนไม่อยากคุยกับหลูมู่หยานอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมานางรู้สึกมาตลอดว่าฉีอี้ซวนนั้นแคร์ความรู้สึกของหลูมู่หยาน พูดได้ว่าพวกเขาทั้งสองเคยชอบพอกันเมื่อตอนยังเป็นเด็ก แต่ก็ยังไม่ขนาดนั้น ทำให้นางพยายามอย่างมากที่จะสร้างบาดแผลให้พวกเขาทั้งสองเมื่อยามที่นางก้าวขาเข้ามาเรียนที่สถาบันจักรพรรดิ

ตอนนี้ผู้หญิงโง่เง่าหลูมู่หยานไม่อยากจะเปลืองพื้นที่สมอง แต่นางเองก็ต้องคิดบัญชีกับเรื่องที่นางโดนดูหมิ่นในที่สาธารณะ

“หลูมู่หยาน เจ้าทำมากเกินไป ครั้งที่แล้วยังสั่งสอนไม่พออีกหรือ? ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษต่อหน้าสาธารณชนเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าสาบานเลยว่าวันนี้ข้าจะไม่หยุดแน่” กู่ยันรันมองไปที่หลูมู่หยานด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจและดื้อรั้น กู่ยันรันทำให้ชายหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสงสารและมองไปที่หลูมู่หยานอย่างไร้ความปรานี

หลูมู่หยานกอดอกแน่นพร้อมเลิกคิ้วขึ้นอย่างเฉื่อยชา ก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาที่บอบบางของเจ้า ชายที่อยู่ข้าง ๆ ก็ต่างพากันเมามายโดยที่ยังไม่ดื่มเลย แบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าการยั่วยวนแบบนี้กับที่ข้าพูดเรื่องการสวมเขาสามี ไม่ได้ต่างกันเลย”

“นอกจากนี้ การขอโทษในที่สาธารณะ? ทั้งที่เป็นเจ้า? เจ้าจะสาบานว่าจะไม่ยอมแพ้ได้อย่างไร?”

“เจ้ากำลังรนหาความตาย” แม้ว่ากู่ยันรันจะมีจิตใจที่ลึกซึ้ง แต่นางก็เป็นเด็กหญิงอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น นางจะต้านทานการดูถูกโดยคนที่น่ารำคาญที่สุดได้อย่างไร? นางดึงดาบและนำดอกไม้ดาบออกก่อนจะเดินไปหาหลูมู่หยาน ให้ควันลอยผ่านไป

รอยยิ้มสว่างวาบในดวงตาของหลูมู่หยาน นางใช้หลูยานบูเพื่อเดินไปรอบ ๆ กับกู่ยันรัน และเมื่อพลังจิตของนางสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ใกล้เข้ามา ร่างกายของนางหยุดชะงักทำให้กู่ยันรันใช้ดาบแทงเข้าที่แขนข้างซ้ายอย่างจัง

กู่ยันรันผละออกเล็กน้อย และด้วยความตกใจทำให้นางตัดสินใจใช้พลังของนางบินหนีไป

“อ่า” เลือดสีสดล้นทะลักท่วมปาก หลูมู่หยานปิดบริเวณช่วงอกอย่างมิดชิดและมองไปยังชายชุดขาวที่เพิ่งจะปรากฏตัว รูม่านตาของนางขยายกว้างก่อนจะหดเล็กลงเมื่อชายคนนั้นหันกลับมา

ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างเห็นชายชุดขาวค่อย ๆ เดินมาอย่างช้า ๆ ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ท่าทางดูอ่อนโยนผสมกับกลิ่นหอม ๆ ชายผู้นั้นสะบัดแขนเสื้อในทันที ทำให้เห็นว่าหลูมู่หยานได้รับบาดเจ็บ บ่งบอกถึงการถูกข่มแหง

“ผู้คนบนโมซางเปรียบเสมือนหยก ส่วนบุตรชายนั้นก็หาใครในโลกมาเทียบไม่ได้” ประโยคเหล่านั้นสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนที่ยังเหลืออยู่

“หยานเอ๋อร์ เจ้าโอเคหรือไม่?” ชายที่สวมชุดสีขาวเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน เมื่อเดินไปยังด้านข้างของหลูมู่หยาน

หลูมู่หยานใช้ฝ่ามือกดไหล่ที่บาดเจ็บด้วยความคับแค้นใจและร้องออกมาว่า “ท่านพี่ ในที่สุดท่านพี่ก็กลับมา”

ชายรูปงามผู้ถูกเนรเทศคนนี้คือ ‘หลูมู่ไป๋’ พี่ชายของหลูมู่หยาน อัจริยะที่หาใครเปรียบไม่ได้ในตระกูลหลู หรือแม้แต่ในอณาจักรหยานโจวก็ตาม เขาคือผู้ที่บรรลุจุดสูงสุดในการบรรจุจิตวิญญาณแห่งดาบ ถือเป็นนักเรียนชั้นสวรรค์ในสถาบันฝึกจักรพรรดิ และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลของสถาบัน

เขานิ่งเฉย ไม่แยแส แต่เขาปกป้องจุดอ่อนของเขาทุกอย่าง โดยเฉพาะหลูมู่หยานผู้เป็นน้องสาว

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขาต้องเดินทางออกไปฝึกฝนวิชา ทำให้ผู้คนที่นี่กล้าที่จะรังแกหลูมู่หยานต่อหน้าสถาบัน

“ผู้อาวุโสหลู ท่านไม่มีคำอธิบายอะไร ๆ ที่ทำร้ายข้าโดยไม่ถามความบริสุทธิ์ใช่หรือไม่” ความริษยาและความไม่เต็มใจฉายผ่านดวงตาของกู่ยันรัน นางรีบปกปิดความรู้สึกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว และเอ่ยถามหลูมู่ไป๋อย่างอย่างนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น

หลูมู่ไป๋ไม่แม้แต่จะหยิบยื่นอะไรให้กู่ยันรัน ทว่าเขาหยิบขวดยารักษาอาการบาดเจ็บออกมาจากแหวนเก็บของและเทลงบนบาดแผลของหลูมู่หยาน เมื่อเห็นว่าโลหิตสีแดงสดหยุดไหลแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้าข้าทำร้ายเจ้า? พี่สาวของเจ้าคงทนไม่ได้ที่จะต้องสั่งสอน”

“ท่านกำลังรังแกผู้อื่นโดยใช้กำลัง ถ้าหลูมู่หยานไม่ขอโทษข้าในวันนี้ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ ข้าจะเดินทางไปเข้าเฝ้าที่จักรวรรดิเพื่อขอคำอธิบายเหล่านี้” กู่ยันรันเอ่ยด้วยความคับแค้นใจ ดวงตามีน้ำสีใสเอ่อคลอก่อนจะฉายแววความชั่วร้าย ดื้อรั้นและไม่ยอมจำนนออกมา

หลูมู่หยานใช้หางตามอง ชักจะเล่นเกินไปแล้ว นางกดเสียงเย็นชาตะคอกกลับไป “พี่ชายข้าจะต้องอธิบายอะไร? วันนี้เจ้าแทงข้า และข้าจะไม่หยุดมันแน่นอน”

หลูมู่หยานใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแสดงท่าทางยั่วโมโหต่อกู่ยันรันและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เจ้าเองก็ดูมีพลังมากดีนะ มันจะดีกว่าหรือไม่ที่เจ้าและข้าจะมาสู้กันในการแข่งขันของสถาบันในอีกสามเดือนข้างหน้า ถ้าข้าแพ้ ข้าจะยอมขอโทษเจ้าต่อหน้าผู้คนทั้งสถาบัน แต่ถ้าเจ้าแพ้เจ้าจะต้องยอมรับว่าเจ้าจงใจทำให้ข้าบาดเจ็บ ทั้งก่อนหน้าและวันนี้ และเจ้าจะต้องขอโทษข้า ว่ายังไง เจ้ากล้าหรือไม่?”

“ตกลง” กู่ยันรันตอบกลับ โดยที่นางไม่รู้จริง ๆ ว่าในใจของหลูมู่หยานคิดอะไรอยู่ นางถึงได้ตอบรับอะไรไร้ราคาเช่นนี้ แข่งขันงั้นเหรอ? ทั้ง ๆ ที่นางเหนือกว่ายัยขยะนั่นเนี่ยนะ ฉะนั้นนางไม่มีทางที่จะแพ้แน่นอน และนางจะใช้โอกาสนี้ในการเหยียบย่ำหลูมู่หยานให้กลายเป็นขุนนางใต้เท้านาง ซึ่งนางไม่มีทางที่จะพลาดโอกาสนี้เป็นแน่

ความเจ้าเล่ห์ถูกฉายออกมาผ่านแววตาของหลูมู่หยาน นางจงใจให้กู่ยันรันทำร้ายนางและใช้โอกาสนี้ทำให้คนคิดว่านางใช้ความรุนแรงภายคู่มือต่อสู้ และจากนั้นนางจะทำให้กู่ยันรันต้องร้องไม่ออก

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลูมู่หยานได้รับจดหมายจาก หลูมู่ไป๋ว่ากำลังจะเดินทางกลับมาที่สถาบันในวันนี้ ตามภาพความทรงจำก่อนหน้า พี่ชายคนนี้รักน้องสาวของเขามาก

ลมหายใจของหลูมู่ไป๋ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนางฉะนั้นนางจึงใช้พลังจิตในการล็อกลมหายใจของหลูมู่ไป๋เอาไว้ ทำให้ในทันทีที่นางสัมผัสถึงหลูมู่ไป๋ที่เริ่มเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ หลูมู่หยานก็เริ่มพูดจายั่วยุกู่ยันรันและท้าทายข้อเสนอในการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

ตอนนี้กู่ยันรันหน้ามืดตามัว นางรู้สึกว่าจะเสียหน้าไม่ได้กับถ้อยคำดูหมิ่นและการถูกกดขี้ของหลูมู่ไป๋ เป็นไปอย่างที่คาดดอกบัวสีขาวก็ตอบรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

ก่อนหน้านี้ร่างเดิมดูเหมือนจะถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกกู่ยันรันและคนอื่น ๆ ฆ่าทิ้ง แล้วในตอนนี้พวกนางยังคงทำเอาไว้อย่างเจ็บแสบ หลูมู่หยานถือคติที่ว่า ‘หากคนอื่นไม่มายุ่งกับข้า ข้าก็จะไม่ยุ่งกับเจ้า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้ามายุ่งกับข้า ข้าก็จะตอบแทนเป็นพันเท่า’

สิ่งที่สำคัญที่สุดของกู่ยันรันคือหน้าตาของนาง นางยอมรับไม่ได้หากจะต้องพ่ายแพ้ให้กับหลูมู่หยานต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนทั้งสถาบัน ในตอนนั้นนางจะต้องละทิ้งปีศาจที่อยู่ในตัวนางเพราะการก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการต่อสู้ในชีวิตยังคงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่โหดเหี้ยมไม่ใช่การปล่อยให้ศัตรูต้องตาย แต่เป็นการเล่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายมากกว่า

ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาอันแสนชั่วร้ายที่ยืนมองผ่านหน้าต่างอาคารเก่าที่อยู่ถัดไป เขาหันหลังเพื่อที่จะเดินจากไปพร้อมกับกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ช่างเป็นผู้หญิงที่ตลกเสียจริง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด