บทที่ 241 ดูเหมือนเขา จะเจอของจริงเข้าให้แล้ว
หลินหยง เฉินหยวนพร้อมทั้งคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้วด้วยไม่พอใจ ครั้นได้ยินเรื่องเหลวไหลพรรค์นั้นนั้นออกจากปากนาง
หยางเสี่ยวเทียนยืนมือไพล่หลัง ก่อนหันกล่าวถามนางด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้เฉินจื่อหานที่ได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยเช่นนั้น กลับพานบันดาลโทสะ
“ข้าทุจริต เจ้ามีหลักฐานหรือ”
เฉินจื่อหานมองดูรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าหยางเสี่ยวเทียน และกล่าวด้วยความโกรธ “หยางเสี่ยวเทียน อย่าภูมิใจนักเลย แม้เจ้าจะผ่านรอบแรกในการล่าสัตว์อสูรได้ แต่การแข่งรอบสองใช่ว่าเจ้าจะผ่านไปได้”
“อย่าคิดแตะต้องข้าในรอบสองจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น เจ้าได้เจอดีแน่!”
ครั้นเห็นท่าทีเกรี้ยวโกรธของเฉินจื่อหาน ใบหน้าระรื่นก็ยังคงประดับรอยยิ้มยียวนจากเขามิมีเปลี่ยน
หยางเสี่ยวเทียนเอ่ยแทรกขณะนางกำลังเดือดพล่านจวนแทบคลั่ง “จะได้เจอดีเชียวหรือ เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณมาก”
กล่าวจบ หยางเสี่ยวเทียนก็เดินจากไปพร้อมกับทุกคนอย่างใจเย็น ขณะเฉินจื่อหานผู้เอาแต่จ้องมองตามแผ่นหลังเขาด้วยความโกรธ แค้นมากจนแทบสงบสติอารมณ์ไม่ได้
แม้นักปรุงโอสถหลายคนยังหอสมาคมจะชื่นชมแลนับถือหยางเสี่ยวเทียนกันจนคลั่งไคล้ แต่สำหรับนาง ความประทับใจที่ดีต่อหยางเสี่ยวเทียนกลับหาได้มีไม่
เมื่อใดก็ตามที่นางเห็นเขา และคิดถึงท่าทีภาคภูมิใจบนใบหน้านั่น อารมณ์นางก็พลันร้อนรุ่มด้วยโทสะ ใคร่สั่งสอนบทเรียนให้คนเช่นหยางเสี่ยวเทียน หายจากอาการเย่อหยิ่งแลลดทอนความภาคภูมิใจอันน่าหงุดหงิดนั้นลงเสีย
ในเวลานี้เอง เฉิงหลงผู้คอยดูตั้งแต่ทีแรก ก็เข้ามาหาเฉินจื่อหานแล้วกล่าวบอกนางอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ในการแข่งขันรอบสอง เขาไม่สามารถยืนหยัดในการประลองแรก เข้าสู่รอบสองได้หรอก”
รอบสอง เป็นการแข่งขันประลองฝีมือแบบตัวต่อตัวบนลานประลองยุทธ์ คือการต่อสู้เพื่อความแข็งแกร่งที่แท้จริง
ศิษย์ผู้เข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้ ผู้อ่อนแอสุดล้วนแต่อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับเจ็ด ดังนั้น ตามความเห็นของเฉิงหลง หยางเสี่ยวเทียนจึงไม่มีทางผ่านรอบแรกไปได้อย่างแน่นอน
ครั้นมาดมั่นว่าหยางเสี่ยวเทียนจะไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ สีหน้าเฉินจื่อหานก็เปลี่ยนเป็นดูดีขึ้น รอยยิ้มเหยียดหยามพลันประดับบนใบหน้าอันงดงามของนางทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูเคลื่อนย้ายก็ถูกปิดลง
หลินหยงเหม่อมองไปยังประตูเคลื่อนย้ายที่ถูกปิด พร้อมทอดถอนใจอย่างนึกเวทนา แม้นเขาจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการตายของหูซิงศิษย์เขา ในดินแดนสัตว์อสูรจากศิษย์คนอื่นๆ แล้ว แต่เขากลับยังแอบหวังว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด
ยิ่งเขาได้นึกย้อนกลับไป มองภาพความทรงจำที่มีทุกรายละเอียดตลอดหลายปีผ่านๆ มา หลินหยงก็พลันรู้สึกหดหู่ใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อประตูเคลื่อนย้ายปิดลง ค่ายกลก็ถูกผนึก ขันทีระดับสูงจึงเริ่มประกาศผลของการแข่งขันรอบแรก
ครั้งนี้ ศิษย์มากกว่าแสนสี่หมื่นคนเข้าสู่ดินแดนสัตว์อสูร แต่มีเพียงศิษย์แสนสองหมื่นคนเท่านั้นที่กลับออกมา
ซึ่งภายในสิบวัน มีเพียงศิษย์ห้าหมื่นคนเท่านั้น ที่สามารถสังหารสัตว์อสูรได้ครบร้อยตัวตามหลักเกณฑ์ทางการแข่งขันกำหนด
หลังขันทีระดับสูงประกาศผล เขาก็กวาดสายตาตรวจดูฝูงชน แล้วกล่าวทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา “ต่อไป เราจะเริ่มการแข่งขันรอบที่สองกันเลย”
“รอบนี้ คือการประลองยุทธ์ภายในวงแหวนประลอง” จากนั้น เขาก็อธิบายกฎของการแข่งขันบนลานประลองเพียงสั้นๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนเริ่มจับป้ายหยกสำหรับสุ่มเลือกคู่ประลอง ของการแข่งขันรอบแรกได้”
เมื่อขันทีกล่าวจบ ทุกคนก็เดินออกไปหยิบป้ายหยกที่ถูกปิดบังไว้อย่างมิดชิด
หยางเสี่ยวเทียนคว้าได้ป้ายหยกหมายเลขสอง
ส่วนอีกคนที่คว้าได้หมายเลขสองคือ เติ้งอี้ชุนจากสำนักยวินฮุย
ในฐานะเจ้าตำหนักกระบี่ของสำนักเสินเจี้ยน ผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงระดับสิบเอ็ด ทั้งยังครองอันดับหนึ่งในการแข่งขันหลอมโอสถระดับนักปรุงโอสถหนึ่งดาว ดังนั้น จึงมิแปลกที่หยางเสี่ยวเทียนจะเป็นที่สนใจจากผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสอย่างล้นหลาม
ยิ่งทุกคนเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนต้องขึ้นประลองยุทธ์กับเติ้งอี้ชุนจากสำนักยวินฮุยในรอบแรก เสียงฮือฮาด้วยตกตะลึงจากผู้คนโดยรอบจัตุรัสจึงพานดังกันไปทอดๆ
เฉินจื่อหาน เฉิงหลงและคนอื่นๆ แอบลอบดีใจกันใหญ่ ครั้นทราบว่าหยางเสี่ยวเทียนกำลังจะได้ขึ้นประลองรอบแรกกับเติ้งอี้ชุน
“ข้าไม่คิดว่าหยางเสี่ยวเทียนจะโชคร้ายเช่นนี้ ประลองยุทธ์รอบแรกก็จับได้เติ้งอี้ชุนเสียแล้ว!” เฉิงเป้ยเป้ยเผยยิ้มอย่างสำราญ
“ดูเหมือนเขา จะเจอของจริงเข้าให้จริงๆ” นางกล่าวเสริมเชิงเย้ยหยัน
ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักยวินฮุยและสำนักเสินเจี้ยนนั้น ไม่เคยเป็นที่ประนีประนอม เอาแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาโดยตลอด
หลายคนที่รู้จักเติ้งอี้ชุนเป็นอย่างดี จะรับรู้ดีว่าเขาไม่ชอบหยางเสี่ยวเทียนและเกลียดเข้าไส้แบบพร้อมลงมือทุบตีได้ทันทีครั้นมีโอกาส
เฉินจื่อหานแอบชอบใจมาก แต่ก็ค่อนข้างเสียใจเล็กน้อย ที่หยางเสี่ยวเทียนจะต้องกลับเมืองเสินเจี้ยนเร็วปานนี้
เดิมที นางหวังจะเป็นคนประลองกับหยางเสี่ยวเทียน เพื่อได้สั่งสอนดับความผยองแลมาดมั่นของเขาเสียหน่อย แต่ไม่คิด ว่าผลการแข่งขันรอบสองจะเป็นเช่นนี้
หยางเฉา หลินหยงและคนอื่นๆ ต่างก็เผยยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนกำลังจะต่อสู้กับเติ้งอี้ชุนในรอบแรก
“เจ้าตำหนักหยาง เวทย์หมัดเจ็ดดาวเวหาของเติ้งอี้ชุน เขาฝึกฝนจนบรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อยแล้วนะ เจ้าต้องระวัง” หลินหยงเปิดปากบอกหยางเสี่ยวเทียนอย่างเป็นห่วง
“เทียนเอ๋อร์ อย่าเพิ่งวางใจ เจ้าเข้าใจหรือไม่” หวงอิ๋งก็กล่าวอย่างกังวลเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำกว่าวด้วยเป็นห่วงจากทุกคน หยางเสี่ยวเทียนจึงเผยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”
เติ้งอี้ชุนซึ่งถูกจับตามองหลังจับได้ป้ายหยกหมายเลขสอง และเห็นว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือหยางเสี่ยวเทียน มือไม้เขาก็พลันสั่นเทาจนป้ายหยกในมือเกือบหล่นด้วยความหวาดกลัวแม้นจะพยายามเก็บซ่อนมันไว้เพียงใด
ทุกวันนี้ หยางเสี่ยวเทียนกลายเป็นฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวในใจเขา เหล่ยจื่อ และศิษย์คนอื่นๆ จากทั้งสามสำนักหลัก ทุกคนที่ได้ลิ้มรสพลังหมัดของเขา ต่างหวาดผวากันไปทั้งนั้น
ยิ่งได้คิดถึงหมัดขาวน้อยๆ แต่น่าสะพรึงกลัวของหยางเสี่ยวเทียน ปากคอเติ้งอี้ชุนแห้งผาก กลืนน้ำลายยังฝืดเคืองด้วยจู่ๆ ก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก