ตอนที่แล้วบทที่ 1 ของเหลือใช้จากจูไม  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ทำการนัดหมาย  

บทที่ 2 ตบหน้า  


ดวงตาของหลูมู่หยานฉายแววเจตนาฆ่าอย่างชัดเจนในเวลาเพียงไม่กี่วินาที พร้อมหันไปมองเซงรูอย่างเย็นชา

เซงรูตกตะลึงกับสายตาคู่นั้นของหลูมู่หยาน พลางคิดว่าทำไมคนไร้ค่าอย่างนางถึงได้ทำท่าทางดูน่ากลัวได้ขนาดนั้น เซงรูตัดสินใจส่ายหัวไปมาพร้อมกับสูดหายใจและแอ่นหน้าอกใหญ่โตของนางแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “หลูมู่หยาน ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วอย่างนั้นหรือ เจ้ากล้าออกไปงั้นรึ”

ทว่าแววเย็นของของหลูมู่หยานนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า ผู้หญิงคนนี้มักจะมีท่าทีเขินอายกับลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของของเซงรูอย่างฉีอี้ซวน เดิมทีร่างกายร่างนี้จะหลีกทางให้กับแค่ครอบครัวของตระกูลฉีเท่านั้น แต่นั่นก็มันทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูเป็นพวกไร้สมอง หยิ่งยโสมากขึ้นเรื่อย ๆ…

“เจ้าจะทำอะไร? ข้าจะอยู่ถ้าข้าอยากอยู่ และจะไปก็ต่อเมื่อต้องการไป ข้ายังต้องถามความเห็นของเจ้าอีกไหม” หลูมู่หยาน กล่าวด้วยความรังเกียจที่แสดงออกผ่านทางสายตา

ไม่ใช่ว่านางดูถูกพ่อค้าหรืออย่างไร แต่สถานะโดยรวมของพ่อค้าในหยานโจวไม่สูงมากนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะพี่สาวของกู่ยันรันเข้าวังในฐานะนางสนมผู้สูงศักดิ์ ทำให้สถานะของพ่อค้าเริ่มดีขึ้น แน่นอนว่านางคิดว่ามันควรจะเป็นกลยุทธ์ยอมจำนนโดยเจตนาของจักรพรรดิ

“เจ้า...” นี่เป็นครั้งแรกที่เซงรูได้ยินหลูมู่หยานพูดจาแข็งข้อกับนาง ทำให้เซงรูไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางหลายชั้นก็ยิ่งเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหัวขโมยที่อยู่ข้าง ๆ เซงรูรู้สึกโกรธจัด พร้อมกับชักดาบเล่มยาวของนางออกมาและเจาะกลุ่มควันของหลูมู่หยาน

…วันนี้คงจะต้องสอนอะไรบางอย่างให้แก่นางบ้างแล้ว

หลูมู่หยานเห็นเซงรูแทงนางด้วยดาบ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ยเหยียด แม้ว่าเซงรูจะเป็นนักดาบที่มีพื้นฐานระดับกลาง แต่ก็ยังสูงกว่าร่างเดิมของนางหนึ่งระดับ แต่หลูมู่หยานก็มีเทคนิคเฉพาะตน เนื่องจากในช่วงพักฟื้นที่ผ่านมานางฝึกอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายที่อ่อนแอนี้แข็งแรงขึ้น จึงทำให้การหลบหลีกการโจมตีนั้นง่ายขึ้นมาก

เมื่อเห็นว่าดาบของเซงรูกำลังจะเจาะหน้าอกของหลูมู่หยาน ฉีอี้ซวนก็เริ่มขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้หยุดอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเซงรูไม่มีความกล้าที่จะลอบสังหารหลูมู่หยานขนาดนั้น

กู่ยันรันแสดงความกังวลผ่านบนใบหน้า แต่ภายในใจของนางกลับมีความสุข เมื่อหลูมู่หยานถามถึงสิ่งนั้น แล้วสถานะอันสูงส่งของนางล่ะ? หากไม่ใช่เพราะพี่สาวของนางได้เตือนเอาไว้ว่าอย่ายั่วโมโหหลูมู่หยาน นางเองก็คงจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อกำจัดสิ่งไร้ค่าที่แสนจะดื้อรั้นนี้ออกไป

และเมื่อทุกคนคิดว่าหลูมู่หยานกำลังจะถูกแทง จู่ ๆ นางก็เอนหลังและเขย่งเท้าหลบการโจมตีของเซงรูทันที

พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็ฉายแววเย็นชาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปเตะเข้าที่หน้าท้องของเซงรูทันที ในยามนี้เซงรูกอดหน้าท้องของหลูมู่หยาน หลูมู่หยานจึงคว้าข้อมือของเซงรู พร้อมกับรัดมันไปในทิศทางของนาง และดึงเซงรูขึ้นเมื่อเข้าใกล้ พร้อมกับใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่กลางอกของเซงรูทันที

“อัก!”

เซงรูผู้ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของหลูมู่หยาน

การเคลื่อนไหวที่น่าตกใจของหลูมู่หยานทำให้ฝูงชนที่เฝ้าดูตกตะลึง ‘เจ้าขยะนี่มีทักษะขนาดนั้นเชียวหรือ? หรือแค่โชคดี’

“หยุดนะ!”

กู่ยันรันหัวเราะเบา ๆ แต่ก็นางกระวนกระวายว่าหลูมู่หยานจะประเคนเข่าให้เซงรูอีกสองสามที แต่ก็นะ ฉีอี้ซวนจะได้เกลียดมันมากขึ้นยังไงล่ะ

หลูมู่หยานไม่สนใจเสียงตะโกนของกู่ยันรันแม้แต่น้อย นางยกเท้าขึ้นแล้วเตะไปที่เซงรูจนร่วงลงกับพื้น

เซงรูล้มหลังจากที่ถูกเตะ พลางหูก็ฟังคำเยาะเย้ยของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณ นางกรีดร้องออกมาเหมือนคนไร้สติไม่ว่าร่างกายของนางจะเจ็บปวดเพียงใด พร้อมทั้งเหวี่ยงดาบเล่มยาวไปที่หลูมู่หยานอีกครั้ง แต่คราวนี้เซงรูเรียนรู้ที่ใช้ความฉลาดในการใช้กลพิทักษ์ที่หลูมู่หยานเคยได้ใช้ไปเมื่อครู่

หลูมู่หยานเยาะเย้ยเหยียดหยันเซงรูว่า ‘เจ้ามันโง่ ไม่แปลกใจที่ถูกกู่ยันรันหลอกใช้’

หลูมู่หยานใช้หลัวยานบูโดยตรงเพื่อหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และพุ่งไปที่ด้านข้างของเซงรูแล้วคว้าตัวเอาไว้ทำให้ดาบของเซงรูหล่นร่วงลงพื้น จากนั้นจับข้อมือของเซงรูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างตบเข้าที่ใบหน้าของเซงรูทันที

เพียะ!

ทุกคนต่างรู้สึกเจ็บปวดแทนตอนที่เห็นหลูมู่หยานตบไปที่ใบหน้าของเซงรู ด้วยมือซ้ายทีขวาที

ฉีอี้ซวนเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไปกันใหญ่ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพร้อมกับเอ่ยพูดอย่างเย็นชาว่า

“หลูมู่หยาน เจ้าได้พอแล้ว”

หลูมู่หยานรู้สึกว่าการถูกทิ้งเป็นสิ่งที่ทำกันได้ง่าย ๆ เห็นได้จากการที่พลังของนางจากที่เคยมีมากมายราวกับผู้มีวิชาจนมาถึงตอนนี้ที่ไม่ต่างอะไรกับพวกขยะไร้ค่า เดือนที่ผ่านมานอกจากความกังวลเกี่ยวกับครอบครัวแล้วยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกเสียใจมาก ๆ นั่นก็คือเซงรูที่เริ่มคิดจะกำจัดนาง แต่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถึงขนาดทำให้นางต้องมารู้สึกหดหู่ใจ แต่ฉีอี้ซวน ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันสามารถทำให้นางหยุดได้ ทำไมกันนะ?

แม้ว่านางจะได้รับอารมณ์ความรู้สึกจากร่างเดิมมา แต่นางก็ยังสามารถบังคับให้ละทิ้งความรักอันแรงกล้าที่ไม่ได้เป็นของนางได้ หลูมู่หยานมองไปทางฉีอี้ซวนโดยตรงอย่างไม่มีความกลัวเกรงและตบเซงรูอีกครั้ง

“พัฟ! อี้ซวน หลูมู่หยานไม่ไว้หน้าเจ้าเลย น่าสนใจจริง” ดวงตาของหยุนจินเหมือนดอกพีชที่เบ่งบานแสดงความรู้สึกสนุกสนาน วันนี้เขารู้สึกว่าหลูมู่หยานเปลี่ยนไปตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันจะน่าสนใจขนาดนี้

ใบหน้าของฉีอี้ซวนเปลี่ยนเป็นสีดำ และเอ่ยพูดอย่างหมดความอดทน “หลูมู่หยาน อย่าทำแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากข้า ปล่อยเซงรูไปซะ!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวเริ่มลุกโชนในใจหลูมู่หยานให้โหมกระหน่ำมากขึ้น นางหยุดการกระทำทุกสิ่งชั่วคราว

ผู้คนในบริเวณนั้นต่างพากันคิดว่าหลูมู่หยานจะปล่อยเซงรูเพื่อขอโทษฉีอี้ซวน นางเหลือบสายตามองไล่เขาตั้งแต่หัวจรดเท้า และพูดด้วยความเหยียดหยามว่า “เจ้าคาดหวังอะไรกับต้นหอมนี่กัน ดูมันสิ ตอนนี้เขาไม่สนใจจะเล่นกับนางด้วยซ้ำ ดูตัวเองเอาเถอะ ว่าต้องเปลือยทั้งอก สะโพก บั้นท้ายอะไรต่อมิอะไร และหนุ่มหล่อเสื้อม่วงคนนั้นก็ไม่ได้ยืนข้าง ๆ นางหรอก ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าตาบอดหรือเปล่าที่เห็นเจ้า”

คำพูดของนางทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตกใจไปตาม ๆ กัน อะไรคือการเปลือยอก ต้องการแต่ไม่มีบั้นท้าย? แล้วผู้ชายจะต้องการไปทำไม? มันมีคำอธิบายอะไรหรือไม่? หรือนี่จะเป็นเพียงการดูหมิ่นฉีอี้ซวน?!

"ฮ่าฮ่า..." หยุนจินอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเรื่องตลกของฉีอี้ซวน ตอนนี้ในใจเขามีความสุขมาก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย

เขามีความสุขมากในใจและยิ้มอย่างพอใจ เมื่อมองไปที่หลูมู่หยาน เขาก็พอใจเช่นกัน

ใบหน้าของฉีอี้ซวนเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าร่างกายของเขากลับปล่อยไอเย็นออกมา เขาไม่คิดว่าหลูมู่หยานที่เคยเชื่อฟังเขาจะหักหลังเขาด้วยวิธีนี้ ฉีอี้ซวนรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงงี่เง่าคนนี้ แต่ภายในใจของเขาไม่พอใจอย่างมากที่หลูมู่หยานมีท่าทีกับเขาแบบนี้

กู่ยันรันหัวเราะเยาะเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าหลูมู่หยานนั้นโง่เง่าแค่ไหนที่จะใช้วิธีนี้เรียกร้องความสนใจจากฉีอี้ซวน ขยะแบบนี้มีแต่จะผลักให้เขาออกไปมากกว่า

ส่วนกู่ยันรันพูดกับหลูมู่หยานด้วยท่าทางที่แสดงความยุติธรรม “หลูมู่หยาน เจ้าทำเกินไป เซงรูไม่ได้ทำร้ายเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงทำให้นางขายหน้าขนาดนี้?”

หลูมู่หยานหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมออกมาเช็ดมือของนาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู่ยันรันพร้อมกับยิ้มเยาะติดตลกและเอ่ยขึ้นว่า “เจ็บไหมที่เห็นดาบของนางแทงเข้าที่หน้าอกข้า? ตั้งแต่เจ้าและเซงรูเป็นเพื่อนสนิทกันมา ทำไมไม่ออกมาและหยุดมันตอนที่ข้ากำลังทำ แต่กลับรอให้มันจบแล้วค่อยออกมาขอความเป็นธรรมเนี่ยนะ? มันสายไปหน่อยนะ แล้วยิ่งกว่านั้น เรื่องของผู้หญิงคนนี้กลับกลายเป็นเรื่องของเจ้าเหรอ อะไร? เจ้าเป็นคนแบบไหนกัน?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลูมู่หยาน เซงรูเงยหน้าและมองทางกู่ยันรัน นางฉายร่องรอยของความโกรธแค้นออกมาทางแววตา

กู่ยันรันไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับหลูมู่หยานหลังจากที่ไม่พบกันเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน นอกจากความคิดที่ว่านางดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้วนั้น นางยังดูฉลาด จัดการกับความอับอายขายหน้าที่ได้รับจากเซงรูได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังผลักความขัดแย้งมาที่ตัวนางได้อีก

นางไม่กลัวว่าเซงรูจะเกลียดนาง แต่เพราะนางยังต้องการผู้หญิงโง่ ๆ คนนี้มาทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังเพื่อทำในสิ่งที่นางไม่สามารถทำได้อย่างออกนอกหน้า

“หลูมู่หยาน เจ้ามีเหตุผลที่จะทำร้ายใครแบบนี้หรือ ข้าไม่ได้ห้ามเพราะว่าเห็นอี้ซวนบอกให้หยุดหรอกนะ แต่ใครจะคิดว่าวันนี้เจ้าจะกล้าตบหน้านาง”

กู่ยันรันพูดด้วยเสียงเบา ๆ อย่างกระอักกระอ่วน ราวกับกำลังคิดอะไรเกี่ยวกับหลูมู่หยานอยู่อย่างนั้น “ถ้าข้าหยุด ข้าจะทำร้ายเจ้าโดยไม่ตั้งใจ และข้าก็จะทำร้ายความสามัคคีของครอบครัวหลู ในเวลานั้น ซึ่งผลลัพธ์นั้นร้ายแรงมาก”

หลูมู่เหยียนเยาะยิ้ม หญิงคนนี้ดูเป็นคนที่จริจัง นางชี้นิ้วใส่อีกครั้ง พร้อมกับประโยคสั้น ๆ เพียงไม่กี่คำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด