ตอนที่แล้วตอนที่ 60 เที่ยวหอปี้อวี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 ชายเจ้าชู้หญิงรัก ฟ้าอุ้มสม

ตอนที่ 61 ถูกตามใจจนเสียคน


ตอนที่ 61 ถูกตามใจจนเสียคน

  

“เสี่ยวอวิ๋นอยู่ที่ใด?”

  

เมื่อมองไปที่ลานบ้านเงียบสงบ เฟิ่งหลวนจึงขมวดคิ้วสงสัย

  

หลังจากที่นางรู้สึกดีขึ้นแล้ว นางจึงอยากอธิบายเหตุการณ์เมื่อวานให้เสี่ยวอวิ๋นฟัง แต่ไม่นึกว่าเสี่ยวอวิ๋นจะไม่อยู่ที่บ้าน

  

เพราะตามนิสัยของเสี่ยวอวิ๋น หากเวลานี้ไม่นอนอยู่ห้องแล้วยังจะทำอะไรได้อีก?

  

เฟิ่งหลวนจึงไปสอบถามศิษย์น้องสามและสี่ แม้แต่ฉู่อินยังไม่ลืมที่จะถาม แต่กลับไม่พบร่องรอยของฉินอวิ๋นจึงทำให้นางรู้สึกกังวลขึ้นมา

  

แม้ว่านางได้ทิ้งความคิดศักดิ์สิทธิ์ไว้กับเขาแล้ว แต่ถ้าเสี่ยวอวิ๋นเลอะเลือนจนทำเกินกว่าเหตุแล้วซูอันใช้โอกาสนี้โจมตีอีกครั้ง เกรงว่านางอาจไม่สามารถช่วยเขาได้ทัน

ในจังหวะนี้มีศิษย์ของนิกายเทียนสุ่ยสองคนกำลังเดินมาในระยะไม่ไกลนัก

  

“นี่ เจ้าคงยังไม่รู้สินะ ศิษย์อาเล็กลงจากภูเขาเพื่อไปเล่นสนุกแหละ”

  

“เล่นสนุกหรือ สนุกแบบใด?”

  

“ก็สนุกแบบนั้นไงเล่า”

  

“ฮะ สนุกแบบนั้น?!”

  

“ก็ใช่น่ะสิ สนุกแบบนั้น”

  

“แล้วเจ้าได้ยินมาจากใคร?”

“ไม่มีใครเล่าให้ข้าฟังหรอก แต่เมื่อเช้านี้ข้าเป็นเวรเฝ้าประตูใหญ่ ข้าเห็นฉินอวิ๋นลงจากภูเขาเองกับตาและเขายังพึมพำประมาณว่าศิษย์พี่หญิงหลายคนมองได้แต่สัมผัสไม่ได้ ตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว จึงอยากไปที่ตรอกซันเสี่ยเพื่อเล่นสนุกและระบายความหงุดหงิด”

“อ่า ศิษย์อาเล็กฉินเป็นคนแบบนี้เอง!”

“ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าคนเดียว เจ้าอย่าไปบอกใครอีกล่ะ!” ศิษย์เฝ้าประตูใหญ่เตือนและเน้นย้ำ

  

“จริงหรือ? บอกสิ่งที่เจ้าได้ยินมาโดยละเอียดอีกที” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นข้างหลัง เป็นเฟิ่งหลวนที่ยืนอยู่

  

ศิษย์พี่หญิงของฉินอวิ๋นอีกสองคนที่กำลังมาหาเฟิ่งหลวนก็ได้ยินเช่นกันและเดินมาหาสานุศิษย์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

  

ผู้อาวุโสทั้งสามรายล้อมศิษย์ทั้งสอง สีหน้าทุกคนดำคล้ำเหมือนก้นหม้อ

  

“อ่า! ผู้อาวุโสเฟิ่ง” ศิษย์เฝ้าประตูหลักแสดงสีหน้าขมขื่นและบอกเล่าทุกสิ่งที่ตนได้ยินโดยไม่ปิดบัง

  

เพียงไม่นานเฟิ่งหลวนได้เข้าใจสถานการณ์และกำชับศิษย์ทั้งสองคนว่าอย่าพูดออกไปอีก

  

จากนั้นกระแสแสงสามสายบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้าของนิกายเทียนสุ่ย

  

เมื่ออาวุโสทั้งสามออกไปแล้ว สานุศิษย์จึงเห็นว่าทั้งสามมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น พวกนางได้แสดงรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา จากนั้นประกายแสงลึกลับสว่างวาบในดวงตาของพวกนาง

  

ทันใดนั้นทั้งสองคนชะงัก เมื่อหันมองหน้ากันแล้วเกิดความสับสนมึนงงอยู่นาน

  

“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

  

แต่มีความทรงจำที่ถูกกำหนดไว้แล้วปรากฏขึ้นในใจ มันคือภาพตอนที่นางเห็นฉินอวิ๋นเดินออกจากประตูหลักและผู้อาวุโสหลายคนมาได้ยินวีรกรรมของฉินอวิ๋น พวกนางยังจำได้ชัดเจน

  

เพียงแต่แสงลึกลับในส่วนลึกของดวงตานั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  ……

ในห้องส่วนตัวของหอปี้อวี้ ฉินอวิ๋นกำลังเพลิดเพลินกับสวรรค์บนดิน

  

กำยานหอมลอยแตะจมูกของเขา ทำให้จิตใจเหม่อลอยและไม่อยากคิดอะไรอีก

  

เมื่อเทียบกับความกังวลต่างๆ ในนิกายเทียนสุ่ย ตอนนี้เขาแค่อยากนอนพักผ่อนในชนบทที่สงบแห่งนี้ และรู้สึกเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตนมากกว่า

แม่นางทุกคนมีจิตใจอ่อนหวาน พวกนางพูดจาไพเราะช่างเอาใจ ทำให้เขาชอบที่นี่มาก

  

ส่วนซูอันคนนั้น แย่มาก แย่ไปหมด

  

“นายท่าน ให้ข้าน้อยรับใช้ท่านนะ” บัดนี้เสียงของเสี่ยวกังดังขึ้น

  

ฉินอวิ๋นไม่ได้ตระหนักในสิ่งใดเช่นกัน

  

เพราะในบรรยากาศเช่นนี้ ร่างกายของเขาผ่อนคลายผิดปกติ จิตใจก็ว่างเปล่าและความรู้สึกระแวดระวังภัยลดลงสุดขีด

  

ไม่ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น

  

ทันใดนั้น...

โครม!

  

ทั้งประตูและผนังพังราบ ฝุ่นควันกระจายลอยคลุ้ง ปรากฏสตรีสามคนมองเข้ามาในห้อง พวกนางกวาดตามองภาพทั้งหมดในห้อง

  

“?”

  

“!”

  

“เสี่ยวอวิ๋น!!!” เฟิ่งหลวนมองฉินอวิ๋นด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

  

นัยน์ตาคู่หนึ่งที่งดงามราวกับฤดูใบไม้ร่วงกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึง

  

ศิษน์น้องเล็กของนางกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร...!

“ศิษน์น้องเล็ก เจ้า...”

  

หากจะเรียนรู้การเที่ยวหอนางโลมนั้นไม่ว่า แต่กลับเรียกหญิงนางโลมหลายคนในครั้งเดียว มิหนำซ้ำยังไม่เลือกหน้า?!

  

พฤติกรรมที่ไร้ยางอายเช่นนี้ทำให้เฟิ่งหลวนรู้สึกไม่สบายใจมาก

  

“ศิษย์พี่!” ฉินอวิ๋นอ้าปากตาค้าง พวกศิษย์พี่หาสถานที่นี้เจอได้อย่างไร?

  

แล้วรู้เรื่องของเขาได้อย่างไรด้วย

  

“ศิษย์พี่ พวกท่านฟังข้าอธิบายก่อน!” เขาไม่สนใจเรื่องใดอีกและลุกขึ้นทันทีเพื่ออธิบายให้บรรดาศิษย์พี่เข้าใจ

  

แต่เขาอาจลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพใด จึงกลายเป็นว่าเขากำลังเดินไปหาพวกเฟิ่งหลวนด้วยสายตาและ ‘สภาพ’ ที่มากตัณหา

  

ในสายตาของพวกเฟิ่งหลวนคือใบหน้าของฉินอวิ๋นดูไม่สำนึกผิด แต่ยังเผยให้เห็นความยินดีด้วย

  

“แหวะ!”

  

“น่ารังเกียจ!”

  

ศิษย์พี่สามและสี่เห็นภาพนี้แล้วทนไม่ไหว พวกนางรีบหันหลังเดินออกจากหอปี้อวี้

  

เฟิ่งหลวนระงับอาการคลื่นไส้และเงื้อมือตบหน้าฉินอวิ๋นไปหนึ่งฉาด จากนั้นใช้พลังเวทเรียกผ้าห่มบนเตียงมาห่อกายฉินอวิ๋นเอาไว้

  

“ศิษย์พี่ ข้า...” ฉินอวิ๋นมองเฟิ่งหลวนด้วยสายตาสับสน

  

“หุบปาก แล้วกลับไปพร้อมข้า!”

  

พลังเวทที่ระเบิดออกมาเข้าห่อหุ้มฉินอวิ๋นไว้ลวกๆ จากนั้นเฟิ่งหลวนพาเขาบินไปยังนิกายเทียนสุ่ยด้วยความเร็วแสง

  

ครั้งนี้ความเร็วสูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

  

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานบ้านของฉินอวิ๋น

  

เฟิ่งหลวนสะบัดมือแล้วโยนฉินอวิ๋นเข้าไปในลานบ้านด้วยความรังเกียจ จากนั้นนางกลายเป็นกระแสแสงแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

  

ฉินอวิ๋นมีสายตาตัดพ้อต่อว่า “ข้า ข้า ข้าเจ็บนะ...”

เขานั่งอยู่บนพื้นพลางยกมือทุบหน้าอกและดีดเท้า อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

  

เขาทำบ้าอะไรลงไป!

  

เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?

  

“ซูอัน!”

  

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูอัน เขาเดินไปที่เขตย่อยเพราะโกรธซูอันและตอนนั้นเองที่เขาถูกไอ้คนอัปลักษณ์ล่อลวง

  

ทั้งหมดเป็นความผิดของซูอัน!

  

“ซูอัน เจ้าสมควรตาย!”

  

ซูอัน “...”

  

[คะแนนตัวร้าย+…]

  ……

เฟิ่งหลวนกลับไปที่ห้องและพยายามสงบสติอารมณ์

  

“เสี่ยวอวิ๋น...กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร” นางรู้สึกเศร้าและสับสน

  

เมื่อก่อนเสี่ยวอวิ๋นเป็นเด็กดีมากจริงๆ แค่เกียจคร้านไปหน่อยเท่านั้น

  

แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น

  

การที่เขาไปใช้บริการทางเพศแบบนั้นเพิ่งจะถูกพวกนางค้นพบ แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำไปกี่ครั้งแล้ว

  

หลังจากที่เขาถูกพวกนางจับได้ ยังกล้ามองพวกนางด้วยสายตามากตัณหาอีก

  

เขายังเห็นศิษย์พี่เช่นพวกนางอยู่ในสายตาหรือเปล่า?

  

เมื่อนึกถึง ‘สีหน้าแบบนั้น’ ของฉินอวิ๋น การที่เขากล้าหลอกนาง เขาใส่ร้ายซูอันและมีพฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ

  

ไม่มีร่องรอยของความบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งเคยดำรงอยู่ และเป็นการยากที่จะบอกว่าเนื้อแท้ของเขาเป็นเช่นไรกันแน่ อาจเป็นไปได้ว่าพฤติกรรมเหลวไหลของเขามีการเปลี่ยนแปลงตั้งนานแล้ว อาจมีสัญญาณของมันนานแล้วแต่นางแค่ไม่สังเกตเห็น

  

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ แม้แต่พฤติกรรมของฉินอวิ๋นตอนมีเรื่องที่ตลาดครั้งนั้นก็เพิ่งรู้สึกว่าแปลกไป

ความสงสัยก็เหมือนเมล็ดพันธุ์พืช เมื่อหว่านแล้วมันจะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ

  

“บางทีข้าไม่ควรตามใจเขามากเกินไปอีก” เฟิ่งหลวนนึกถึงการดูแลเป็นพิเศษที่นางมอบให้กับฉินอวิ๋น และทันใดนั้นก็ตระหนักได้...

  

อาจเป็นเพราะพวกนางปฏิบัติต่อฉินอวิ๋นดีเกินไปจนเขาถูกชักนำให้หลงทางได้ง่าย

  ……

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ฉินอวิ๋นเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพราะเขาไม่กล้าที่จะออกมา

  

ไม่มีศิษย์พี่หญิงคนใดมาเยี่ยมเขาเลย

  

จนถึงวันนี้ เมื่อพระอาทิตย์กำลังตกดิน ทันใดนั้นฉินอวิ๋นลุกขึ้นจากเตียงที่เขานอนอยู่หลายวัน

  

“ข้าจะมัวนอนอยู่แบบนี้ไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้แล้วซูอันได้สมหวังแน่!” เขากำหมัดแน่นพลางเอ่ย