ตอนที่ 32 วิชาผนึกเสียง(ฟรี)
มีคำบอกเล่าในยุทธภพ ผู้บ่มเพาะของเมืองหลวงคือสนามเด็กเล่นสำหรับยอดฝีมือชั้นรอง ยอดฝีมือชั้นแรกจะไม่ค่อยมาเมืองหลวงเพราะถ้าพวกเขาเจอปัญหา พวกเขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย มันเหมือนโคลนที่เปื้อนเท้า ไม่ว่าจะอธิบายยังไง ก็ยังเปื้อน ดังนั้น พวกเขาจึงเลี่ยงเมืองหลวง
แต่ ยอดฝีมือชั้นรองชอบเมืองหลวง มันคือที่ที่ได้สร้างชื่อ วีรบุรุษหนุ่มกับสตรีหลายคนจากด้านนอกประตูมาเมืองหลวงเพื่อสร้างชื่อให้ตนเอง และในเมื่อมมันอยู่ใต้เท้าของจักรพรรดิ เลยไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาที่นี่ ต่อให้ยอดฝีมือจากสำนักมาร พวกเขาก็ยังไม่กล้าคนสุ่มสี่สุ่มห้า
ดังนั้น แม้ยอดฝีมือชั้นรองในเมืองหลวงอาจสร้างความวุ่นวาย คนตายก็หายาก นี่คือสิ่งที่ทำให้เมืองหลวงปลอดถีย ทุกคนเข้าสู่ยุทธภพเพื่อหาชื่อเสียง ไม่ใช่นำชีวิตไปเปื้อนเลือด
เหลียวกงคือศิษย์ของเส้าหลิน เขาเติบโตจากยอดฝีมือขั้นหกโดยการทะลวงผ่านค่ายกล18มนุษย์ทองแดงของวัดเส้าหลิน ชีวิตบนภูเขายาก การเป็นนักดาบเร่ร่อนหลังลงเขาสบายกว่าเยอะ!ทำผิดให้ถูก ตอบแทนความเมตตา นี่ดีกว่าการท่องพระคัมภีร์บนเขาตั้งเยอะ?
ใต้เขา มีนักรบสาวใจอ่อนเต็มไปหมด!เพลิดเพลินตากว่าการมองหัวล้านๆของศิษย์พี่เป็นไหนๆ
หัวใจของเหลียวกงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อยากจะเลิกเป็นพระ เขาพำนักในห้องของวัด วัดนี้คือวัดที่รุ่งเรืองสุดในเมืองหลวง ในฐานะศิษย์ของสำนักพุทธ ศิษย์เส้าหลินที่เข้าเมืองหลวงจะพักที่นี่
เหลียวกงก็ไม่เว้น อีกเหตุผลที่เขาปฏิเสธจะกลับสู่ชีวิตปุถุชนเพราะค่าเช่าในเมืองหลวงสูงไป ในฐานะพระ เขาสามารถอยู่ในวัดได้ฟรี แต่ถ้าเลิกเป็นพระ เขาจะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเอง สำหรับคนเช่นเขา ที่ใช้เงินเหมือนน้ำทุกวัน เงินไม่พอ
เหลียวกงนอนบนเตียง ครุ่นคิดเรื่องการเลิกเป็นพระ ทันใดนั้น เงาก็แวบผ่านหน้าต่าง
‘ใคร?”
เหลียวกงคือยอดฝีมือขั้นหก เขาสัมผัสได้ว่ามีคนแอบเข้ามา! มีฝีมือ!
เหลียวกงพิจารณาว่าเขาไม่ได้ตอแยใคร เขานั่งและหยิบไม้พลองข้างเตียง นี่คืออาวุธเขา หนึ่งใน72ยอดวิชาของวัดเส้าหลินที่เหลียวกงฝึก ‘พลองกำราบมาร’
แต่พอเหลียวกงหยิบพลอง ประตูก็โดนผลักเปิดโดยลม เหลียวกงระแวงและเด้งตัว ผสานทั้งตัวด้วยพลังปราณ! สำแดงพลองกำราบมารทันที
นี่คือวิชาพลองที่เหลียวกงใช้เพื่อทำลายผ่านค่ายกล 18 มนุษย์ทองแดง!เหลียวกงมั่นใจมากว่าท่ามกลางคนระดับเดียวกัน เขาโดดเด่น การก้าวเข้าสู่ระดับนี้ก่อนวัยสามสิบทำให้เขามีความหวังที่จะก้าวสู่นักรบขั้นสามในอนาคต!แม้กระทั่งศิษย์พี่ของเขาที่ดูแลค่ายกลมนุษย์ทองแดงก็ยังบอกว่าเขามีพรสวรรค์
แต่สิ่งที่เหลียวกงไม่คิดคือเงานี้ปะทะกับไม้พลองเขาโดยตรง
“รนหาที่ตาย!’เหลียวกงผสานพลังลงพลอง เขาจินตนาการฉากศัตรูโดนซัด แต่หลังปราณอัดเข้าไป ศัตรูก็ยังไม่ขยับ
เกิดอะไรขึ้น?ร่างสวมหน้ากากนี้เปลี่ยนมือขวาเป็นกรงเล็บอินทรีและโจมตีใส่หัวของเหลียวกง ความเย็นวิ่งลงกระดูกสันหลัง!เหลียวกงรู้สึกเย็นไปทั่วตัวและตระหนักว่าเขาไม่อาจต้านทานกรงเล็บนี้ได้ เขาจึงพยายามหลบ
แต่ ด้วยความแปลกใจ ฝ่ามือของศัตรูกลับบิดในมุมประหลาด คว้าไหล่ของเหลียวกง
“อา!’เหลียวกงอุทาน เวลานี้ เขาไม่สนใจศักดิ์ศรีอีก หลังแลกเปลี่ยนกระบวนท่า เขาก็รู้ว่าศัตรูเหนือกว่า แม้กระทั่งตอนเจอกับค่ายกลของวัดเส้าหลิน เขาก็ไม่กลัวแบบนี้!
เหลียวกงนึกถึงเจ้าอาวาดของวัดเส้าหลิน แรงกดดันในเวลานี้ทำให้เขาลืมความเจ็บปวดที่ไหล่ มียอดฝีมือมากมายในวัดหลักแห่งนี้ ตราบเท่าที่เขาสามารถดึงดูดคนมาได้ เขาจะรอด
รอก่อน เกิดอะไรขึ้น?เหลียวกงพลันตระหนักว่าแม้เขาจะเปิดปาก เขาก็ไม่อาจส่งเสียงได้ เขาตะโกนต่อ แต่ก็ยังไม่อาจส่งเสียง ความคิดบ้าบอผุดในหัวของเขา หรือคนตรงหน้าเขาจะเป็นยอดฝีมือขั้นหนึ่ง?
“วิชาผนึกเสียง’ นี่คือวิชาที่ทุกคนในยุทธภพรู้ หลักการนั้นง่าย ใช้พลังปราณเพื่อควบคุมการสั่นของอากาศโดนรอบ ป้องกันเสียงไม่ให้กระจาย แต่มีเพียงยอดฝีมือขั้นหนึ่งถึงใช้ได้
ยอดฝีมือขั้นหนึ่ง!เหลียวกงกลัวจนเกือบฉี่ราด ในทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน มีปรมาจารย์แค่สี่คนและนักรบขั้นหนึ่ง 22 คน เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินคือหนึ่งในนั้น!เหลียงกงรู้สึกงงว่าเขาไปทำอะไรให้ยอดฝีมือขั้นหนึ่งต้องออกโรง?เขามีคุณสมบัติอะไร?
เหลียวกงอยากยอม แต่เขาโดนจี้จุดอย่างรวดเร็ว จากนั้น เหลียวกงก็เห็นร่างด้านหน้าเขาควบแน่นผลึกน้ำแข็งในมือ จากนั้นก็ส่งผลึกน้ำแข็งเข้าตัวเหลียวกง ยอดฝีมือสวมหน้ากากปลดจุดให้เหลียวกงและพูด“เจ้าถูกผนึกชีวิตและความตายผนึกเข้าใส่แล้ว”
ผนึกชีวิตและความตาย?เหลียวกงอยากถามว่ามันคืออะไร แต่ก็พลันรู้สึกเหมือนมีมดคืบคลานในตัว ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายตัวมาก เขาพยายามเกา แต่ก็ไม่หาย
เหลียวกงเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร นี่คือยอดฝีมือจากสำนักมาร?แต่ ท่ามกลางยอดฝีมือขั้นหนึ่งของสำนักมาร ไม่ว่าจะเป็นจอมมารเลือดหรือมารสวรรค์ ทั้งหมดคือสัตว์ประหลาดกระหายเลือด ไม่มีทางจะปล่อยให้คนที่พบเจอรอด แล้วนี่เป็นใคร?