ตอนที่ 29 มันเป็นความรู้สึกแบบไหน
หลังจากที่ ผู้อำนวยการหลิว และหลิง ซีเอ๋อร์ ออกไป สถานที่นี้ก็ดูเงียบสงบลงไปมาก
เย่เฉิน หันไปกล่าวอำลากับ ไป๋ ฮันเยียน
หลังจากนั้น เย่เฉิน และหยาง เสวียหมิน รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างมุ่งหน้าเดินเข้าไปยังบริษัท อี้หลิน
เหลือเพียง ไป๋ ฮันเยียน ที่ยืนงงอยู่ตรงนั้น
โดยเธอกำลังมองไปยัง เย่เฉิน ที่เดินจากไปไกล ไป๋ ฮันเยียน เวลานี้ยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เย่เฉิน ประธานบริษัทคนใหม่?”
ในใจของ ไป๋ ฮันเยียน ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ทันที
เมื่อครู่เธอกลับเข้าใจผิด และคิดไปว่าประธานคนใหม่ของบริษัทเป็นแค่บัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานนี้เอง?
ยิ่งคิด.. เธอก็ยิ่งรู้สึกว่า ช่างน่าอายจริงๆ
แถมเธอยังไปขอร้อง หลิง ซีเอ๋อร์ เพื่อท่านประธานอีก
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ถ้าไม่มีเธอ เย่เฉิน ก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย และอาจจะไม่เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
เธอเนี่ยทำไมถึงช่างโง่ได้ขนาดนี้?
อีกด้านหนึ่ง ในห้องประชุมของบริษัท อี้หลิน
เย่เฉิน นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหน้าสุด พร้อมกับใบหน้าที่ดูเย็นชากวาดตามองไปที่ทุกคน
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่านั้นต่างก็ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร บรรยากาศตอนนี้เงียบสงัด ดูน่าอึดอัดมาก
หัวใจของผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ต่างกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ พวกเขารู้สึกเป็นกังวลมาก
ประธานเย่ มาถึงแล้ว แต่กระบวนการต่างๆ กลับไม่เป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนเอาไว้
เรื่องราวสิ่งต่างๆ มันมักจะเกินความคาดหมายเสมอ
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รู้จักกับ ประธานเย่ ในลักษณะนี้
น่าอายจริงๆ
“อะแฮ่ม”
เย่เฉิน ที่นั่งอยู่ด้านหน้า แสร้งไอขึ้นเบาๆ
ถัดจากนั้น บรรดาผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างก็เงยหน้าขึ้นอย่างกังวล
“ผมไม่ต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดขึ้นอีกในบริษัท อี้หลิน ของเรา”
เย่เฉิน กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
ตอนนี้ในฐานะประธานของบริษัท เย่เฉิน ย่อมไม่สามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยท่าทีของนักศึกษาได้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น..เมื่อครู่ เย่เฉิน ก็ไม่พอใจมาก ดังนั้นใบหน้าของเขาเวลานี้จึงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้ปรับตัวให้เข้ากับบทบาทของประธานแล้ว
“ประธานเย่ ผมขอรับรองกับคุณว่า จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนในอนาคต”
หยาง เสวียหมิน รีบกล่าวรับรองกับ เย่เฉิน
“ก่อนหน้านี้ผมไม่สนใจ แต่ตอนนี้ผมได้เข้ารับช่วงต่อบริษัทแล้ว.. และผมก็ไม่ต้องการให้มีผู้บริหารอย่าง ผู้อำนวยการหลิว อีก”
เย่เฉิน มองไปรอบๆ แล้วพลางกล่าวต่อ
“ถ้าในหมู่พวกคุณมีคนแบบนั้น ผมหวังว่าคุณจะปรับปรุงตัว หรือไม่ก็ลาออกไปเอง”
“ถ้าผมพบเจอ ..ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
หลังจากได้ยินคำพูดของ เย่เฉิน ผู้บริหารระดับสูงต่างก็พยักหน้าซ้ำๆ
“บริษัทต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับ ผู้อำนวยการหลิว จะถูกไล่ออกทั้งหมด”
เย่เฉิน กล่าวเสริม
“ผมจะสั่งการลงไปทันที และจะตรวจสอบอย่างละเอียดแน่นอนครับ”
หยาง เสวียหมิน เป็นผู้นำในการตอบ
เย่เฉิน กล่าวอะไรเพิ่มเติมต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ออกจากห้องประชุม
หลังจากนั้น เย่เฉิน ภายใต้การนำของ หยาง เสวียหมิน เขาก็ได้มาถึงห้องทำงานของประธาน
ห้องทำงานของประธานบริษัท อี้หลิน เป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ตำแหน่งดีที่สุด และตกแต่งอย่างหรูหราที่สุดในบริษัท
เย่เฉิน นั่งลงในห้องทำงาน ฟัง หยาง เสวียหมิน รายงานงานบางอย่าง
หลังจากรายงานเสร็จ หยาง เสวียหมิน ก็ออกไปจัดการกับสิ่งที่ เย่เฉิน สั่งในห้องประชุมเมื่อครู่
ในห้องทำงานที่ใหญ่โต เหลือเพียง เย่เฉิน แค่คนเดียว
เย่เฉิน ลุกขึ้นเดินไปทั่วห้องทำงาน สุดท้ายก็หยุดยืนที่หน้าต่างบานใหญ่ มองดูความเจริญรุ่งเรืองในระยะไกล
ขณะนี้ ในใจ เย่เฉิน เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้
บางที..นี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่อำนาจนำพามา
หากเมื่อคุณได้สัมผัสแล้ว …จะประทับใจจนลืมไม่ลง และอาจเผลอหลงใหล แล้วจมหายลงไปกับมัน…
ตอนนี้ ภายใต้เท้าของเขาคือบริษัท อี้หลิน ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน
เขาหวังว่าในอีกไม่กี่ปี บริษัทที่อยู่ภายใต้เท้าของเขาจะกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายแสนล้าน หรือแม้กระทั่งล้านล้าน!
ตอนนี้ ทรัพย์สินของ เย่เฉิน มีเพียง 500 ล้านเท่านั้น
แต่ เย่เฉิน เชื่อว่า ด้วยเกม [ด้วยเงินเดือนแค่สามพัน ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้] และด้วยความพยายามของตัวเขาเอง
การที่ทรัพย์สินของเขาจะเกินหนึ่งพันล้าน หรือเกินหนึ่งหมื่นล้าน และกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเจียงโจว, มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในประเทศ หรือแม้กระทั่งของโลก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
หากสักวันหนึ่ง เขาสามารถกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ยืนอยู่ในห้องทำงานของประธานกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความรู้สึกนี้นั้นมัน ..จะเป็นเช่นไรกันนะ?
พอถึงตอนนั้นมันจะมีความรู้สึกเหงาเพราะไม่มีใครเทียบเทียมได้ ..หรือไม่?
ความรู้สึกในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น เย่เฉิน จินตนาการไม่ออก
ในเมื่อจินตนาการไม่ออก เย่เฉิน จึงตัดสินใจที่จะลองสัมผัสมันด้วยตัวเอง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเวลาก็มาถึงเที่ยงวัน
เย่เฉิน โทรหา ไป๋ ฮันเยียน แล้วตรงไปยังร้านช่างหรานจู เย่เฉิน เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารมื้อนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณเล็กน้อย
ช่างหรานจู เป็นร้านอาหารของตัวเอง ดังนั้นการที่ เย่เฉิน ต้องการมาทานข้าว แน่นอนว่าต้องเลือกที่นี่ และรสชาติอาหารที่ ช่างหรานจู ก็ยังถือได้ว่า ..ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
ยี่สิบนาทีต่อมา เย่เฉิน และไป๋ ฮันเยียน ก็มาถึง..ช่างหรานจู