ตอนที่แล้วตอนที่ 42 จริงคือเท็จ เท็จคือจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 44 หัวใจ

ตอนที่ 43 เธอเคยมาที่นี่?!


"พวกเรา... จะกลายเป็นแบบนั้น?! แต่พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!" จูเหมียวเซียวรู้สึกสับสนมึนงง ยิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของพี่เฟยและหญิงขี้นินทามากขึ้นเท่าไหร่เธอยิ่งรับไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น

"ที่แห่งนี้มีผีและเทพเจ้ารวมกันสามร้อยหกสิบห้าตน แต่มีเพียงเทพแห่งเลือดและเนื้อเท่านั้นที่ได้รับความรักอย่างเปิดเผย เมื่อเวลาผ่านไปอิทธิพลของมันย่อมเปลี่ยนแปลงผู้ที่อยู่อาศัยทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ยายเซินหยิบอ่างทองแดงออกมา "มันสามารถทําให้ความคิดที่มืดมนและซ่อนเร้นที่สุดของพวกเธอมีชีวิตขึ้นมาผ่านร่างกายของพวกเธอเอง น้ำในอ่างนี้จะทําหน้าที่เป็นกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงตัวตนในอนาคตที่เป็นไปได้ของพวกเธอ"

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจูเหมียวเซียวเดินไปที่ขอบอ่างทองแดง ก่อนก้มหน้ามองลงไปบนผิวน้ำ

ยันต์ที่เผาไหม้ตกลงไปในอ่างทองแดง ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่บิดเบือดภาพสะท้อนของจูเหมียวเซียว นิมิตที่น่าขนลุกปรากฏขึ้น! ศพที่ไหม้เกรียมสองศพค่อยๆงอกออกมาจากไหล่ซ้ายและขวาของเธอ ราวกับเป็นเป็นส่วนหนึ่งของเธออย่างแยกไม่ออก

เมื่อจูเหมียวเซียวเห็นนิมิตที่น่าสยดสยองนี้ เธอกลับไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมา แต่กลับแสดงความเจ็บปวดแทน

ดวงตาของเธอแดงก่ำ น้ําตาคลอเบ้า "พ่อ... แม่..."

ไฟที่น่าเศร้าในวัยเด็กของจูเหมียวเซียวได้พรากทุกอย่างไป โดยเฉพาะพ่อแม่ของเธอ ความปรารถนาและความเศร้าโศกที่ฝังลึกไว้ในหัวใจของเธอ ถูกแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านพลังแห่งเลือดและเนื้อ

"เชื่อในสิ่งที่เห็นเถอะ นั่นแหละคือคำตอบ" ยายเซินแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อจูเหมียวเซียว เธอเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม ก่อนเผายันต์สีเหลืองอีกจำนวนหนึ่งแล้วโยนลงในอ่างทองแดง โบกมือให้เกาหมิงเดินเข้ามา

ความจริงเกาหมิงก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ว่าเขาจะกลายเป็นตัวอะไร จึงเดินไปที่อ่างอย่างเงียบๆ

เมื่อเศษขี้เถ้าของกระดาษกระทบกับน้ำ ภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เลือดซึมออกมาจากก้นอ่าง ค่อยๆเปลี่ยนน้ำทั้งอ่างให้กลายเป็นสีแดงเข้มของเลือด!

"ปัง!"

อ่างทองแดงถูกพลิกคว่ำด้วยพลังบางอย่าง เลือดสาดกระเด็นไปทั่วห้องปกคลุมเครื่องปั่นดินเผามากมาย ยายเซินเผยสีหน้าตกใจจ้องหน้าเกาหมิง ดวงตาของเธอม้วนกลับเผยให้เห็นแค่ดวงตาสีขาว เลือดไหลออกมาจากดวงตาอาบแก้มของเธอ ทันใดนั้นเธอยกมือขึ้นชี้ไปทางเกาหมิง "เธอเคยมาที่นี่?!"

"ใช่ เมื่อเช้าผมแวะมาที่นี่" เกาหมิงรู้สึงมึนงงเล็กน้อย ตอบออกไปอย่างใสซื่อ

"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" ยายเซินตอบโต้ เธอขยับตัวออกห่างจากเกาหมิง ขณะที่ดึงตัวจูเหมียวเซียวมาไว้ด้านข้างเพื่อปกป้องเธอ "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมพิธีกรรมบูชาเทพแห่งเลือดและเนื้อ!"

"เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพบพิธีกรรมแปลกๆแบบนี้" เกาหมิงประท้วง งุนงงกับข้อกล่าวหาของยายเซินอย่างชัดเจน เข้าไม่เข้าใจจริงว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น

"คุณยาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเรารู้เรื่องพวกนี้จริงๆ" จูเหมียวเซียวพูดแทรก งุนงงไม่แพ้กันกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้

"ไม่ผิดแน่นอน" ยายเซินยืนยันหนักแน่น ดวงตาสีขาวที่น่าสังเวชของเธอจ้องตรงไปที่เกาหมิง "เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับซิตูอัน"

"ซิตูอัน? อ้อชิตูอันคนนั้น เขาเป็นรองประธานสหพันธ์การกุศลฮั่นไห่ ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไง ถึงผมจะรู้จักเขา แต่เขาไม่มีทางรู้จักผมแน่" เกาหมิงอธิบาย ใครบ้างไม่รู้จักรองประธานชิตูอัน ชายผู้ออกทีวีและข่าวอยู่เป็นประจำ ทั้งคู่อยู่ในแวดวงสังคมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จูเหมียวเซียวพยายามอธิบายเพิ่มเพื่อช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ "เดิมทีอพาร์ทเมนท์ซือสุ่ย ถูกสร้างขึ้นโดยสมาคมการกุศลฮั่นไห้ มีเป้าหมายเพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยในเขตตะวันออก แต่โครงการกลับถูกยกเลิกกระทันหันหลังจากสร้างได้เพียงแค่สี่หลัง" เธอพยายามนึกถึงข้อมูลทั้งหมดที่มี "แม้อพาร์ทเมนท์ซือสุ่ยจะขึ้นชื่อเรื่องปัญหามากมาย แต่ก็ไม่เคยพบเหตุการณ์ที่รุนแรงอะไร ที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่ชิตูอันเข้าร่วมสมาคม ทุกๆปีจะเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวขึ้นที่นี่"

'เป็นไปได้ไหมที่เขาใช้อำนาจของสมาคมเพื่อเลี้ยงผีจำนวนมากที่นี่?' เกาหมิงรู้สึกใจสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สมาคมการกุศลฮั่นไห่สนับสนุนผู้ยากไร้อยู่เป็นประจําทุกปี ผู้ผักอาศัยส่วนใหญ่ของอพาร์ทเมนท์ซือสุ่ยก็อยู่ในขอบเขตของความช่วยเหลือนั้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ชายชราโจวจี๋ที่พวกเขาพบเจอก่อนหน้านี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้รับผลประโยชน์

หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เกาหมิงเงยหน้าขึ้นมองยายเซิน "คุณเคยเห็นชิตูอันมาที่นี่ไหม?"

"ใช่เขามาที่นี่ เขาเหมือนกับเธอ สวมสร้อยข้อมือสีดําและมีลมหายใจของนางฟ้าสีเลือดบนร่างกายของเขา" ทันใดนั้นเธอก็หัวเราะ "มีผู้บูชาสองคน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอด!"

'ดูเหมือนเธอจะเกลียดเทพแห่งเลือดและเนื้อ? หรือเป็นเพราะความเชื่อที่แตกต่างกัน' เกาหมิงซึ่งเป็นจิตแพทย์มาหลายปี สามารถจับสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลายอย่างของเธอ "ถ้าผมสามารถทำลายพิธีกรรมบูเทพแห่งเลือดและเนื้อได้หรือแม่แต่ฆ่ามัน คุณจะเชื่อใจผมไหม"

"เทพเจ้าไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ นี่เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือเปล่า!" ยายเซินโต้กลับ รอยยิ้มของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่าขนลุก "แต่แน่นอนเธอสามารถฆ่าชิตูอันได้ เพราะถ้าเธอไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าเธออยู่ดี"

"แล้วคุณรู้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน" เกาหมิงสงสัยมานานแล้วว่ามีคนทรยศภายในองค์กร ตอนนี้ความสงสัยของเขาได้รับการยืนยันแล้ว เมื่อยายเซินบอกว่าเธอเห็นชิตูอันสวมสายรัดข้อมือสีดำของศูนย์ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูน่าสงสัยเป็นพิเศษ

เธอแนะนำเกาหมิง "เธอสามารถไปตรวจสอบที่ตลาดผีชั้นเก้าอาคารเอได้"

เกาหมิงเดินออกไป จูเหมียวเซียวต้องการตามไปเช่นกัน แต่เธอกลับถูกยายเซินหยุดไว้ "เธอจะตายถ้าตามเขาไป แม้แต่ผีเธอก็ไม่สามารถเป็นได้" หญิงชราลังเลก่อนยื่นเครื่องรางให้จูเหมียวเซียว "เก็บยันต์สามใบนี้ไว้ให้ดี ติดตัวไว้เสมอ หากเขากินเนื้อและร่างถูกเทพยึดครอง จงใช้ยันต์พวกนี้แปะที่ขวานแล้วฆ่าเขาสะ"

"แต่คุณยายเขาไม่ใช่คนเลวจริงๆนะ" จูเหมียวเซียวไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

เธอจับมือจูเหมียวเซียวไว้ เสียงของเธอจริงจัง "จำให้ขึ้นใจ เครื่องรางพวกนี้ไม่สามารถฆ่าเทพเจ้าได้ แต่สามารถฆ่าผู้บูชาได้" เธอบีบมือแน่นขึ้น "ผีกินคน คนกินเนื้อ เนื้อกินผี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในอาคารนี้คือเนื้อและเลือด! จำไว้ว่าคนที่กินเนื้อและเลือดจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป"

ยันต์สามแผ่นที่หญิงชรามอบให้นั้นเป็นสีแดงสดจนน่าตกใจ ราวกับว่าเพิ่งนำไปจุ่มในเลือดมา พวกมันดูเหมือนจะเต้นเป็นจังหวะด้วยออร่าแห่งการสังหาร ให้ความรู้สึกถึงจุดประสงค์ร้ายมากกว่าดี

"เธอจะต้องฆ่าเขา ไม่อย่างนั้นพวกเธอทั้งคู่จะต้องเสียใจ" ยายเซินปล่อยมือของเธอและมองไปที่แผ่นหลังของเกาหมิง 'หุ่นข้อนข้างดีไม่ผอมไม่อ้วน กระดูกสมส่วน เหมาะจะเป็นภาชนะที่ดี'

เธอมองต่อไปจนกระทั่งประตูถูกปิดลง

เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของสถานการณ์ จูเหมียวเซียวไม่ได้เก็บความลับใดๆต่อเกาหมิง และบอกให้เขาทราบทันทีเกี่ยวกับยันต์สังหารทั้งสามแผ่น

"เก็บไว้ให้ดี ถ้าชิตูอันเป็นคนทรยศจริงๆ คุณจะต้องใช้มันฆ่าเขา" เกาหมิงไว้ใจจูเหมียวเซียวเป็นอย่างมาก ไม่ลังเลใจเลยที่จะให้เธอเป็นคนเก็บไว้ "เหตุการณ์ตอนนี้อันตรายกว่าที่ผ่านมามาก กฎของที่นี่ดูบิดเบี้ยวกว่าปกติ ตอนนี้ผีไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราต้องกลัวด้วยซ้ำ!"

แม้ว่าเกาหมิงจะมีคำถามอีกมากมายในใจ แต่หลังจากที่เธอสังเกตุเห็นถึงอิทธิพลจากเทพแห่งเลือดและเนื้อบนตัวเขา ทัศนคติของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

เกาหมิงไม่มีทางเลือก เขาจึงพาจูเหมียวเซียวไปสำรวจที่ชั้นเก้าก่อน

ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงชั้นเก้า บรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป

กลิ่นเลือดตลบอบอวลไปทั่่ว เครื่องแบบเจ้าหน้าที่จำนวนมากถูกฉีกทิ้งอยู่ตามมุมต่างๆ เลือดสดๆยังคงหยดลงมาจากตามเสื้อผ้าและผนัง

เจ้าหน้าที่จํานวนมากเข้ามาในอาคาร แต่เกาหมิงไม่พบพวกเขาเลย ราวกับว่าพวกเขาเหล่านั้นถูก'กลืนกิน'ไปทั้งหมดแล้ว

จูเหมียวเซียวซึ่งถือขวานอยู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอเป็นเพียงนักผจญเพลิงและไม่เคยเห็นฉากนองเลือดเช่นนี้มาก่อน

"ตามผมมาใกล้ๆ" เกาหมิงกระซิบเตือนเธอ "ที่นี่ไม่ปลอดภัย"

ไม่มีประตูบานใดบนชั้นเก้าถูกล็อค คราบเลือดเปื้อนลูกบิดประตู การสังหารหมู่ที่น่ากลัวเคยเกิดขึ้นที่นี่ เกาหมิงเดินตามรอยคราบเลือดบนพื้นจนมาถึงสุดทางเดินอาคารบี

เขายืนอยู่หน้าทางเชื่อมที่ทอดจากอาคารบีไปยังอาคารเอด้วยหัวใจที่เต้นแรง

ทางเชื่อมที่มีความยาวไม่ถึงสิบเมตร เกือบจะถูกย้อมด้วยเลือดจากพื้นถึงเพดาน เพียงแค่มองไปที่คราบเลือดเหล่านั้นเกาหมิงก็สามารถจินตนาการถึงฉากที่น่ากลัวได้อย่างคร่าวๆ

เจ้าหน้าที่จำนวนมากพยายามหลบหนีจากความน่าสะพรึงกลัวของอาคารเอ จนมาถึงอาคารบี พวกเขาเลือกที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องบนชั้นเก้านี้ แต่สุดท้ายก็โดนพบตัวก่อนถูกลากกลับไปอย่างสิ้นหวัง

รอยมือทุกรอยในคราบเลือดเป็นสัญญาณของการต่อสู้ ราวบันไดที่ผิดรูปแต่ละอันแสดงถึงเจตจํานงของผู้ที่ต้องการจะเอาชีวิตรอดและความกลัวความตาย

"นี่อาจจะเป็นตลาดผีที่ยายเซินพูดถึง?" เกาหมิงสงสัย เสียงของเขาแต่งแต้มด้วยความหวาดกลัว

ฉากอันน่าสยดสยองครอบงําพวกเขา ในขณะที่พวกเขาลังเล ในทางเดินที่มืดมิดบนชั้นเก้าอาคารเอนั้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทและความกระหายเลือดเปิดขึ้นอย่างช้าๆ รับรู้ได้ถึงความกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากตัวเกาหมิงและจูเหมียวเซียว

ในความเงียบที่น่าขนลุก เงานั้นเริ่มขยับ รองเท้าบูทก้าวออกมา ตามมาด้วยร่างๆหนึ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อกันฝนที่ฉีกขาด สีเดิมของเสื้อกันฝนไม่สามารถมองออกได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยเลือดที่แห้งกรัง

"เขาเป็นคนที่ฆ่าเจ้าหน้าที่คนอื่นหรือเปล่า?" เกาหมิงกระซิบมองร่างนั้นอย่างระแวดระวัง

เมื่อร่างนั้นก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น ปีกเสื้อกันฝนก็ตกลงมาเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าของชายที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ ไป๋เสี่ยว! ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือด สีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและบ้าคลั่งผสมกัน ลักษณะภายนอกของเขาแทบจะจําไม่ได้ ดวงตาของเขามีเลือดไหลเป็นทางยาว

มือที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อกันฝนก็ค่อยๆโผล่ออกมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นมีดสับกระดูกขนาดใหญ่สองเล่มที่ดูน่ากลัวส่องแสงระยิบระยับใต้แสงสลัว วิธีที่ไป๋เสี่ยวเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าวิกลจริตนั้น ทําให้หัวใจของเกาหมิงแทบหยุดเต้น ชวนให้นึกถึงฆาตกรเบื่องหลังคดีฆาตกรรมหมู่สองครอบครัวอันน่าสยดสยองที่เกาหมิงเคยเห็น

ความคล้ายคลึงกันในการแสดงออกของพวกเขา ความปวดร้าวอันบ้าคลั่ง ช่างโดดเด่นเสียนี่กระไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด