ตอนที่แล้วบทที่ 40 ผลเกล็ดมังกร!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ข้าจะจำนามของเจ้าไว้!

บทที่ 41 สำนักซวนหยวน


อ๊ะ!

ด้วยความรู้สึกตัวเบาอย่างกะทันหัน ทำให้หลัวเฉิงกอดแขนขวาของอวิ๋นเหมิงลี่แน่นโดยสัญชาตญาณความหวาดกลัว

กระแสลมแรงที่พัดเข้ามากระทบร่างและใบหน้าของหลัวเฉิง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

เขาค่อยๆ เบิกตาขึ้นทีละนิด ก่อนจะเห็นว่าภูเขาและป่าเบื้องล่างนั้นประหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

“นี่คือความรู้สึกของการบินบนอากาศงั้นหรือ!”

แม้เขาจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยก่อนหน้า แต่ตอนนี้หลัวเฉิงกลับมีอารมณ์ตื่นเต้นอย่างมาก

การเหินบนอากาศและการท่องยุทธภพเป็นความใฝ่ฝันของนักยุทธ์ทุกคน แม้แต่เขาเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้นเกี่ยวกับเรื่องนั้น

“ว่ากันว่า ผู้ใดก็ตามที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเขตแดนลึกลับ คนผู้นั้นจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ในระยะเวลาสั้นๆ และวันหนึ่งข้าก็จะสามารถโบยบินได้อย่างอิสระ!”

หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง ก่อนทอดสายตามองไปยังอวิ๋นเหมิงลี่ที่อยู่ด้านข้างขณะนี้

อวิ๋นเหมิงลี่สวมอาภรณ์สีขาว แม้นอยู่ใต้ผืนแพรก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าเรือนร่างนั้นงดงามและเรียบเนียนเพียงใด เอวของนางคอดกิ่วและนุ่มนวลมิต่างจากเรียวมือแม้แต่น้อย ผิวพรรณนางผุดผ่องนวลใย ใสดุจหยกและขาวดั่งหิมะในเหมันต์ฤดู

เรือนร่างของนางมีกลิ่นหอมจางๆ อันทรงเสน่ห์ของหญิงสาว ราวกับกลิ่นของมวลบุปผาที่สะพรั่งบาน แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่ก็ยังมีภาพเงาจางๆ เล็ดลอดออกมาพอให้เห็น ว่าใบหน้าของนางนั้นงดงามมากเพียงใด

“อายุของนางคงไม่ได้มากกว่าข้านัก แต่นางกลับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในขั้นเขตแดนลึกลับแล้ว ไม่ก็แข็งแกร่งกว่านั้นด้วยซ้ำ…”

หลังได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ หลัวเฉิงก็รู้สึกสะเทือนใจใช่น้อย เมืองฉีซานนั้นแคบเกินไปหากเทียบกับโลกภายนอก ต่อให้เขาจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองฉีซาน ก็มิอาจทัดเทียมกับอัจฉริยะภายนอกได้แม้แต่น้อย!

ด้วยเหตุนี้ หลัวเฉิงจึงมีความคิดที่จะออกจากเมืองฉีซาน เพื่อไปแสวงหาความแข็งแกร่งภายนอก

หากอาศัยอยู่ที่เมืองฉีซานไปตลอด เขาคงจะกลายเป็นเพียงกบที่มองท้องฟ้าจากก้นบ่อ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถเอาชนะจีหยวนเฮ่าได้

ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ หลัวเฉิงก็พลันสังเกตเห็นว่า หุบเขาบริเวณด้านล่างนี้ช่างคุ้นตายิ่งนัก

“เจ้าช่วยหยุดตรงป่าข้างหน้าได้หรือไม่?”

ทันทีที่หลัวเฉิงจำได้ว่าบริเวณป่าแถบนี้ คือจุดที่เขาโยนชิ้นส่วนสัตว์อสูรไว้ จึงได้กล่าวกับอวิ๋นเหมิงลี่เพื่อให้นางร่อนลงตรงนั้น

อวิ๋นเหมิงลี่พยักหน้าอย่างไม่ลังเล แล้วบินลงไปราวกับนกที่โฉบจากบนฟ้า

“โชคดีนะที่มันยังอยู่!”

หลัวเฉิงเห็นหีบชิ้นส่วนสัตว์อสูรที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ แล้วรีบวิ่งเข้าไปทันที

แต่ขณะที่หลัวเฉิงกำลังวิ่งไปตรงพุ่มไม้ที่มีหีบของเขาอยู่

จู่ๆ เงาขนาดใหญ่ก็กระโดดพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ อย่างกะทันหัน

มันคือหมาป่ายักษ์ที่มีเขี้ยวยาวแหลมคมสองเล่ม!

หมาป่ายักษ์ตัวนั้นมีความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ทิศทางของมันขณะนี้กำลังพุ่งตรงไปที่หลัวเฉิง

โดยรับรู้ว่าพื้นที่ส่วนนี้ยังเป็นตอนกลางของหุบเขาเมฆาทมิฬ หลัวเฉิงจึงคอยระวังตัวอยู่เสมอ เมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของหมาป่าขนาดยักษ์ เขาก็พลันไหวตัวทันที

“สะท้านขุนเขา!”

ด้วยสัญชาตญาณการโต้ตอบอย่างกะทันหัน หลัวเฉิงพลิกตัวกลับมาแล้วชกหมัดออกไปอย่างรุนแรง

เพลงหมัดสยบภูผาของเขาขณะนี้ได้ฝึกฝนจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว กระบวนท่าของเขาจึงรุนแรงและพริ้วไหวราวกับเมฆที่เลื่อนลอยบนท้องนภา

ทันทีที่เสียงปะทะดังขึ้น หลัวเฉิงก็ถูกผลักออกไปเกือบสามสิบฉื่อ ส่วนทางด้านของหมาป่ายักษ์ก็ถูกบังคับให้ล่าถอยไปเกือบสามจั้ง

ขณะที่หมาป่ายักษ์หันตัวกลับมา แล้วกำลังจะโจมเข้าใส่หลัวเฉิงอีกครั้ง

ฉัวะ!

ทันใดนั้น ประกายแสงสีครามก็ตัดผ่านร่างของหมาป่ายักษ์ตัวนั้นจนขาดออกเป็นสองท่อน ทำให้เลือดสาดกระเซ็นปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณทันที

อวิ๋นเหมิงลี่รีบปรี่เข้ามาแล้วมองหลัวเฉิง ขณะนี้ดวงตาอันสดใสของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าอยู่ในขั้นหลอมกายาจริงงั้นหรือ?”

ไม่ผิดที่อวิ๋นเหมิงลี่จะรู้สึกประหลาดใจเช่นนั้น เนื่องจากหมาป่ายักษ์เมื่อครู่นี้เป็นหมาป่าเขี้ยวดาบระดับต่ำสองดาว ซึ่งมีพลังเทียบเท่ากับขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ช่วงต้น

หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาธรรมดาทั่วไป ไม่มีทางที่จะสามารถรับการโจมตีของมันได้!

แต่ทว่า หลัวเฉิงผู้นี้กลับสามารถสกัดการโจมตีของมันได้ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!

หลัวเฉิงพยักหน้าตอบรับ

อวิ๋นเหมิงลี่ก้าวเข้าไปหาหลัวเฉิง แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “การที่เจ้าสามารถชกหมาป่าเขี้ยวดาบจนกระเด็นออกไปได้ และยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขั้นหลอมกายา... หรือว่าเจ้าจะอยู่ในขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอด?”

“มิผิด”

หลัวเฉิงพยักหน้าพลางกล่าวตอบรับ

ทันทีที่นางได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของอวิ๋นเหมิงลี่ก็กะพริบปริบ แม้นว่านางจะเคยเห็นอัจฉริยะมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหลอมกายาได้สำเร็จ

ซึ่งผู้ที่สามารถอยู่ในขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอดนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีฐานันดรที่สูงศักดิ์ และได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเยาว์ พร้อมกับใช้พลังของโอสถวิญญาณจำนวนมาก แต่ดูไปแล้วหลัวเฉิงผู้นี้กลับดูธรรมดายิ่ง

“การที่เจ้าเข้ามายังหุบเขาเมฆาทมิฬโดยลำพัง แสดงว่าเจ้าต้องมาจากเมืองใกล้เคียงนี้แน่ หากดูจากอายุของเจ้าแล้วคงยังไม่ได้เข้าร่วมสำนักใด เช่นนั้นเจ้าสนใจจะเข้าร่วมสำนักซวนหยวนของข้าหรือไม่” อวิ๋นเหมิงลี่รีบเอ่ยถามทันที

สำนักซวนหยวนงั้นหรือ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด