บทที่ 28 ต่อให้ใช้เพลงใหม่ก็ไร้ประโยชน์!!
บทที่ 28 ต่อให้ใช้เพลงใหม่ก็ไร้ประโยชน์!!
คนที่เดินออกมานั้น แน่นอนว่าต้องเป็นซูชิงเหม่ย
เธอสวมชุดเดรสยาวสายเดี่ยวสีขาวลายจุด สายเดี่ยวกว้างเพียงครึ่งนิ้วเผยให้เห็นไหล่ที่ขาวเนียนและบอบบาง มองลึกลงไป ยังเห็นกระดูกไหปลาร้ารรูปทรงงดงามได้ลางๆ
กระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้างมีส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบ ราวกับเป็นชามหยกใบน้อยที่สามารถบรรจุน้ำได้ถึงสองชาม
รูปร่างของซูชิงเหม่ยไม่ได้ดูเซ็กซี่มากเกินไป แต่เส้นโค้งเว้าที่ช่วงอกของเธอนั้นได้รูปกำลังพอดี ไม่ได้แบนราบจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ดูใหญ่โตจนดูน่าหมิ่นเหม่
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุดก็คือเรียวขาคู่นั้น ชายกระโปรงชุดเดรสของเธอสูงเหนือเข่าขึ้นมาสองสามนิ้ว ซูชิงเหม่ยไม่ได้สวมถุงน่อง เรียวขายาวเนียนได้รูปของเธอจึงเผยให้เห็นอย่างเต็มตาต่อสายตาของทุกคน
ภายใต้แสงไฟจากเพดานของทางเดิน ขาเรียวงามคู่นั้นเปล่งประกายราวกับเครื่องลายครามที่สมบูรณ์แบบ ไร้ซึ่งตำหนิ
ทีมงานและผู้ติดตามของศิลปินคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณทางเดิน รวมถึงทีมงานรายการต่างก็มองตาค้าง พวกเขาเคยเห็นดาราคนดังมากมาย แต่ในแง่ของรูปลักษณ์แทบจะไม่มีใครเลยที่โดดเด่นไปกว่าซูชิงเหม่ย
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ความงามที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกเสริมด้วยออร่าที่เย็นชาของเธอ พลังทำลายล้างนี้น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน
ตอนนี้อยู่ในช่วงกลางเดือนของเดือนกันยา อากาศในสตาร์ซิตี้ค่อนข้างร้อน อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในสถานีสตาร์ซิตี้ทีวีถูกปรับไว้ต่ำมาก และมีลมเย็นค่อนข้างแรง
หลินโจวเห็นขาเรียวยาวของซูชิงเหม่ยที่ไม่ได้สวมถุงน่อง พลันนึกขึ้นได้ว่าร่างกายของเธอเพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่นาน เขาจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเองที่สวมไว้ด้านนอก เดินไปข้างหน้าซูชิงเหม่ย โน้มตัวแล้วผูกเสื้อไว้ที่เอวของเธอ ปิดบังขาเรียวยาวคู่นั้นไว้
ซูชิงเหม่ยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเล็กน้อง ส่วนโจวหยุนก็นิ่งอึ้งไป มองดูภาพตรงหน้าด้วยความสับสน
หลินโจวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆกับซูชิงเหม่ยว่า: "สวมไว้ก่อน ระวังอย่างให้เป็นหวัดก่อนขึ้นเวที"
จางหงมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีคนจำนวนมากที่จ้องมองมาทางนี้ด้วยความสนใจ เธอจึงรีบกล่าวเร่งเร้า: “ไปเถอะ ใกล้จะถึงเวลาเริ่มบันทึกรายการแล้ว”
ซูชิงเหม่ยก้มหน้ามองเสื้อเชิ้ตที่ผูกไว้รอบเอวของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบมองไปยังหลินโจว แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า จากนั้นทั้งสี่คนก็รีบเดินไปยังห้องบันทึกรายการทันที
ในรอบนี้ ทางรายการได้ผ่อนปรนข้อบังคับเกี่ยวกับผู้ติดตามของเหล่าศิลปินมากขึ้น ทำให้หลินโจวสามารถติดตามเข้าไปดูการแสดงสดของซูชิงเหม่ยในห้องส่งได้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องยืนอยู่ที่มุมหนึ่งที่ด้านล่างของเวที มองจากด้านข้าง ไม่สามารถปรากฏตัวในกล้องได้
ประมาณเก้าโมงเช้า เหล่าศิลปินทุกคนต่างก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว รายการเริ่มการบันทึกเทป นักร้องทั้ง 7 คนต้องเข้าไปในห้องนักร้องก่อน ทักทายกันเล็กน้อง จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อรอเวลาขึ้นเวที
“พี่ชิงเหม่ย จะถอดเสื้อตัวนั้นออกก่อนไหม?”
ก่อนที่ซูชิงเหม่ยจะเดินเข้าไปในห้องของนักร้อง โจวหยุนชี้ไปที่เสื้อที่อยู่รอบเอวของเธอพร้อมเอ่ยเตือน
ซูชิงเหม่ยหยุดเดินแล้วหันไปมองหลินโจวแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร"
พูดจบเธอก็เดินเข้าห้องนักร้องไป
หลินโจวขึ้นถามว่า “เมื่อกี้ผมทำอะไรไม่เหมาะสมหรือเปล่า?”
เขาหมายถึงตอนที่เอาเสื้อของตัวเองไปผูกให้ซูชิงเหม่ยต่อหน้าผู้คนมากมายตรงทางเดิน ซึ่งดูเหมือนมันอาจจะดูไม่เหมาะสมอยู่เล็กน้อย
จางหงกล่าวว่า: "ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก พวกเราสะเพร่าเอง เสี่ยวหยุน คราวหน้าอย่าลืมเตรียมเสื้อคลุมไว้ด้วย"
“ได้ค่ะ พี่หง” โจวหยุนรับรับคำ ขณะเดียวกันก็หันไปขยิบตาให้หลินโจว พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความรอบคอบของเขา
คนทั้งสามเดินไปยังสตูดิโอบันทึกเทป โจวหยุนพูดขึ้นด้วยความกังวล: "ไม่รู้ว่าครั้งนี้พี่ชิงเหม่ยจะทำได้ดีไหม? เฮ้อ ถ้าต้องแพ้ให้เซิ่นเหยานั่นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเธอจะพูดจาเสียดสีอะไรอีก!"
จางหงถลึงตามองเธอไปทีหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า: "อยู่ข้างนอกใครเขาให้พูดเรื่องแบบนี้!"
โจวหยุนแลบลิ้นแล้วเงียบไปไม่กล้าพูดอะไรอีก ทั้งสามคนเดินเข้าไปในสตูดิโอบันทึกรายการ ยืนรอคอยอยู่ที่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ บริเวณดังกล่าวมีผู้จัดการ และผู้ช่วยของศิลปินยืนอยู่หลายคน เฉินจื่อเองก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเห็นจางหง เธอก็รีบเดินเข้ามาพร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม: “พี่จาง เซิ่นเหยาเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องที่พูดวันนั้นเธอไม่ได้มีเจตนาอะไร พี่อย่าถือสาเลยนะ”
เธอกำลังหมายถึงคำพูดพาดพิงของเซิ่นเหยาที่อ้างว่าซูชิงเหม่ยกดหัวเธอ ในตอนที่ประกาศผลการแข่งขันของอาทิตย์ที่แล้ว
เหมือนดังที่หลายคนเข้าใจ ผู้จัดการนั้นถือว่าเป็นทั้งนักการทูตและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ใส่ใจซูชิงเหม่ยอย่างจริงจังอีกต่อไป เป้าหมายของพวกเธอคืออันดับหนึ่งของรายการ แต่ก็ยังคงสามารถยิ้มรับทักทายกันอย่างเป็นมิตรและพูดคุยอย่างสุภาพกันได้
จางหงยังคงยิ้มและพูดว่า: "เราเข้าใจ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ตั้งใจร้องเพลงไปก็พอแล้ว"
เฉินจื่อหัวเราะออกมา: "ใช่ๆ พี่จางพูดถูกแล้ว ตั้งใจร้องเพลงให้ดีที่สุด เรื่องอื่นปล่อยให้ผู้ชมและกรรมการเป็นคนตัดสิน"
หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินจื่อก็เดินไปยังอีกด้าน โดยไม่แม้แต่จะมองหลินโจว ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
โจวหยุนบ่นอย่างไม่พอใจ: "แค่ครั้งเดียว ทำเป็นได้ใจไปได้"
จางหงเคาะหัวเธอเบาๆ เพื่อให้เธอเงียบ จากนั้นคนทั้งสามที่ยืนอยู่ที่มุมผนังก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผ่านไปสักพัก ไฟในห้องก็พลันดับลง กรรมการและผู้ชมทั้ง 500 คนก็เงียบลงเช่นกัน
พิธีกรขึ้นเวที กล่าวคำทักทายสั้นๆ กระตุ้นบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา ไม่นาน นักร้องคนแรกก็ขึ้นเวที
เฉิงหลินเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่โดดเด่นในด้านการแต่งเพลงมากกว่า ทักษะการร้องของเขาพอยอมรับได้
เพลงของเขามักมีความเศร้าเข้าถึงง่าย เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป ครั้งนี้เขาเลือกเพลงเก่าเพลงหนึ่งมาร้อง กระแสตอบรับจัดได้ว่าพอใช้ได้
หลังจากการแสดงจบลง ปฏิกิริยาของผู้ชมในห้องส่งค่อนข้างเงียบ โจวหยุนก็ถอนหายใจเบาๆ และพูดขึ้นว่า "คราวนี้มีคนอยู่รั้งท้ายตารางแล้วแล้ว อย่างน้อย พี่ชิงเหม่ยก็น่าจะอยู่อันดับ 6 "
หลินโจวยิ้มแล้วถามเธอว่า "เธอไม่มั่นใจในตัวคุณซูเลยหรือไง?"
โจวหยุนตอบว่า: "พี่หลิน ฉันไม่ค่อยมั่นใจกับเพลงใหม่นั่นต่างหาก คนอื่นเขาเลือกร้องเพลงเก่าคลาสสิคที่โด่งดัง แต่พี่ชิงเหม่ยกลับเลือกร้องเพลงที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน ฉันกลัวว่าผู้ชมจะไม่มีอารมณ์ร่วมมากเท่าไหร่!"
ต่อมานักร้องคนอื่นๆ ต่างก็ทยอยขึ้นแสดงบนเวทีไปตามลำดับ แต่ละคนล้วนทำได้ดีกว่าเฉิงหลิน เห็นได้ชัดว่านักร้อง-นักแต่งเพลงมักเสียเปรียบในการแข็งขันประเภทนี้
คนที่สี่ที่ขึ้นแสดงบนเวทีคือเซิ่นเหยา วันนี้เธอสวมชุดราตรีเปลือยหลังที่ดูเซ็กซี่เป็นพิเศษ ดึงดูดเสียงเชียร์อันล้นหลามจากผู้ชมทันทีที่ปรากฏตัว
เซิ่นเหยาโดดเด่นทั้งความงาม อายุยังน้อย มีความกล้าในการแต่งตัว จึงไม่แปลกที่จะดึงดูดสายตาผู้ชมได้เป็นอย่างดี
เธอเลือกร้องเพลงรักเศร้าคลาสสิกซึ่งคุ้นหูผู้ชมทุกคน หลายๆ คนต่างก็ฮัมเพลงตามกันได้
อย่างไรก็ตาม การหยิบเพลงเพลงคลาสสิกประเภทนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะการร้องให้เหนือกว่าต้นฉบับนั้นทำได้ยาก ดรณีของเซิ่นเหยาในตอนนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าเธอจะร้องได้ไร้ที่ติ แต่ก็ยังไม่ถือว่าโดดเด่น
ทว่าด้วยการแต่งกายที่เปิดเผยของเธอ เธอจึงยังคงได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมชายจำนวนมากขณะที่ก้าวลงจากเวที
จากนั้นพิธีกรผู้ดำเนินรายการก็ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อทุกคนด้วยรอยยิ้ม: “ศิลปินท่านต่อไปในวันนี้ มีความกล้าหาญมาก เพราะเธอกำลังจะนำเสนอผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดที่ทุกคนไม่เคยได้รับฟังมาก่อน!”
ผู้ชมต่างพากันประหลาดใจ การร้องเพลงใหม่บนเวทีรายการ "I Am a Singer" ถือเป็นการพนันที่เสี่ยงมาก
"เชิญพบกับศิลปินท่านต่อไปกันเลย!"
หลังจากที่พิธีกรเอ่ยคำแนะนำสั้นๆ เขาก็เดินลงจากเวที ทันใดนั้น แสงไฟในห้องก็ค่อยๆหรี่ลง เงาร่างเพรียวบางสูงสง่าก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางเวที
ด้วยส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบ ขาเรียวยาวที่ได้สัดส่วนนั้น ต่อให้ยังไม่เห็นใบหน้า แต่ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ซูชิงเหม่ย!”
“ซูชิงเหม่ย!”
“โอ้ววว ฉันรักขาคู่นั้น!”
แม้ว่าการแสดงในครั้งก่อนเธอจะทำได้ไม่ดี แต่กระแสความนิยมของเธอเทพธิดาแห่งวงการเพลงของเธอก็ยังคงอยู่ เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือจากแฟนๆ ดังกึกก้องไปทั่วทั้งฮอลล์
ซูชิงเหม่ยค่อยๆ เดินไปที่กลางเวที แสงไฟพลันสว่างขึ้น เผยให้เห็นร่างระหงในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวบริสุทธิ์ งดงามราวกับเอลฟ์ที่หลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซี เรือนร่างทุกสัดส่วนเปล่งประกายจนยากที่จะละสายตา
สีหน้าของเธอในวันนี้แตกต่างจากครั้งก่อนราวกับคนละคน เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและความมั่นใจ เสมือนเพชรน้ำงามที่หลุดพ้นจากฝุ่นผง พร้อมจะกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
"สวยมาก!" ผู้ชมต่างพากันจ้องมองด้วยความตกตะลึง
คิ้วของเฉินจื่อขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไม่รู้ทำไม แต่ภายในใจของเธอพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
ไม่นาน เสียงดนตรีบรรเลงก็ดังขึ้น