บทที่ 239 เอาแค่พอดี มิให้พอกระหาย
โอสถชาตชีวาอมตะ คือหนึ่งในบรรดาโอสถขั้นมหาสมบัติชั้นยอด ที่มีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บแลโรคทุกชนิด ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีอาการปางตายเท่าใด แต่ขอเพียงได้กลืนโอสถนี้ สุขภาพร่างกายก็จะเกือบเป็นปกติ กระทั่งหายขาดได้
ซึ่งโอสถชาตชีวาอมตะ มักถูกนำมาใช้ในการรักษามากที่สุดเพราะมีผลลัพธ์ของการสมานแผลภายในแลรักษาอันยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม แม้โอสถชาตชีวาอมตะระดับสูงที่มักพบได้บ่อย จะนานๆ ทีหาได้ไม่เกินยี่สิบถึงสามสิบเม็ดต่อปี ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถชาตชีวาอมตะระดับสูงสุดและระดับสวรรค์เลย ว่าจะเคยปรากฏมีหรือไม่
สำมะหาอะไรกับระดับนิรันดร์ สำหรับโอสถอันทรงเอกลักษณ์ด้วยคุณสมบัติล้นหลามเช่นนั้น ทั่วทั้งจักรวรรดิเทียนโต้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ปรากฏมาชั่วนาตาปีแล้ว
แต่หยางเสี่ยวเทียนกลับหยิบมันออกมามากกว่าร้อยเม็ดในคราวเดียว
มีโอสถชาตชีวาอมตะระดับนิรันดร์มากกว่าร้อยเม็ดตรงหน้าเขา หยางเสี่ยวเทียนได้มันมาจากไหนกัน
หรือมันอาจจะเป็น…
เมื่อคิดว่าโอสถชาตชีวาอมตะระดับนิรันดร์กว่าร้อยเม็ดเหล่านี้ อาจได้รับการหลอมโดยหยางเสี่ยวเทียน หัวใจเหล่ยจื่อและคนอื่นๆ จึงพานเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะอย่างตื่นตา
หากเขาสามารถหลอมโอสถระดับนิรันดร์ได้เช่นนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนมีหนึ่งในไฟประหลาดสิบอันดับแรกไว้ในครอบครอง
อย่างไรก็ตาม ไฟประหลาดสิบอันดับแรกล้วนแก่กล้า ไม่มีผู้ใดสามารถพิชิตมันได้แม้แต่วิญญาจารย์หรือกระทั่งองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนชางเสิน แล้วหยางเสี่ยวเทียนทำได้อย่างไร กำราบมันให้ยอมสยบต่อเขาได้อย่างไรกัน
พวกเขาทุกคนต่างเริ่มจินตนาการในหัว ว่าเขาจะใช้ทักษะและมีความแข็งแกร่งมากเท่าใด ถึงปราบไฟประหลาดสิบอันดับแรกได้
หลังปล่อยให้เหล่ยจื่อและคนอื่นๆ กลืนโอสถชาตชีวาอมตะเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็เดินเข้าไปภายในถ้ำ
เขาเดินสืบเท้าลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของถ้ำ เขาจึงเริ่มมองเห็นแสงสว่างเลื่อนลางกระทบยังผนังถ้ำ ซึ่งเป็นแสงสะท้อนจากบ่อส่วนหนึ่งของธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์
หยางเสี่ยวเทียนเร่งฝีเท้าเข้าหาแสงนั้น ก่อนจะพบว่าคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ครั้นมองดูธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ซึ่งอยู่ตรงหน้า หยางเสี่ยวเทียนก็เผยยิ้มอย่างสุขสำราญ
แม้บ่อของธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์นี้จะเล็กกว่าครั้งก่อน แต่ก็เพียงพอสำหรับเขากับตาเฒ่าเหยาติงได้ใช้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกแปลกใจ คือถ้ำทัณฑ์สวรรค์ในป่าพระจันทร์แดงมีพลังอำนาจแห่งภัยพิบัติจากสวรรค์หลงเหลืออยู่ แต่เหตุใดในถ้ำแห่งนี้ จึงไม่มีพลังหรือกลิ่นอายแรงกดดันจากความทุกข์ยากของสวรรค์เลย
“เพราะตำแหน่งที่ตั้งแลลักษณะภูมิอากาศของถ้ำทัณฑ์สวรรค์ในป่าพระจันทร์แดงนั้นพิเศษ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่พลังอำนาจแห่งภัยพิบัติจากสวรรค์จะสลายหายไปง่ายๆ”
“โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป พลังอำนาจแห่งภัยพิบัติจากสวรรค์จะค่อยๆ สลายหายไปตามกาลเวลา ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติ” เหยาติงอธิบาย
หยางเสี่ยวเทียนตระหนักได้ทันที
เหมือนเมื่อก่อน หยางเสี่ยวเทียนและเหยาติงแบ่งธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ตรงหน้าพวกเขากันคนละครึ่ง
“น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ระดับแรก” เหยาติงได้ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์แล้วทอดถอนหายใจ
“คงจะดีไม่น้อย หากเป็นระดับเก้า”
ทัณฑ์สวรรค์แบ่งออกเป็นหนึ่งถึงสามคือระดับต่ำ สี่ถึงหกคือระดับกลางและเจ็ดถึงเก้าคือระดับสูง เรียงตามความแข็งแกร็งของภัยพิบัติตั้งแต่ระดับหนึ่ง สอง สาม ไปจนถึงภัยพิบัติจากสวรรค์แกร่งสูงสุดระดับเก้า
ธารสายฟ้าที่เกิดจากทัณฑ์สวรรค์ระดับหนึ่ง เรียกว่า ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ระดับหนึ่ง แต่หากเป็นทัณฑ์สวรรค์ระดับสอง ผลลัพธ์ที่ได้จากการดื่มกินมัน กลับส่งผลเกินกว่าระดับแรกมากหลายเท่า
แต่หากเป็น ธารสายฟ้าที่เกิดจากทัณฑ์สวรรค์ระดับเก้า เพียงได้ดื่มมันแค่หยดเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์กระทั่งร่างกายให้แกร่งไปได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดของธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ระดับเก้า
“เอาแค่พอดี มิให้พอกระหาย” หยางเสี่ยวเทียนกล่าว “แม้นเป็นระดับหนึ่งก็ยังนับว่าดีมิใช่หรือ ระดับเก้าก็ใช่ว่าข้าจะไม่ต้องการ”
เหยาติงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้านั่นแหละ ที่ต้องพอดี ข้าไม่มีมันยังไม่เป็นไร ดีที่ได้แค่หนึ่งระดับ แต่หากข้ามีเพียงหนึ่งระดับ ข้าคงคิดถึงระดับสอง สาม สี่ ไม่ใช่จะข้ามไปหาระดับเก้าเลยเช่นเจ้า”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ภายภาคหน้า เจ้าลองสืบเรื่องเหล่านี้โดยรอบดู ว่าวิญญาจารย์ผู้ทรงพลังในพิภพนี้ ออกเดินทางไปที่ใดเพื่อเอาชนะภัยพิบัติในการก้าวขึ้นเป็นเทพของพวกเขา”
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในภายภาคหน้าเขาจำเป็นต้องสอบถามแลหาข้อมูลพวกนี้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง เพราะไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่ต้องการของล้ำค่าจากสวรรค์
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ หยางเสี่ยวเทียนก็เดินสำรวจไปรอบๆ พื้นที่อีกครั้ง ซึ่งหลังไม่พบสิ่งใดดีพอ เขาก็ออกจากถ้ำทันที
ครั้นออกมานอกถ้ำ เขาเห็นเหล่ยจื่อและคนอื่นๆ ยังคงนั่งเข้าฌานรอฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ หยางเสี่ยวเทียนจึงตัดสินใจนั่งสมาธิอยู่ข้างๆ พวกเขา
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามต่อมา เหล่ยจื่อและคนอื่นๆ ก็ตื่นลืมตาขึ้นมาทีละคน
ผลลัพธ์ของการกลืนโอสถชาตชีวาอมตะระดับนิรันดร์นั้น อยู่เหนือจินตนาการเหล่ยจื่อและคนอื่นๆ ไปมาก เพราะไม่กี่ถ้วยชาที่แล้ว ทรวงอกเหล่ยจื่อที่สาหัสจวนเกือบเสียหายโดยหยางเสี่ยวเทียน ไม่มีทีท่าว่าจะหายกลับมาดีได้ จนแทบสิ้นหวัง
แต่ด้วยภายใต้พลังของโอสถชาตชีวาอมตะระดับนิรันดร์ ทรวงอกที่กระดูกแทบพังเสียหายยากต่อการสมานต่อกัน มันคืนกลับปกติ ความรู้สึกเจ็บปวดก็พลันมลายและอวัยวะภายในก็ได้รับการฟื้นฟูจนหายดีแทบเป็นปลีดทิ้ง
แม้จะยังไม่ฟื้นตัวจนหายสนิท แต่อย่างน้อยทุกคนก็หายดีในระดับหนึ่งแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะหยางเสี่ยวเทียนช่วยออมมือด้วยส่วนหนึ่ง เพราะหากเขาไม่ยั้งมือรักษาพละกำลังขณะลงมือ มิเช่นนั้นแล้ว แม้จะมีโอสถชาตชีวาอมตะระดับนิรันดร์ให้กลืนเป็นสิบๆ เม็ด เหล่ยจื่อและคนอื่นๆ คงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้
“ท่านเจ้าตำหนักหยาง” เหล่ยจื่อพร้อมคนอื่นๆ ยืนขึ้น ก่อนสืบเท้าเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนและโค้งคำนับด้วยบริสุทธ์ใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับหยางเสี่ยวเทียนอีกครั้ง ทุกคนต่างทั้งเกลียด หวั่นกลัว ยำเกรงและเคารพนับถือเขา