บทที่ 237 ศิษย์ทุกคน พร้อมปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์!
จากเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อตั้งแต่เฉิงเซิ่งกระทั่งเหล่ยจื่อ ต่างมิมีศิษย์ผู้ใดแปลกใจเลยที่ใบหน้าเฉินไห่หลินจะเปลี่ยนเป็นพรั่นพรึงเช่นนั้น
เพราะแม้แต่กายสวรรค์ประทานอย่างกายแสงอัสนีของเหล่ยจื่อ ยังเกือบจะถูกทะลวงอกด้วยหมัดขาวอมชมพูเล็กๆ จากหยางเสี่ยวเทียน สำมะหาอะไรกับเขากันเล่า
การแสดงออกของเฉินไห่หลินไม่เพียงหวาดกลัวจวนขวัญเสียเท่านั้น แต่เขายังถอยกลับแทรกกายหายเข้าไปให้ฝูงชนบดบังตัว ประหนึ่งนี่เป็นวิธีเดียวที่ทำเขารู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนเห็นอากัปกิริยาขณะสีหน้าเฉินไห่หลินแสดงออกว่ายำเกรงเท่าใด เขาจึงกวาดสายตาเปลี่ยนไปยังเฉิงหวู่จากสำนักเสินไห่
หากไม่รวมเหล่ยจื่อ เติ้งอี้ชุนและเฉิงเซิ่งผู้แข็งแกร่งสุดในขณะนี้ เฉินไห่หลินกับเฉิงหวู่คือผู้ที่แกร่งรองลงมาจากสามอัจฉริยะนั่น
เฉิงหวู่เพลานี้ ก็มีท่าทีมิต่างจากเฉินไห่หลินเมื่อครู่เลยครั้นประสบกับดวงตาหยางเสี่ยวเทียน ที่เปลี่ยนมาจับจ้องยังตน เขาพลันสืบเท้าเบี่ยงตัวถอยกลับเข้าไปในกลุ่มศิษย์ทุกคน พร้อมหดตัวเล็กลงภาวนาให้หยางเสี่ยวเทียนไม่ทันเห็น
หยางเสี่ยวเทียนทอดถอนใจ ก่อนเหลือบมองศิษย์ทุกคนจากสำนักเสินไห่ สำนักยวินฮุยและสำนักเหล่ยถิงแล้วเปิดปากกล่าวอย่างน่าเหลือเชื่อ
“พวกเจ้าทุกคน ร่วมกันลงมือเสียเถอะ”
ลงมือพร้อมกันเลยงั้นหรือ!
หลังสิ้นวาจานั่นของหยางเสี่ยวเทียน บรรดาศิษย์จากสำนักหลักทั้งสามแห่งพลันผงะกายด้วยตื่นตะลึงทันที
เขารู้หรือไม่ ว่ามีศิษย์จากสำนักเหล่ยถิงอยู่ตรงนี้มากกว่าห้าสิบคน ศิษย์สำนักเสินไห่อีกห้าสิบคนและอีกกว่าเจ็ดสิบคนจากสำนักยวินฮุย
หยางเสี่ยวเทียนแน่ใจหรือ ที่ต้องการให้ทุกคนลงมือเข้าเผชิญหน้ากับเขาพร้อมกันทั้งหมดจริงงั้นหรือ
ศิษย์ทั้งสามสำนักหลักต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดคิดเคลื่อนไหวกระทำการสิ่งใด เพราะน้ำเสียงที่เขากล่าวล้วนมาดมั่นแลดูหนักแน่นบ่งบอกว่ามั่นใจในความแกร่งตน
หยางเสี่ยวเทียนกวาดสายตามองคนทุกผู้ที่เอาแต่ยืนนิ่งไร้ซึ่งทีท่าขยับเขยื้อน เขาส่ายศีรษะก่อนตันสินใจสืบเท้าเข้าหากลุ่มคนเบื้องหน้า ขณะสายตาพานจดจ้องไปยังเฉินไห่หลินเป็นคนแรก
ครั้นเฉินไห่หลินประสบกับสิ่งนี้อีกครั้ง ความหวั่นกลัวจึงผันเปลี่ยนเป็นกำลังฮึดสู้อย่างช่วยมิได้ ก่อนประกายแสงอันดุเดือดจะฉายวาวในดวงตาเขา
“ทุกคน ร่วมกันลงมือ พวกเรามีมากกว่าร้อยแปดสิบคน เป็นไปไม่ได้ที่วิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์มากกว่าสี่สิบคน จะสยบเขาเพียงผู้เดียวไม่ได้!”
จบประโยค ปราณแท้ในตันเถียนก็โคจรไหลเวียนไปทั่วกายหลังถูกกระตุ้นด้วยความหวัง วิญญาณยุทธ์พลันระเบิดเรียกออกมาเสียงดังสนั่น
พร้อมปรากฏร่างพยัคฆ์ดำสามตาโผล่ขึ้นลอยเบื้องหลังเฉินไห่หลินอย่างน่าตื่นตา
ศิษย์สำนักเหล่ยถิงทุกคน พร้อมปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์พวกเขาออกมาเช่นกัน แต่ละคนเริ่มโคจรปราณแท้ของตน ก่อนเสียงระเบิดและสีสันจากแสงวิญญาณยุทธ์จะสว่างไสวไปทั่วป่าทึบ
แรงกดดันจากกลิ่นอายบรรดาศิษย์สำนักเหล่ยถิงครั้นพวกเขารวมตัวกัน ความแกร่งของพลังจึงมิต่างกับสร้างพายุลูกใหญ่
เมื่อศิษย์สำนักยวินฮุยและสำนักเสินไห่เห็นสิ่งนี้ พวกก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเช่นกัน หลังโคจรปราณแท้
แสงสว่างจากวิญญาณยุทธ์มากกว่าร้อย ปรากฏขึ้นเหนือผืนป่าทึบ ด้วยพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ส่งผลให้กระแสลมแลสิ่งแวดล้อมโดยรอบพลันหยุดนิ่ง
ในเมื่อศิษย์ทุกคนจากสามสำนักหลักต่างเรียกวิญญาณยุทธ์ตนออกมาสู้ เต่าดำตัวใหญ่ยักษ์เท่าผืนดินแดนเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังหยางเสี่ยวเทียนเช่นกัน
มันคือวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่ของหยางเสี่ยวเทียน
แต่เมื่อวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่หยางเสี่ยวเทียนปรากฏ ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือพงไพร กลับยิ่งดำมืดกระทั่งปิดกั้นนภากาศยังแถบผืนป่านี้โดยสมบูรณ์
กระแสลมอันมืดมิดน่าสะพรั่นพรึงหมุนวนตลอดเวลา จนทุกคนเริ่มตื่นตระหนกพร้อมคอยเฝ้าระวังภัยซึ่งอาจกล้ำกรายเข้าใกล้ตน
การหลั่งไหลของกระแสลมอันดำมืด ยังคงท่วมท้นจนปกคลุมไปทั่วทั้งพงไพร
ดินแดนสัตว์อสูรเดิมทีก็มืดมนจนพานสยองกร้าวอยู่แล้ว แต่เมื่อวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่ของหยางเสี่ยวเทียนปรากฏขึ้น ภายในป่าทึบก็พลันดับสนิทกระทั่งสุ้มเสียงใดๆ พล่อยเงียบหายจนพลางขนลุกไปด้วย
ความรู้สึกบรรดาศิษย์จากสำนักหลักทั้งสามแห่ง มิต่างย่ำกรายเข้าสู่โลกมืด จู่ๆ เหมือนหูดับไปชั่วครู่แล้วอากาศยังพลันหนาวเย็นผิดปกติ
เหล่าศิษย์ทั้งสามสำนักต่างถอยกรูดด้วยความกลัว เมื่อความมืดมิดปกคลุมไปทั่วผืนป่า แรงลมก็พลางพัดผ่านส่งเสียงกึกก้อง
แต่สิ่งที่ทำให้ศิษย์ทั้งสามสำนักล้วนหวาดกลัวไปตามๆ กัน คือหลังจากวิญญาณยุทธ์เสวียนอู่ของหยางเสี่ยวเทียนปรากฏ วิญญาณยุทธ์พวกเขากลับสั่นสะท้านประหนึ่งเหล่าทาสรับใช้ได้เห็นราชาผู้สูงส่ง
เหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก ว่าการเปิดใช้งานวิญญาณยุทธ์เป็นเรื่องยากมากเพียงนี้
นี่คือสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เกิดสิ่งใดกับวิญญาณยุทธ์พวกนี้กัน ไฉนพวกมันไม่ยอมเชื่อฟังผู้เป็นนายอย่างพวกเขา
สายตาทุกคู่ พลางเหลือบมองยังเต่าดำขนาดใหญ่ยักษ์ ที่โผล่อยู่เบื้องหลังหยางเสี่ยวเทียนด้วยความน่าเกรงขาม
นี่คือกลิ่นอายของพลังอำนาจจากวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงอย่างเต่าดำมหาสมุทรหรือ
จะใช่วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงระดับสิบเอ็ดที่พวกเขาเคยประสบพบพานมาแน่หรือ ไฉนทรงพลังได้มากกว่าวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงทั่วไปยิ่งนัก
และแม้จะเป็นวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงระดับสิบสอง ก็มิอาจทรงพลังเทียบเท่าวิญญาณยุทธ์ตรงหน้าพวกเขามากถึงเพียงนี้
หลังหยางเสี่ยวเทียนกลืนธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์เพื่อขัดเกลาพลังยุทธอยู่เป็นประจำ วิญญาณยุทธ์ทั้งสองก็เติบโตพร้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยิ่งครั้งทะลวงเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ วิญญาณยุทธ์ทั้งสองยังคงมีขนาดใหญ่โตขึ้น