บทที่ 15 ตายไปพร้อมกัน
บทที่ 15 ตายไปพร้อมกัน
โซล จับหุ่นเชิดเอาไว้ โดยไม่ได้เอามันขึ้นมาหรือวางมันลง
"ทำไมข้าถึงได้เผชิญหน้ากับความตายตลอดเลยนะ? ข้าจะโชคร้ายเกินไปแล้ว นี้เป็นเรื่องปกติในหอคอยพ่อมดงั้นหรือ?"
โซลปล่อยมือของมัน อย่างช้าๆ และพบว่าเขาไม่ได้กลายเป็นหุ่นและนอนอยู่บนพื้น
"ดูเหมือนว่าหากเจ้าหุ่นเชิดนี้ต้องการจะเอาร่างของข้าไป มันไม่สามารถทำคนเดียวได้ ข้าต้องเปิดตู้และเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดเหล่านั้นหลายๆ ตัวถึงจะทำได้"
โซล หยิบเจ้าหุ่นเชิดนั้นขึ้นมา เตรียมจะเอาไว้ใส่ในถังขยะและทิ้งมันไว้ที่นั้น
"ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการที่จะกลับไปที่ตู้ งั้นข้าก็จะทิ้งเจ้าให้กลายเป็นขยะตัวหนึ่ง"
อย่างไรก็ตาม โซล นั้นมีความสุขอยู่ได้ไม่นาน
ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนสมุดปกแข็ง
[ในวันที่ 26 พฤกษาคม ปี 314 ของปฏิทินพระจันทร์ใหม่
โซลได้โยนหุ่นเชิดลงถังขยะอย่างเกียจค้าน
แม้ว่าที่นั้น จะไม่ใช่สถานที่ๆ มันควรอยู่ แต่เขาก็ปิดฝาถังลงทั้งที่มันไม่ใช่ขยะ
และเมื่อเขากลับมายังห้องทดลองในวันรุ่งขึ้น มันก็ราวกับเกิดพายุเฮอริเคนขึ้น
รุ่นพี่ที่รู้สึกโกรธแค้น ไม่ฟังคำอธิบายของเขาแม้แต่น้อย ถลกเนื้อหนังเขาทั้งเป็น
เหลือเพียงกระดูกสีขาวโพ่น
ทำให้มือซ้ายของเขาเต็มไปด้วยความสุข]
โซล รีบวางหุ่นเชิดลงพื้นทันที "บ้าเอ้ย เอามันเก็บไว้ในตู้ก็ตาย เอาไปทิ้งขยะก็ตาย!"
เขาบีบหุ่นเชิดตัวนั้นแน่น อยากจะทุบให้กลายเป็นชิ้นๆ
แต่หุ่นเชิดตัวนี้นั้นแข็งแกร่งมาก ด้วยความแข็งแกร่งของโซล ยังไม่สามารถบีบให้แหลกได้
โซลได้ล้มเลิกความพยายาม
ขณะที่เขาคลายมือออก หุ่นเชิดก็ยิ้มออกมา
แม้ว่าจะไม่มีข้อความแจ้งเตือนความตาย แต่โซลก็รูสึกว่าการทำลายหุ่นเชิดตัวนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี
"เอามันออกไปด้านนอกห้องทดลอง แล้วค่อยหาที่ทิ้งมันดีไหม" โซลได้แต่ครุ่นคิด
แทนที่จะมีข้อความปรากฏขึ้น สมุดปกแข็งกับลอยอยู่เหนือไหล่ซ้ายของโซล อย่างเงียบๆ
"เฮ้อออ"
โซล ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาหันกลับไปมองรอบๆ ตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากห้อง
อย่างไรก้ตาม ในตอนที่เขาหันกลับมานั้น
ก็ได้มีเสียง "ตูมมม"
มันเป็นเสียงดังเหมือนกับว่ามีบางอย่างตกลงมาบนพื้น
ประตู ตู้ได้เปิดออก หุ่นเชิดที่อยู่ภายในตู้ได้ตกกระจายลงมาบนพื้น
เมื่อโซลหันกลับมา เขาก็สบตาเขากับหุ่นเชิดเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ช่วยข้า ช่วยข้า ช่วยข้าด้วยย..."
"ช่วยข้า ช่วยข้า ช่วยข้าด้วยย..."
"ข้าเองก็อยากไปเหมือนกัน ข้าเองก็อยากไปเหมือนกัน..."
"ช่วยข้า ช่วยข้า ช่วยข้าด้วยย..."
ในตอนนั้น เหมือนมีเสียงคนหลายร้อยคนดังขึ้นในหัวของโซล
โซล ไม่สนใจคำเตือนที่บอกว่าเขาจะถูก มาร์คสังหารในวันรุ่งขึ้น เขาหันหลังวิ่งออกไป อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ขาของเขาก้าวออกมา เขารู้สึกราวกับโลกหมุนไปและล้มลงกับพื้นอย่างแรง
โซล ต้องการลุกขึ้น แต่ก็พบว่าแขนขาของเขานั้นแข็งราวกับไม้
ความรู้สึกที่โดนกัดกร่อนแผ่กระจายจากแขนขาไปยังลำตัว ลามไปถึงสมองของเขา
"ไม่!"
โซล นึกถึงคำสอนของ อาจาร์ยโมนิก้า เกี่ยวกับการทำสมาธิในวันนี้ เขาหวนนึกถึงภาพสัตว์ประหลาดภายในหัวใจของเขาทันที
แม้ว่าจะไม่มีภาพและลูกแก้วคริสตัลในมือของเขาตอนนี้ แต่โซลก็ยังสามารถทำสมาธิได้เมื่อเขาเผชิญหน้ากับวิกฤตเป็นตาย
เสียงของคนเหล่านั้นที่ดังก้องในหูของเขาเบาลง แต่มันยังไม่ได้หายไป
แขนขาของเขายังคงรู้สึกชา
หากโมนิก้า อยู่ที่นี้เวลานี้ นางต้องตกตะลึงกับความสามารถด้านพลังจิตของโซลอย่างแน่นอน
โซล ยังคงไม่สามารถลุกขึ้นและหลบหนีได้ แขนขาของเขายังคงชาอยู่
"ไม่! ข้ายังขยับมือซ้ายได้!"
โซลรู้สึกว่ามือซ้าย เป็นโครงกระดูกของเขาไม่ได้แข็งค้างด้วย มันยังสามารถขยับ ได้
เขาทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดลงในที่มือซ้าย ใช้มันคลานไปบนพื้น พยายามที่จะออกให้ห่างจากกลุ่มหุ่นเชิดที่อยู่ด้านหลังของเขา
แต่ทันทีที่มือซ้ายของเขาขยับ เขาก็ไม่รักษาการทำสมาธิได้อีกต่อไป อาการชาเริ่มลามไปทั่วร่างกายของเขาอีกครั้ง
การทำสมาธิเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เขาคงกลับสู่วิกฤตอีกครั้งหลังจากใช้พลังจิตหมด
โซล ละทิ้งการทำสมาธิไป แล้วทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดไปที่มือซ้าย ลากร่างของเขาออกไป
อาการชาลามมาถึงหน้าอกของเขา โซลจึงหยุดลงอีกครั้ง และเริ่มทำสมาธิ ทำให้อาการชาทั่วร่างกายหายไปอีกครั้ง
ด้วยวิธีนี้ เขาจึงคลานออกไป สลับกับการทำสมาธิ เพื่อคลายอาการชาเข้าใกล้ประตูทีละน้อยด้วยความยากลำบาก
มือซ้ายของ โซล จับไปที่ประตู ต้องขอบคุณการทดลองสิ่งมีชีวิตของคงชา ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
แต่เมื่อเขาพยายามประคองร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้น ทันใดนั้น จู่ๆ ประตูก็เปิดออก
ใบหน้าของ มาร์ค ครึ่งหนึ่งโผล่ออกมาจากประตู ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่โซล เผยให้เห็นดวงตาสีขาวขนาดใหญ่ของเขา
"โซล นั้นเจ้าทำอะไรของเจ้า"
เมื่อสีหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น แต่โซลกับรู้สึกเหมือนตกลงไปในถังน้ำแข็ง
ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา
จากมุมที่เขานอนอยู่บนพื้น เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
นั้นใช้ รุ่นพี่มาร์คงั้นหรือ
เมื่อได้เห็น หน้าเขาที่ยื่นออกมาเพียงครึ่งเดียวจากประตู
มันจ้องมองที่ไป โซล "ทำไมห้องทดลอง ถึงได้สกปรกขนาดนี้? รีบกลับทำความสะอาดซะ!"
ถังขยะสีแดงใบใหญ่ที่อยู่ข้างประตู เปิดผาออก
"ปังงง!!"
มือสีซีดคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากถังขยะ
มันเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปด พยายามที่จะปีนขึ้นมา
และมีเสียง "คลื่น คลื่นน" ดังมาจากข้างหลัง ค่อยๆเข้าใกล้โซล ราวกับมีบางอย่างค่อยๆ เข้าใกล้เขา
ฟันของโซล สั่นระรัว ไม่คาดคิดว่า หลังจากที่ได้กลายเป็นพ่อมดฝึกหัดแล้ว เขาจะยังคงไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมพ้น เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากนอนรอความตาย
สมุดปกแข็งลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาอีกครั้ง โดยพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว มีคำว่า "ตาย!!" ตัวใหญ่ๆ ปรากฏบนหน้ากระดาษทุกแผ่นที่ผ่านไป
ไม่ต้องบรรยายเลยว่า โซล ต้องตายอย่างไร
"ฮ่าฮ่า... ฮ่าฮ่าฮ่า" โซลเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "ทำไม ความตายถึงได้จับจ้องแต่ข้าคนเดียวตลอดเลย? เนื้อของข้ามันอร่อยงั้นหรอ ฮ่าฮ่า"
เขาใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
"มาเลย! เข้ามา! มาดูกันว่าใครจะอดทนได้นานกว่ากันคนนั้นเป็นราชา! เข้ามา ฮ่าฮ่าฮ่า..."
แต่ทันใดนั้น จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก
บานประตู กระแทกเข้ากับหน้าของโซล ทำให้เขาล้มลงกับพื้น
"อั่ก!"
เสียงของหัวเราะของโซลถูกขัดจังหวะ เขาเอามือจับไปที่หน้าผากโดยไม่รู้ตัว
"เดี๋ยว ทำไมข้าถึงสามารถขยับร่างกายได้"
สมุดปกแข็งลอยกับมายังไหล่ซ้ายของเขาอย่างเงียบๆ
มันไม่มีเวลาตรวจสอบเพียงพอ โซลเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปด้านหน้า
ตรงประตู ใบหน้าของมาร์คที่โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งหายไป
ประตูถูกผลักเปิดออกจนสุด ชายคนหนึ่งที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีชมพูเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ยกเว้นดวงตาสีเงินคู่นั้น ร่างกายที่เหลือของชายคนนั้นถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างแน่นหนา
หู จมูก ปาก แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่เผยให้เห็น
เมื่อมองไปเข้าไปในดวงตาสีเงินของชายคนั้น โซล ที่นอนอยู่บนพื้น เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาไม่รู้สึกกลัวซักนิด
โชคดีที่ชายในชุดผ้าพันแผลนั้นเพียงแค่เหลือบมองโซล จากนั้นเขาก็มองไปยังรอบๆ ห้องทดลอง ก่อนจะพูดว่า "กลับไปซะ"
เขามองที่ โซล อีกครั้ง ดวงตาที่หนาวเหน็บของเขากลับกลายเป็นอ่อนโยน
"พ่อมดฝึกหัด ทำไมเจ้าถึงได้อยู่ค้างคืนในห้องทดลองกัน?"
"นอนค้างคืน?"
โซลหันไปมอง นาฬิกาทรายบนผนัง พบว่ามันใกล้จะ 5 ทุ่มแล้ว
"ก่อนหน้านี้ตอนที่รุ่นพี่มาร์คออกไปมันเป็นเวลา 6 โมงเย็นไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว"
จากความรู้สึกของโซล เขาอยู่คนเดียวในห้องทดลองเพียงแค่ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง