ตอนที่แล้วบทที่ 135 แนวคิดเครือข่ายพลังปราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 137 รูปแบบของเมืองกวงอัน

บทที่ 136 คำเชิญของตระกูลหยาง


บทที่ 136 คำเชิญของตระกูลหยาง

ณ เกาะซวงหู

โรงงานกระบี่บินหงอิน

เฉินเต้าเสวียนยืนอยู่หน้าเตาหลอมรวมจิตวิญญาณ

ในตอนนี้

เตาหลอมรวมจิตวิญญาณนี้ทำงานมานานกว่าสิบชั่วยามแล้ว

หลังจากเฉินเต้าเสวียนกวาดจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์

เขาก็รู้ว่า แร่จิตวิญญาณธาตุน้ำระดับสองหลายชนิดในเตาหลอมรวมจิตวิญญาณ พวกมันได้รับการสกัดเสร็จสิ้นแล้ว และนำมันออกมาจากเตาหลอมทันที

ขั้นตอนต่อไป

คือการขึ้นรูป และหลอมรวมอักขระเวทย์

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ เฉินเต้าเสวียนคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของปราณหยวน และจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เฉินเต้าเสวียนสามารถปรับแต่งสมบัติวิเศษระดับสองขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย

หากเขาไม่ได้ขาดมรดกสมบัติวิเศษระดับสามละก็…

ด้วยปราณหยวนของเขาในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลายมาก และจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง เขาสามารถลองปรับแต่งกระบี่บินระดับสามได้แล้ว

"ถุด!"

เลือดคำหนึ่ง พ่นลงบนตัวอ่อนกระบี่บินธาตุน้ำ ที่แกะสลักด้วยลวดลายอักขระเวทย์สิบแปดชั้น

ชั่วลมหายใจต่อมา

เลือดและลวดลายอักขระเวทย์ ก็หลอมรวมเข้ากับตัวอ่อนกระบี่บินอย่างช้าๆ

ในตอนนี้ กระบี่บินได้รับการปรับแต่งสำเร็จแล้ว!

มันบินวนเวียนอยู่รอบๆ เฉินเต้าเสวียนทันที มันเหมือนนกกำลังกลับรัง

เมื่อเขามองดูกระบี่บินระดับสองขั้นสูงที่ร่าเริงผิดปกติตรงหน้าเขา

เฉินเต้าเสวียนก็หยิบกระบี่หิมะบินที่แตกหักออกมาจากถุงเก็บของ มองดูทั้งสองเล่ม และพูดว่า "ต่อไปนี้ เจ้าก็ชื่อหิมะบินเช่นกัน"

พอพูดจบ

เขาก็เก็บกระบี่หิมะบินที่แตกหัก กลับเข้าไปในถุงเก็บของอย่างระมัดระวัง

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

เฉินเต้าเสวียนก็ทำเช่นเดียวกัน ปรับแต่งกระบี่บินธาตุลมระดับสองขั้นสูง

กระบี่บินธาตุลมเล่มนี้ มันก็ถูกตั้งชื่อว่ากระบี่เงาบินเช่นกัน

หลังจากปรับแต่งกระบี่บินประจำตัวสองเล่มเสร็จ

เฉินเต้าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะฝึกฝนทักษะเหยียบกระบี่บิน

สำหรับทักษะเหยียบกระบี่บิน

เฉินเต้าเสวียนย่อมอยากลองมานาน…

แม้แต่ก่อนที่เขาจะสร้างรากฐาน เขาก็ซื้อวิชาเหยียบกระบี่บิน ที่เหมาะสมในเมืองกวงอันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

วิชานี้เรียกว่า "กระบี่แปลงสายรุ้ง"

มันเป็นแค่วิชาเหยียบกระบี่บินธรรมดาๆ

แต่สำหรับเฉินเต้าเสวียนที่บินด้วยกระบี่เป็นครั้งแรกนั้น

ความรู้สึกมันย่อมแตกต่างอย่างแน่นอน!

เพราะก่อนหน้านั้น เขาบินโดยใช้ทักษะควบคุมสายลมมาตลอด

แม้ว่าหลังจากการขัดเกลาปราณหยวนครั้งแรก เฉินเต้าเสวียนก็สามารถบินด้วยกระบี่ได้แล้ว

เพราะในตอนนั้น ปราณหยวนของเขา แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายทั่วไปอย่างน้อยสามเท่า!

แต่ในตอนนั้น เขามุ่งเน้นไปที่การสร้างรากฐาน

ทำให้เขาไม่มีเวลาว่างที่จะศึกษาวิชาเหยียบกระบี่บิน

และมันเป็นเพราะความเร็วในเหยียบกระบี่บินนั้นเร็วมาก มันเร็วกว่าทักษะควบคุมสายลมของผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณเสียอีก

ดังนั้น แม้ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานสองคนต่อสู้กัน และอีกคนไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้ง่าย

ท้ายที่สุด พอแสงกระบี่ของฝ่ายที่แพ้สว่างแวบหนึ่ง เขาก็กลายเป็นแสงวาบ และบินหนีไปแล้ว!

วันเวลาผ่านไปหลายวัน

ชีวิตของเฉินเต้าเสวียนก็กลับมาสงบอีกครั้ง

เนื่องจากเขาเพิ่งทะลวงขอบเขตสร้างรากฐาน เฉินเต้าเสวียนจึงไม่ได้รีบฝึกฝนวิชาบำเพ็ญเพียรขอบเขตสร้างรากฐาน แต่เลือกที่จะขัดเกลาปราณกระบี่ที่เพิ่งทะลวง

ณ จุดนี้

สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมือกระบี่

หยกมรดกวิถีกระบี่ของโจวมู่ไป๋ก็กล่าวถึงจุดนี้เช่นกัน

หลังจากที่มือกระบี่ขัดเกลาปราณหยวนแล้ว อย่ารีบฝึกฝนวิชาบำเพ็ญเพียรธาตุ

แต่ควรขัดเกลาปราณกระบี่ให้เหมือนกับปราณหยวนทั่วไป จนกว่าจะควบคุมได้ดังใจ จากนั้นจึงเลือกฝึกฝนวิชาบำเพ็ญเพียรขอบเขตสร้างรากฐาน

ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่จะไม่ส่งผลต่อความเร็วในการบำเพ็ญเพียรในภายหลัง

ในขณะที่เจตจำนงกระบี่ทำให้ปราณหยวนแข็งแกร่งขึ้นหลังจากการขัดเกลา มันยังเพิ่มความยากในการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย

ในความเป็นจริง หลักการนี้ใช้ได้โดยทั่วไป

วิชาบำเพ็ญเพียรระดับสูงนั้นทรงพลังมาก ซึ่งหมายความว่า ปราณหยวนที่กลั่นออกมานั้น ย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน

และแน่นอนว่า…

ความยากในการฝึกฝนวิชาระดับสูง มันก็ยิ่งยามมากที่สุดเช่นกัน

วิชาบำเพ็ญเพียรที่ฝึกฝนได้ง่ายและทรงพลังนั้น มีอยู่ในความฝันเท่านั้น!

ดังนั้นแล้ว

หลังจากสร้างรากฐาน ผู้ฝึกตนต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเลือกที่จะเปลี่ยนวิชาบำเพ็ญเพียร

เพราะสิ่งนี้จะส่งผลต่อวิถีเต๋าของผู้ฝึกตนในอนาคต

สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว วิชาบำเพ็ญเพียรไม่ได้ยิ่งทรงพลังยิ่งดีหรอกนะ

เพราะบางคนมีคุณสมบัติไม่ดี

การที่พวกเขาสามารถสร้างรากฐานได้ มันก็ถือว่าโชคดีแล้ว

หากในเวลานี้ พวกเขายังเลือกวิชาบำเพ็ญเพียรที่ทรงพลังอีก มันจะทำให้การฝึกฝนหลังจากการสร้างรากฐานเป็นเรื่องยาก และแม้แต่ติดอยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นโดยไม่ก้าวหน้าอีกเลยก็เป็นได้!

และเหตุผลนี้

คนอื่นๆ มักเลือกฝึกฝนวิชาบำเพ็ญเพียรที่ฝึกฝนได้ง่าย แต่พลังธรรมดาๆ

เพราะพวกเขาอาจก้าวเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลาง หรือแม้แต่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นปลายได้

แม้ว่าในระดับเดียวกัน

วิชาบำเพ็ญเพียรที่ทรงพลังน้อยกว่าที่คนอื่นฝึกฝน เจ้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่คนอื่นในขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้น จะต่อสู้กับเจ้าที่อยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลาง มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ ใช่ไหม?

แต่วิชาบำเพ็ญเพียรยากๆ และทรงพลัง มันมีความสำคัญกว่านั้นคือ….

มันจะทำให้มีโอกาสทะลวงขอบเขตคฤหาสน์ม่วงมากกว่านั่นเอง

และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด!

ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายแรกของการบำเพ็ญเพียรของผู้ฝึกตนคือ… การแสวงหาชีวิตนิรันดร์

หากไม่มีภัยพิบัติจากสวรรค์

บางทีอาจจะไม่มีใครเลือกฝึกฝนวิชาบำเพ็ญเพียรที่ทรงพลัง แต่ฝึกฝนยากเลย…

……….

เกาะหงซาน

แสงวาบหนึ่งพุ่งทะลุท้องฟ้าในทันที

จากนั้นลงจอดที่ศาลากวนไห่

เมื่อมองดูผิวน้ำทะเลที่กว้างใหญ่ เฉินเต้าเสวียนก็รู้สึกโล่งอกในใจ

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา

นอกจากงานตระกูลแล้ว

เขาใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการฝึกฝนวิชา "กระบี่แปลงสายรุ้ง"

หลังจากรู้แจ้งถึงหกครั้ง

ในที่สุด เขาก็ฝึกฝนวิชานี้จนถึงขั้นสมบูรณ์!

ในตอนนี้

เมื่อเขาใช้วิชาเคลื่อนที่นี้ ในสายตาของคนนอก มันเร็วเหมือนสายรุ้งจริงๆ

แทบจะไม่ช้าไปกว่า ความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงเลย

เหตุผลที่เขาตัดสินเช่นนี้

นั่นเป็นเพราะเฉินเต้าเสวียนเคยขึ้นเรือรบของตระกูลโจว และรู้ว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงนั้นเร็วมากแค่ไหน

เขารู้สึกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาในตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าความเร็วสูงสุดของเรือรบเลย

หลังจากมองดูทิวทัศน์บนทะเล

เฉินเต้าเสวียนก็บินกลับไปที่เกาะซวงหู

ในเวลาไม่ถึงร้อยลมหายใจ

แสงวาบของเฉินเต้าเสวียนก็ข้ามระยะทางสี่ร้อยลี้ และลงจอดในเส้นพลังปราณของเกาะซวงหูแล้ว

เมื่อเทียบกับในอดีต ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขานั้นเร็วกว่าหลายสิบเท่า

ขณะที่เขากำลังตื่นเต้นและสนุกสนานอยู่นั้น

เฉินเซียนเหอก็มาพบเขา

"เมืองหลิงโจวสร้างเสร็จแล้ว?"

เฉินเต้าเสวียนมองเฉินเซียนเหอด้วยความประหลาดใจ

อือ… ถ้าลองคิดดูดีๆ

ตระกูลหยางเคยบอกว่าจะสร้างเมืองหลิงโจว เมื่อสองหรือสามปีก่อนสินะ?

มันเสร็จเร็วมากขนาดนี้เลยหรือ?

ในเวลาเพียงสองหรือสามปี พวกเขาก็สร้างเมืองเซียนขึ้นมาได้

แน่นอน เขาแค่ไม่รู้

พันธมิตรเซียนกวงอันที่นำโดยตระกูลหยาง ได้จ่ายราคาเท่าไหร่เพื่อสร้างเมืองเซียนหลิงโจว?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฉินเต้าเสวียนก็ยิ้มและพูดว่า "ท่าอาสิบสาม ในเมื่อเมืองสร้างเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปดูความคึกคักกันเถอะ"

เมื่อเทียบกับก่อนสร้างรากฐาน

เฉินเต้าเสวียนที่สร้างรากฐานได้สำเร็จนั้นสงบมากขึ้น

เพราะเขารู้ว่า

ทั้งหมดนี้ ย่อมมาจากความแข็งแกร่งของเขา

ในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ

แม้ว่าเขาจะเอาชนะผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณได้ทั้งหมด

แต่ในเมืองกวงอัน การเอาชนะผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณได้ทั้งหมดนั้น ยังห่างไกลจากความเพียงพอ

เพียงแค่ตระกูลโจวในเมืองกวงอัน ก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานหลายพันคนแล้ว และผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานในเมืองกวงอันทั้งหมด รวมถึงผู้ฝึกตนอิสระ มีมากกว่าหมื่นคน!

เพียงแค่นี้

ยังไม่รวมผู้ฝึกตนอิสระขอบเขตสร้างรากฐาน ที่อยู่แนวหน้าของอาณาจักรฉู่หยุนอีกนะ

ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานมากมายขนาดนี้ เฉินเต้าเสวียนในอดีต ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

แต่ตอนนี้

เมื่อเขาสร้างรากฐานมือกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด!

ขอบเขตวิถีกระบี่พุ่งสูงขึ้น

เฉินเต้าเสวียนไม่กล้าพูดว่า เขาเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง แต่ในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน โดยพื้นฐานแล้ว เขาหาคู่ต่อสู้ไม่ได้จริงๆ…

เมื่อมองจากมุมมองนี้

ในเมืองกวงอันอันกว้างใหญ่ ตระกูลที่เฉินเต้าเสวียนให้ความสนใจจริงๆ มีเพียงตระกูลโจว ตระกูลหยาง ตระกูลอู๋ และตระกูลจ้าวเท่านั้น

แม้แต่

ยกเว้นตระกูลโจวและตระกูลหยางที่มีผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง

ตระกูลอู๋ และตระกูลจ้าว ทั้งสองตระกูลก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานมากกว่าเล็กน้อย

และผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานในสายตาของเฉินเต้าเสวียนในปัจจุบันนั้น ไม่ต่างอะไรกับไก่สุนัขเลย

ทั้งหมดช่างไร้ค่า….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด