ตอนที่แล้วตอนที่ 58 ผนึกเฟิ่งหยวนปะทะมังกรคชสารบรรพกาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 60 เที่ยวหอปี้อวี้

ตอนที่ 59 ราตรีนี้มีแต่คนนอนไม่หลับ


ตอนที่ 59 ราตรีนี้มีแต่คนนอนไม่หลับ

  

“ก้มลงมาใกล้ๆ” ซูอันสั่ง

  

หัวใจของเฟิ่งหลวนบีบรัด เขาคงไม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนอวี่ลั่วกระมัง

หากเป็นเช่นนั้น นาง...

เพียะ!

  

การตบขัดจังหวะความคิดของนาง

  

รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏบนแก้มสีขาวชัดเจน

  

ซูอันตบนางด้วยกำลังทั้งหมด กระนั้นผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์สามารถอดทนได้สบายๆ

  

“เอาล่ะ ข้ายกโทษให้ท่านแล้ว กลับไปได้” เขาโบกมือไล่

  

ใบหน้าของเฟิ่งหลวนเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ

  

ความโกรธพุ่งเข้ามาในหัวใจของนาง

  

แต่เมื่อมองเรือเซียนบนท้องฟ้าที่ยังไม่จากไป เฟิ่งหลวนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกัดฟันและกลืนความโกรธลงท้อง

  

“ได้! ขอบคุณท่านโหวซูที่เข้าใจ! ข้าขอลา” เมื่อพูดจบแล้วนางจับมือของเซียวอวี่ลั่วแล้วเตรียมพาออกไปด้วยกัน

  

“ช้าก่อน ปล่อยนางไว้ที่นี่” ซูอันหยุดนางไว้และชี้ไปที่เซียวอวี่ลั่ว

  

เซียวอวี่ลั่วก็มองเฟิ่งหลวนด้วยความกระตือรือร้น “ศิษย์พี่...”

แม้แต่ศิษย์น้องหญิงเล็กก็ไม่เข้าข้างนาง

  

เฟิ่งหลวนสูดหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมตัวเองให้อดทนไว้!

  

นางปล่อยมือของเซียวอวี่ลั่วแล้วหันหลังเดินจากไปคนเดียว

  

เซียวอวี่ลั่วต้องการพูดกับนางต่อ ทว่าซูอันดึงนางไว้ด้วยความจริงจัง

  

“ตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว เข้าใจหรือไม่?”

  

ผมหางม้าที่ด้านหลังศีรษะของนางถูกเขาดึงไว้ ซึ่งทำให้นางรู้สึกเจ็บ นางจึงทำได้เพียงถอยเข้าใกล้ซูอันให้มากขึ้น

  

เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างหลัง เฟิ่งหลวนก็โกรธอีกรอบ นางถอยให้แล้วขนาดนี้ เขายังจะหยาบคายกับศิษย์น้องของนางขนาดนี้ได้อย่างไร

  

“ศิษย์พี่ ข้าเต็มใจ” ก่อนที่เฟิ่งหลวนจะทันได้พูด เซียวอวี่ลั่วก็ปิดกั้นคำพูดของนางโดยสมบูรณ์

  

เมื่อเห็นเซียวอวี่ลั่วรู้สึกอึดอัดใจและมีสีหน้าขอร้อง เฟิ่งหลวนจึงพูดไม่ออก

  

ซูอันใช้ยาเสน่ห์ชนิดใดจึงทำให้ศิษย์น้องหญิงเล็กของนางหลงใหลเขาขนาดนี้

นางไม่มีเวลาดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ทันใดนั้นอารมณ์หดหู่ของนางกลายเป็นเปลวเพลิงและเดินออกจากลานบ้านด้านหลังด้วยความรวดเร็ว

  ……

นอกลานบ้าน ฉินอวิ๋นเดินไปรอบๆ ด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นร่างของศิษย์พี่ใหญ่แล้วดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น

  

แต่มีแค่ศิษย์พี่ใหญ่คนเดียว แล้วศิษย์พี่หญิงเล็กล่ะ?

  

“ศิษย์พี่ใหญ่!” เขาตะโกนเรียก

  

แต่เฟิ่งหลวนไม่หยุด นางบินขึ้นท้องฟ้าจากไป เหลือเพียงน้ำเสียงเย็นชาทิ้งไว้

  

“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าจงทำตัวให้ดี”

  

ตอนนี้เฟิ่งหลวนไม่อยากเห็นหน้าฉินอวิ๋นจริงๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ตำหนิเขาไม่ได้

ในลานบ้าน ซูอันลากเซียวอวี่ลั่วเข้าไปในห้อง

  

เขาจับใบหน้าเล็กๆ ของเซียวอวี่ลั่วและยิ้มชั่วร้าย

  

“เซียวอวี่ลั่ว ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเย่อหยิ่งมาก ถ้าเช่นนั้นหน้าที่แสดงการต้อนรับของนิกายเทียนสุ่ยก็เป็นของเจ้าแล้ว”

“แต่...ข้ายังไม่พร้อม” เซียวอวี่ลั่วถอยหลังเมื่อรู้สึกถึงวิกฤติและร้องขอความเมตตาด้วยความเขินอาย

  

“เฮอะ เฮอะ ตอนนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”

ราตรีนั้นลึกล้ำยาวนาน

  

[ติ๊ง! โอสต์น่ารังเกียจ ไร้ยางอายและหลอกลวง...]

  

“รอไปก่อน ข้ายังไม่เรียกเจ้าสักหน่อย”

  

[…]

  ……   

คืนนี้ ฉินอวิ๋นนอนไม่หลับ

  

ฉู่อินก็ทุกข์ทรมานจนนอนไม่หลับ

  

การต่อสู้เกิดขึ้นใกล้กับยอดเขาเทียนอินของนาง แล้วนางจะไม่รู้สึกได้อย่างไร

  

จนไปพบว่าศิษย์น้องหญิงเล็กของนางกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายของนาง...

นางสับสนมึนงงไปหมด

  

เห็นได้ชัดว่านางมาก่อน!

  

แต่เหตุใดศิษย์น้องหญิงเล็กได้เป็นมากกว่าหมอนก่อนนาง

  

นางทั้งโกรธทั้งริษยาจนนอนไม่หลับทั้งคืน

  

สำหรับเยี่ยหลีเอ๋อร์นั้นรีบวิ่งไปที่ห้องด้วยความว่องไวเพื่อช่วยเซียวอวี่ลั่วแบ่งเบาความกดดัน

  

สุดท้ายแล้วนิสัยปัจจุบันของนางถูกหล่อหลอมโดยซูอัน ซึ่งนอกจากนิสัยเสียเล็กๆ น้อยๆ แล้วผู้หญิงคนนี้ยังมีเหตุผลมากด้วย

  ……

รุ่งสาง

  

ด้านล่างของบ่อนพนันซึ่งอยู่ห่างจากนิกายเทียนสุ่ยไม่เกินหนึ่งพันหลี่มีผู้ฝึกตนมารวมตัวกัน

  

“เรื่องนั้น...เจ้าแน่ใจหรือ?” ผู้ที่ถามคำถามนี้คือผู้ฝึกตนที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม รูปร่างอ้วนท้วนอุดมสมบูรณ์ ดูใจดีมาก

  

หากไม่ทราบที่มาของดอกบัวเนื้อซึ่งเป็นอาวุธธรรมในมือของเขา ก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

  

“ข้ามั่นใจว่าความรู้สึกของตัวเองไม่พลาด ข้าค้นพบพลังวิญญาณที่รั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้และสิ่งนั้นถูกผนึกไว้ในนิกายเทียนสุ่ย” ผู้พูดเป็นชายที่มีรอยแผลเป็นทั่วใบหน้า

  

“แต่มู่หนิงเจิน...” ผู้ฝึกตนอ้วนลังเล เพราะแม้ว่าเขาไม่ใช่ชาวชิงโจว แต่เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของมู่หนิงเจิน

  

“พี่ชายคงจะกลัวสินะ~” หญิงสาวที่มีเสน่ห์ในอาภรณ์ผ้าแพรโปร่งพูดด้วยความตื่นเต้น “พวกเราอยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์ทั้งห้าคน เรายังต้องกลัวมู่หนิงเจินคนเดียวอีกหรือ?”

  

“กลัวสิ” ผู้ฝึกตนอ้วนยิ้มรับ เขาไม่ใช่คนบ้าบิ่นแล้วจะหลงกลวิธีการยั่วยุเช่นนี้ได้อย่างไร

  

“เซียวเหล่ากุ่ย เจ้าเป็นคนท้องถิ่น เช่นนั้นเจ้าคิดอย่างไร?” ชายชุดสีเลือดนิ่งเงียบพลางมองพี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มทั้งห้าคน

  

เซียวเหล่ากุ่ยพูดด้วยความลังเล “พวกเจ้าไม่ใช่ชาวชิงโจว จึงไม่รู้ว่ามู่หนิงเจินนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด ตอนที่มู่หนิงเจินฆ่าหยางบริสุทธิ์ทั้งสามคนนั้น นางกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ยังมีศิษย์คนโตของนางอีก ข้าเกรงว่าจะยากสำหรับเรา...”

  

“มู่หนิงเจินปล่อยเป็นหน้าที่ข้ากับศิษย์น้องหญิงเถอะ ข้ามีวิธีขังนาง” ในเวลานี้ชายมีรอยแผลเป็นกล่าว “หลังจากที่พวกเจ้ากำจัดเฟิ่งหลวนกับศิษย์ของนิกายเทียนสุ่ยหมดแล้วค่อยมาช่วยพวกข้า”

“ดี สมกับเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวน ทรงพลังมาก! ข้ายินดีเข้าร่วมในปฏิบัติการนี้ หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ผู้ฝึกตนหญิงของนิกายเทียนสุ่ยจะเป็นของข้า และถ้ามู่หนิงเจินคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็จัดการดึงพลังวิญญาณทิ้งซะ จากนั้นทิ้งไว้ให้ข้าด้วย” ผู้ฝึกตนอ้วนหัวเราะชอบใจ

  

หากคนนอกได้ยินคำพูดเหล่านี้ นอกจากประหลาดใจกับความกล้าของผู้ฝึกตนอ้วนแล้ว เกรงว่าพวกเขาจะต้องประหลาดใจกับชายที่ครั้งหนึ่งมีเสน่ห์และอ่อนโยนด้วย บุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนซึ่งเป็นที่รู้จักในนามชายหนุ่มรูปงามดุจหยก บัดนี้กลายเป็นชายที่สกปรกและมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า

  

“เฮอะ เฮอะ เจ้าช่างไม่กลัวตาย” เซียวเหล่ากุ่ยเหลือบมองพระอ้วนผู้หมกมุ่นในกามแล้วพูดว่า “ทรัพยากรของนิกายเทียนสุ่ยเป็นของข้า”

  

บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเหอฮวนมองชายชุดสีเลือดอีกครั้ง “ปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอ หากภารกิจครั้งนี้สำเร็จ ข้าสามารถมอบทาสโลหิตให้เจ้าได้ห้าสิบล้านคน เพราะพวกข้ายังมีอิทธิพลอยู่บ้างในแดนเหนือ”

“จิ๊จิ๊ ทาสโลหิตห้าสิบล้านคน” ปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอหัวเราะแปลกๆ และดวงตาของเขาเป็นประกาย “ข้าได้ยินว่าลัทธิมารครองแดนเหนือและเก่งในการเลี้ยงทาสโลหิต ในเมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์มีน้ำใจ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ!”

  

ลัทธิมารอันยิ่งใหญ่ถูกต้าซางปราบปรามจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้เลย ลัทธิเซวี่ยเหอก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาหลายปี แต่ยังไม่สามารถรวบรวมทาสโลหิตได้ห้าสิบล้านคน ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับลัทธิมารแห่งแดนเหนือด้วยซ้ำ

  

หลังตัดสินใจและวางแผนเสร็จแล้ว เซียวเหล่ากุ่ยจึงพูดอีกเรื่องหนึ่ง “ได้ยินว่ามีท่านโหวหนุ่มจากต้าซางมาพักอยู่ที่นิกายเทียนสุ่ยชั่วคราวด้วย”

  

“ท่านโหวหนุ่ม? คงจะเป็นนายน้อยที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งจากบรรพบุรุษของเขานั่นแหละ มีมิ่งตานสองสามคนคอยคุ้มกัน ดังนั้นไม่สำคัญหรอก” บุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนโบกมือไม่สนใจ

  

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเซียวเหล่ากุ่ยจึงไม่พูดอีก ความจริงแล้วทัศนคติของเขาเหมือนกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวน เขาแค่เอ่ยถึงท่านโหวคนนั้นโดยไม่คิดอะไร

  

แค่ผู้สืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์คนหนึ่ง จะส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวมได้อย่างไร

  ……

เขตย่อยภายใต้นิกายเทียนสุ่ย

  

“คนระยำซูอัน เจ้าสมควรตาย!”

  

ฉินอวิ๋นเดินบนถนนของเขตย่อยแล้วพูดด้วยความเกลียดชัง

เห็นได้ชัดว่าเขามีชีวิตสงบสุขมาโดยตลอด ทว่านับตั้งแต่คนชื่อซูอันปรากฏตัว เขาก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีอีกเลย

เมื่อคืน เขาทำได้แค่เฝ้ามองศิษย์พี่หญิงเล็กเดินเข้าลานบ้านของซูอันโดยทำอะไรไม่ได้

  

เขายังอยู่นอกลานบ้านจนถึงรุ่งสางพลางมองศิษย์พี่หญิงเล็กเดินออกจากลานบ้านของซูอันด้วยใบหน้าแดงก่ำ!

ในพริบตาเดียวนั้นเขารู้สึกใจสลาย