ตอนที่ 58 ผนึกเฟิ่งหยวนปะทะมังกรคชสารบรรพกาล
ตอนที่ 58 ผนึกเฟิ่งหยวนปะทะมังกรคชสารบรรพกาล
ฉินอวิ๋นกังวลมากๆ ถ้าปล่อยให้ศิษย์พี่หญิงเล็กอยู่กับซูอันตามลำพัง เขาจึงต้องพูดด้วยความจริงจังมากขึ้น
เพราะเขาเชื่อว่าศิษย์พี่ใหญ่ได้เห็นความจริงแล้วจะเข้าใจเอง
“อืม” ใบหน้าของเฟิ่งหลวนเริ่มเคร่งขรึม
แม้ว่าช่วงนี้ฉินอวิ๋นจะเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์น้องเล็กที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเขา
นิกายเทียนสุ่ยของนางไม่ใช่นิกายเล็กๆ ที่จะยอมให้ใครมาสร้างความอับอายเช่นนี้
ถ้าซูอันกล้าทำสิ่งที่ไม่ควรกับศิษย์น้องหญิงเล็กของนางจริงๆ นางไม่มีวันยอม!
เนื่องด้วยประตูถูกปิดไว้ด้วยพลังเวท นางจึงบินข้ามรั้วแทน
“ผู้ใดบุกเข้ามา จงหยุดตรงนั้น!”
ร่างของถูเซิ่งหนานปรากฏขึ้นและยืนขวางทางเฟิ่งหลวนไว้ นางมองอีกฝ่ายด้วยความเคร่งขรึมและระมัดระวัง
“ข้ามีธุระกับซูอัน” เฟิ่งหลวนขมวดคิ้วเอ่ย
“คุณชายของข้ากำลังพักผ่อนและไม่รับแขก!” ถูเซิ่งหนานปฏิเสธหนักแน่น
“หลีกไป!” เฟิ่งหลวนกังวลเรื่องศิษย์น้องหญิงเล็ก และด้วยความวิตกกังวลใจ นางจึงสะบัดแขนเสื้อเพิ่มพลังเวทเพื่อสลัดถูเซิ่งหนานออกไป
แต่ไม่คาดคิดว่าถูเซิ่งหนานแค่ ‘เฮอะ’ และไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
นอกจากประหลาดใจแล้ว สีหน้าของเฟิ่งหลวนยังดูจริงจังอีกด้วย เพราะนางคาดไม่ถึงว่าถูเซิ่งหนานองครักษ์ของซูอันกำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับหยางบริสุทธิ์แล้ว
หลังจากนี้เพียงรอโอกาสฝึกตนให้หนัก บางทีอาจก้าวเข้าสู่ระดับหยางบริสุทธิ์ได้จริงและกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับนาง
นางนึกทอดถอนใจ เพราะการใช้หยางบริสุทธิ์เป็นองครักษ์ แม้แต่กั๋วกงก็อาจจะไม่เอิกเกริกแบบนี้
เมื่อความคิดเปลี่ยนไป เฟิ่งหลวนจึงไม่รั้งมือไว้อีกและเมื่อนางพลิกฝ่ามือจึงมีไฟลุกโชนอยู่ในมือของนางด้วย “ผนึกเฟิ่งหยวน!”
ผนึกสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยหงส์เข้าโจมตีถูเซิ่งหนานพร้อมเสียงหงส์ร้องกู่ก้อง ราวกับมีพญาหงส์ตัวจริงมาปรากฏกายและพื้นที่โดยรอบถูกแผดเผา
ถูเซิ่งหนานไม่กล้าที่จะประมาท กล้ามเนื้อของนางพองขึ้นอีกและพลังวิญญาณสูบฉีดสุดขีด “มังกรคชสารบรรพกาล!”
เพียงหมัดเดียว มังกรและคชสารคำรามพร้อมกัน
หลังจากกินมังกรจริงๆ ไปสองตัวแล้ว ‘มังกรคชสารบรรพกาล’ ของถูเซิ่งหนานจึงถูกยกระดับขึ้นสู่ระดับใหม่ เพียงเรียกใช้ครั้งแรกก็เหมือนว่ากล้ามเนื้อและหลอดเลือดดำทุกส่วนกลายเป็นมังกรไหลวนในกายด้วยความดุร้าย
หมัดนี้ดูเหมือนมาจากยุคดึกดำบรรพ์ การปะทะผนึกหงส์อันทรงพลังนั้นเหมือนสัตว์ยักษ์โบราณสองตัวคำรามเข้าต่อสู้กัน
ตูม!
ครู่เดียวหลังจากนั้น
มังกรคชสารทรุดลง
ถูเซิ่งหนานไม่ต่างจากดาวตกที่ถูกโยนทิ้งในลานบ้าน พลังชี่และเลือดในร่างกายปั่นป่วน สุดท้ายกระอักเลือดคำใหญ่ออกมา
เมื่อเทียบกับหยางบริสุทธิ์ตัวจริง นางยังมีข้อบกพร่องขนาดใหญ่
แต่ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายจึงทำให้นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและไม่ร้ายแรง
คุณชายสั่งให้ขัดขวางพอเป็นพิธี
เมื่อนึกถึงคำสั่งของซูอันแล้ว ถูเซิ่งหนานจึงไม่ได้เข้าไปขวางไว้อีก
เมื่อปราศจากการขัดขวางของถูเซิ่งหนานจึงทำให้เฟิ่งหลวนเข้าไปโดยสะดวก
เซียวอวี่ลั่วยังจมอยู่ในความตะกละตะกลามของรสจุมพิตและไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
เพราะเมื่อซูอันตะกละตะกลามใส่นาง มันกลับทำให้อารมณ์ของนางสงบลงจริง
นางไม่อยากคิดเรื่องใดอีกต่อไป
ปล่อยให้ชายคนนี้กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างของนาง
“ซูอัน เจ้าหยุดนะ!” เสียงโกรธเกรี้ยวของเฟิ่งหลวนดังขึ้นและเซียวอวี่ลั่วไม่มีเวลาตอบสนองเลย
ซูอันถูกผลักออกไปทันที
แม้จะโกรธ แต่เฟิ่งหลวนก็ไม่เสียสติจนลงมือทำร้ายซูอัน
เพราะแค่เห็นเลือดและศพที่ถูกเชือดในที่แห่งนี้ นางก็จินตนาการถึงฉากละครอันน่าสะพรึงได้หมดแล้ว
ซูอันจับผู้สัญจรที่บริสุทธิ์มาเพื่อบีบบังคับศิษย์น้องหญิงเล็กผู้มีจิตใจดีงาม เมื่อศิษย์น้องหญิงเล็กต่อต้าน ซูอันจึงสังหารคนเหล่านี้ด้วยความโหดเหี้ยมต่อหน้าศิษย์น้องหญิงเล็ก
นอกจากนี้เขายังใช้สานุศิษย์ของนิกายเทียนสุ่ยทั้งหมดมาข่มขู่ศิษย์น้องหญิงเล็ก แน่นอนว่าศิษย์น้องหญิงเล็กเห็นแก่นิกายจึงยอมจำนนและถูกโจรชั่วซูอันข่มเหง
น่าละอายและน่ารังเกียจอย่างยิ่ง!
“ซูอัน เจ้าเห็นนิกายเทียนสุ่ยของข้าเป็นอะไร!”
“เจ้าฆ่าคนอย่างป่าเถื่อนในนิกายของข้า คิดว่านี่คือจวนโหวของเจ้าหรือ?” นางถามซูอันด้วยความโกรธ
นางแทบทนไม่ไหวและอยากสังหารชายน่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้านี้เสีย
“ศิษย์พี่!” เซียวอวี่ลั่วดึงแขนเสื้อของนางไว้
“ศิษย์น้องไม่ต้องกังวล ข้าจะตัดสินแทนเจ้าด้วยความยุติธรรม แม้แต่ท่านโหวแห่งต้าซางก็ไม่สามารถรังแกคนของนิกายเทียนสุ่ยได้!” เฟิ่งหลวนวางมือบนหลังมือของเซียวอวี่ลั่วและพูดปลอบใจศิษย์น้องที่ทุกข์ทรมานของตน
“ศิษย์พี่ แต่ข้าเต็มใจ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงกังวลของศิษย์พี่ใหญ่ หัวใจของหญิงสาวพลันอบอุ่นขึ้น แต่นางยังต้องพูดความจริง
แม้ว่าชายคนนั้นจะเป็นคนชั่วร้าย แต่ตอนนี้นางรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ไม่ใช่หรือ
และนางมีความรู้สึกว่าหากศิษย์พี่ใหญ่ลงมือจริงๆ ผู้ที่ต้องตายคือศิษย์พี่ใหญ่ เพราะชายคนนี้ไม่ธรรมดา!
“ฮะ?” เฟิ่งหลวนเอียงศีรษะและจ้องมองเซียวอวี่ลั่วสลับกับมองซูอัน “เจ้าไม่ได้ถูกเขาบังคับหรอกหรือ?”
“หืม? ไม่ใช่นะ!” เซียวอวี่ลั่วส่ายหัว
“แล้วคนพวกนี้ล่ะ?” เฟิ่งหลวนชี้ไปทางศพที่ตรึงอยู่บนไม้กางเขน
“ข้าเป็นคนลงมือฆ่าพวกมันทั้งหมด”
“...”
สมองของเฟิ่งหลวนปิดการทำงานไปชั่วครู่
ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดของนางเอง
“เทพธิดาเฟิ่ง นี่คือวิธีที่นิกายเทียนสุ่ยของท่านปฏิบัติต่อแขกหรือ?”
ซูอันจัดเสื้อผ้าให้ตรงพลางมองเทพธิดาแสนสวยในชุดขาวตรงเบื้องหน้าด้วยความเย็นชา
“ทำร้ายองครักษ์ของข้าจนบาดเจ็บ บุกเข้ามาในบ้านของข้าและลงมือกับข้า”
“ทำร้ายข้าซึ่งเป็นผู้ตรวจการของจักรพรรดินี จากนั้นจะชูธงกบฏใช่หรือไม่?”
เขาสวมหมวกใบใหญ่ให้นางทันที
“ข้า...” เฟิ่งหลวนไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรสักพักหนึ่งแล้ว
เพราะสิ่งที่ซูอันพูดนั้นมีเหตุผล
ภายใต้รัศมีเทพธิดาผู้เย็นชานั้นยังมีความเขินอายแฝงอยู่
แต่นางก็ถูกศิษย์น้องเล็กหลอกมาเช่นกัน
เมื่อนึกถึงฉินอวิ๋นแล้วนางรู้สึกไม่พอใจ เสี่ยวอวิ๋นกล้าหลอกลวงนางในเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร
นางเคยคิดว่าเสี่ยวอวิ๋นแค่โง่เขลาไปบ้างและเกียจคร้าน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแย่มากและกล้าโกหกนางด้วย
“หวังว่าท่านโหวซูจะยกโทษให้ด้วย เรื่องนี้เป็นความผิดของนิกายเทียนสุ่ยของข้าเอง” เฟิ่งหลวนกล่าวขอโทษ
“แค่นี้เองหรือ?” ซูอันแค่นเสียงประชด ทันใดนั้นมีเสียงคำรามขึ้นบนท้องฟ้าและปรากฏเรือเซียนลอยเหนือนิกายเทียนสุ่ย
บนเรือเซียน วงแหวนเวทขนาดใหญ่มุ่งเป้ามาที่นิกายเทียนสุ่ยและพร้อมโจมตี พลังที่แผ่ออกมานั้นถึงจุดสูงสุดของหยางบริสุทธิ์
“ถ้าเช่นนั้นข้าลงมือก่อนแล้วค่อยขอโทษ ท่านจะยกโทษให้ข้าได้หรือไม่?”
“ท่าน...” เมื่อมองวงแหวนเวทอันน่าสะพรึงกลัว ขนตาของเฟิ่งหลวนสั่นไหว
นี่คือการป้องกันตัวเองขั้นสุดท้ายของเรือเซียน มันคือโหมดทำลายตัวเองซึ่งทรงพลังพอแน่นอน แม้โจมตีเพียงครั้งเดียวจะทำให้ศัตรูถูกทำลาย แต่เรือเซียนส่วนใหญ่ก็จะหายไปด้วย
หากโดนโจมตีครั้งนี้จริงๆ เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนในนิกายเทียนสุ่ยที่รอดชีวิต
นางเริ่มแสดงความจริงใจและขอโทษด้วยวิธีที่เหมาะสม “ท่านโหวซู เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง หากท่านต้องการให้ชดใช้เช่นไร โปรดอย่าลังเลที่จะพูด ข้าหวังว่าท่านจะไม่โกรธนิกายเทียนสุ่ย”
ไม่ใช่ว่านางไม่คิดจะสู้กับซูอัน แต่นางไม่กล้าเดิมพันว่าซูอันพ่ายแพ้ได้จริงหรือเปล่า
และนางรู้สึกว่าซูอันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ข้าให้อภัยได้นะ แต่มาตรงนี้ก่อนสิ” ซูอันพูด
เฟิ่งหลวนไม่มีทางเลือกจึงเดินไปหาตามคำสั่งของซูอันและหยุดห่างจากซูอันสองก้าว “ท่านโหวซู...”