ตอนที่ 36 : นักบวชมังกร ! [โรคห่าระบาด] Lv.7 !
ตอนที่ 36 : นักบวชมังกร ! [โรคห่าระบาด] Lv.7 !
“เทพธิดามู่หรงเสวี่ยเหินออกมาแล้ว !”
“ชั้น 26 ! เท่ากับสถิติ !”
“สมกับเป็นอาชีพลับระดับ S เธอถึงกับขึ้นไปเท่ากับสถิติของเมืองปิ้นไห่ได้ !”
“เสร็จก่อนเวลาตั้ง 3 ชม.ด้วย ! น่าทึ่ง !”
“หือ? ทำไมเหลือกันแค่ 2 คนในทีม ?”
“ฉันจำได้แล้ว เด็กสาวสวยๆที่เพิ่งออกมาก็อยู่ทีมมู่หรงเสวี่ยเหิน เธอชื่อหลี่เหมย เธอน่ะเป็นดาวโรงเรียนที่ 2 !”
“แล้วเธออยู่ไหน ? ทำไมเธอถึงไม่อยู่กับทีม ?”
ที่ลานนั้นเต็มไปด้วยเสียงผู้คนถกเถียงกัน การปรากฏตัวของมู่หรงเสวี่ยเหินและฉือเหล่ยนั้นทำให้ทุกคนต่างก็แปลกใจ
เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากมองมา มู่หรงเสวี่ยเหินก็คิ้วขมวดก่อนจะถามขึ้น “แล้วพี่เหมยอยู่ไหน ?”
“ฮึ่ม ! คุณหนู ! ต้องการอะไรจากคนพรรค์นั้นอีก ?” ฉือเหล่ยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าโกรธ “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแล้ว เราคงผ่านชั้น 26 และขึ้นไปถึงชั้น 27 แล้ว !”
มู่หรงเสวี่ยเหินส่ายหน้าและพูดขึ้น “พี่เหมยถูกหลอก...ช่างมันเถอะ ไปกันดีกว่า !”
เธอหันกลับไปมองที่หอฝึกฝน จากนั้นก็มองไปที่จอภาพ
“หือ ? ทำไมปีนี้คนไปถึงแค่ชั้น 21 กันตั้งหลายคน ?”
“บนชั้น 21 ไม่เหลือใครแล้วเหรอ ? เหลือแค่ชั้น 24, 25 กับ 26 งั้นเหรอ ?”
“ตงฟางเหอกับเฉินผิงอัน พวกเขายังอยู่ชั้น 26 !”
“แล้วหยางเฉินหลี่ล่ะ ? เขาก็ได้อาชีพระดับ S...เหมือนกับฉัน เขาไปได้แค่ชั้น 26 งั้นเหรอ ?”
ฉือเหล่ยแปลกใจและพูดขึ้น “แปลกจริงๆ ในการสอบก่อนหน้านี้ คนส่วนมากจะอยู่ที่ชั้น 21-24 !”
“หลายคนไม่มีหวังที่จะเดินหน้าต่อได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะหยุดและฆ่ามอนเตอร์เพื่อเก็บเลเวลด้านใน แล้วทำไมปีนี้...”
“หึ่ง !”
ตอนนั้นเองก็มีแสงส่องประกายขึ้นมาบนจอภาพ
ชื่อของตงฟางเหอกับเฉินผิงอันนั้นได้ขึ้นไปที่ชั้น 27 แทบจะพร้อมกัน !
“ชั้น 27 แล้ว !”
“ทำลายสถิติสำเร็จ !”
“ตงฟางเหอกับเฉินผิงอันทำลายสถิติของเมืองปิ้นไห่ที่อยู่มานานกว่าร้อยปีได้ !”
คนรอบๆพากันตะโกนออกมา สถิติสำหรับผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ของเมืองปิ้นไห่ถูกทำลายแล้ว นี่ถือว่าเป็นรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา !
พวกเขาจะได้มีเรื่องเอาไปโม้กับญาติตามเมืองอื่นๆในอนาคต !
มู่หรงเสวี่ยเหินมองไปที่จอภาพและพูดขึ้นมา “ไปกันเถอะ”
ฉือเหล่ยพูดขึ้นมาด้วยเสียงแหบๆ “คุณหนู....ไม่อยากรู้เหรอว่าตงฟางเหอกับเฉินผิงอันจะไปได้ถึงชั้นไหน ?”
“พวกเขาน่ะเหรอ ?” มู่หรงเสวี่ยเหินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รากฐานของเฉิงผิงอันยังไม่แกร่งพอ อย่างมากเขาก็ไปได้แค่ชั้น 27”
“สำหรับตงฟางเหอแล้ว เขาได้อาชีพอัศวินมังกรมา ! ลองคิดถึงนักบวชมังกรเมื่อร้อยปีก่อนดู มันก็พอมองเห็นอนาคตของตงฟางเหอออก !”
“นักบวชมังกร...ลอร์ดริชาร์ดน่ะเหรอ ?” ฉือเหล่ยลืมหายใจ
นักบวชมังกร ริชาร์ด !
นี่คือคนที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ นี่คือบุคคลที่พวกเขาชื่นชมกันมาตั้งแต่เด็ก !
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ !
คณบดีของมหาลัยประจำเมืองหลวง, รองประธานของสมาคมผู้ปลุกพลังของเมืองหลวงและ 1 ใน 10 ผู้ปลุกพลังในตำนานของเมืองหลวง บอกว่าเขาเคยฆ่าแม่ทัพปิศาจระดับสูงไปในทะเลดวงดาวด้วยตัวเอง !
ด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้ก็เพียงพอทำให้ริชาร์ดยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งโลก !
ตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเหินกลับเทียบตงฟางเหอกับริชาร์ด
สายตาของมู่หรงเสวี่ยเหินสะท้อนแสงอันเย็นชาออกมาและพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ไปเตรียมตัวสำหรับการสู้แบบเดี่ยวในวันพรุ่งนี้ !”
“ฉันต้องเอาโลกวิเศษมาให้ได้ !”
“แม้แต่ตงฟางเหอก็ไม่อาจจะขวางฉันได้ !”
“สำหรับหลี่เหมยแล้ว ให้โอกาสเธอสักครั้ง...”
“ได้ ! คุณหนู !”
ฉือเหล่ยตัวสั่นไปทั้งตัวและตะโกนออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมู่หรงเสวี่ยเหินมั่นใจขนาดนี้
รึว่าการหักหลังของหลี่เหมยนั้นทำให้มู่หรงเสวี่ยเหินเติบโตขึ้นมา ?
....
บนเวที อยู่ๆก็มีคนถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ เด็กจากตระกูลมู่หรงก็ออกมาแล้ว !”
“น่าเสียดาย ! เธอปลุกพลังอาชีพลับระดับ S ขึ้นมาได้ เธอมีโอกาสขึ้นไปชั้น 27 รึว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ?”
“ฮาฮา อัจฉริยะก็คน การที่อัจฉริยะจะสอบตกก็เป็นเรื่องปกติ !”
“สำหรับมู่หรงเสวี่ยเหินแล้ว นี่เป็นแค่อุปสรรคเล็กๆ ถ้าเธอก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปไม่ได้ งั้นเธอจะเติบโตเป็นความหวังของมนุษยชาติได้ยังไง ?”
“คุณเฉินพูดถูก ! นี่ไม่ต้องนับมู่หรงเสวี่ยเหิน ในหมู่คนที่พ่ายแพ้ให้กับตงฟางเหอ บางทีอาจจะมีอัจฉริยะสักคนปรากฏตัวขึ้นมาในอนาคต !”
“หึหึ มันทำให้ฉันนึกถึงนักบวชคู่มังกรริชาร์ด ? เขาเกิดมาเป็นคนธรรมดา หลังจากที่ปลุกพลังอาชีพนักบวชมังกรขึ้นมาได้ เขาก็เจอกับการลอบสังหารและใส่ร้ายมากมาย สุดท้ายเขาก็เติบโตจนแข็งแกร่งได้แบบตอนนี้ไม่ใช่เหรอ ?”
“ใช่...ฉันจำได้ว่าตอนที่คุณริชาร์ดยังไม่ดัง เขาโดนคนมากมายรังแก...”
“ฮาฮา ตงฟางเหอเป็นสมาชิกของตระกูลตงฟางที่มีทรัพยากรมากมาย อัตราการเติบโตของมังกรนั่นต้องเหนือกว่าริชาร์ในอดีตแน่...”
“หวังว่าฉันจะได้เห็นตอนที่ตงฟางเหอเติบโต”
“ท่าไม่ดีแล้ว ! คุณเฉิน ! คุณหยาง ! ครูใหญ่หวัง !”
อยู่ๆก็มีคนตะโกนออกมา “ดูที่หอฝึกฝน หมอกพิษไปถึงชั้น 24 แล้ว !”
“ว่าไงนะ ? !”
บนชั้น 24
หลินลั่วและเพื่อนร่วมทีมยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ข้างๆพวกเขามีปิศาจหิมะและหมีขั่วโลกหลายสิบตัวนอนล้มพับอยู่กับพื้นพร้อมเลือดทีไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด มีหมอกสีดำลอยออกมาจากตัวพวกมันรวมตัวเป็นหมอกพิษ
อากาศเย็นน่ะเหมาะสำหรับแพร่เชื้อที่สุด !
อากาศหนาวเย็นแบบนี้เหมาะเป็นเวทีสำหรับเหลียนอี้หนิง
ตอนนั้นเธอลอยอยู่ในอากาศพร้อมหิมะและลมที่รวมตัวกันรอบตัวเธอ
หมอกพิษของ [โรคห่าระบาด] ถูกลมและหิมะพัดออกไปกระจายไปทั่วชั้น 24 อย่างรวดเร็ว !
[....]
[ คุณเลเวล 29 ! ]
[ ค่าสเตตัสแต่ละอย่างเพิ่มขึ้น 1 หน่วยและได้คะแนนสเตตัสอีก 4 หน่วย ]
[คุณได้รับคะแนนสกิล 1 หน่วย ! ]
เสียงของจิตโลกดังขึ้น เลเวลของหลินลั่วเพิ่มขึ้นมา 5 เลเวลตั้งแต่เก็บเลเวลจากชั้น 21 ถึง 24 !
ในเวลาเดียวกันนั้นมอนเตอร์ในหอฝึกฝนก็โดนฆ่าไปอย่างน้อยเกือบหมื่นตัวเพราะ [โรคห่าระบาด]
การที่มอนเตอร์ตายไปเยอะแบบนี้ก็ทำให้เขาได้คะแนนสกิลมา 4 หน่วย !
เมื่อรวมกับคะแนนสกิลที่ได้มาเมื่อกี้ ตอนนี้เขาก็มีคะแนนสกิล 5 หน่วยแล้ว !
เขาเปิดผังสกิลขึ้นมา [โรคห่าระบาด] ถูกเพิ่มขึ้นเป็นเลเวลล 6 !
“เพิ่มเลเวล [โรคห่าระบาด] !”
มีแสงส่องประกายออกมา [โรคห่าระบาด] ถูกเพิ่มเป็นเลเวล 7 แล้ว !
[เตือน ! สกิลของคุณเพิ่มเป็นเลเวล 7 แล้ว มันขึ้นมาถึงขีดจำกัดของคะแนนสกิล หากคุณต้องการอัพเกรดสกิลนี้ คุณต้องใช้คะแนนสกิลทอง ! ]
คะแนนสกิลทอง !
หลินลั่วตาเป็นประกาย
สกิลทุกสกิลจะเพิ่มเลเวลได้ด้วยคะแนนสกิล แต่อย่างมากก็ได้แค่เลเวล 7
ถ้าต้องการเพิ่มเลเวลสกิลต่อ งั้นก็ต้องมีคะแนนสกิลทอง !
หลังจากที่เพิ่มเลเวลสกิลด้วยคะแนนสกิลทองแล้ว งั้นพวกเขาก็จะได้รับสเตตัสพิเศษจากการเพิ่มเลเวลสกิล มันมีค่าอย่างมาก !
“ฉันเลเวล 29 แล้ว เคลียร์ชั้น 25 ก็น่าจะทำให้ฉันเลเวล 30 ได้ !”
“หลังจากที่เลเวล 30 แล้ว ฉันจะได้เปลี่ยนอาชีพ ไม่รู้ว่าอาชีพขั้น 2 นี่จะเป็นแบบไหน”