บทที่ 40 ผลเกล็ดมังกร!
จากนั้นเขาพลันหันหลังวิ่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับเร่งฝีเท้าสับอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุด
เกือบจะทันทีที่เขาออกจากจุดนั้น งูยักษ์ก็พ่นแสงสีดำออกมาอีกครั้ง ตอนนี้ลำแสงนั้นไล่ตามหลังของหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว ก้อนหินขนาดใหญ่ที่เขาวิ่งผ่านเมื่อครู่ เมื่อถูกลำแสงนี้เข้าไปมันก็แหลกสลายในทันที!
ตูม!
เพียงคลื่นการสั่นสะเทือนจากแรงปะทะเมื่อครู่ ทำให้หลัวเฉิงถึงกับรู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรง ไม่ช้า เขาก็เปิดปากคายเลือดออกมาคำใหญ่
“พลังของงูยักษ์ตัวนี้รุนแรงนัก นี่อาจเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ดาว!”
เมื่อมองย้อนกลับไปในเส้นทางที่เขาวิ่งผ่านก่อนหน้า แววตาของหลัวเฉิงก็แสดงถึงความหวาดหวั่นใช่น้อย
หากเขาเคลื่อนไหวช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เกรงว่าคงแหลกสลายไม่ต่างจากหินก้อนนั้นเป็นแน่!
“เกรงว่าทางรอดของข้า มีเพียงทางเดียวเท่านั้น!”
หลัวเฉิงจึงหยิบโอสถอวี้หลันเม็ดสุดท้ายออกมาอย่างไม่ลังเล แล้วส่งมันให้กับดรุณีชุดขาวโดยการดีดนิ้ว
เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ไม่มีโอกาสที่จะสามารถหลบหนีจากงูยักษ์ได้แม้แต่น้อย ทางออกเดียวของเขาคือต้องอาศัยพลังของสตรีอาภรณ์ขาวเท่านั้น!
ทันทีที่ดรุณีชุดขาวได้รับโอสถเม็ดนั้น ดวงตาอันสดใสของนางก็เป็นประกาย ไม่ช้านางก็กลืนโอสถลงไปในทันที ด้วยฤทธิ์ของโอสถอวี้หลัน ปราณสีดำที่วางคิ้วของนางเริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ฟ่อ!
ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด งูยักษ์ผงาดศีรษะขึ้นเหนือท้องฟ้าแล้วคำรามลั่นสนั่นป่า แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง
ทว่าครานี้ หญิงสาวในชุดขาวไม่ได้หลบหนีอีกต่อไป นางร่ายรำกระบี่อีกครั้ง ทันใดนั้น ดอกบัวสีครามขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏบนปลายกระบี่ ไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจนางก็ฟาดออกไปในทันที
ครืน!
ดอกบัวครามถูกปลดปล่อยออกจากปลายกระบี่ แล้วลอยลิ่วไปตามกระแสลม จนมาหยุดอยู่ที่เหนือศีรษะของงูยักษ์
ทันใดนั้น ดอกบัวครามก็ขยายใหญ่เทียบเท่ากับจวนหนึ่งหลัง มันปกคลุมงูยักษ์ได้ทั่วทั้งตัว ไม่ช้า ปราณกระบี่จำนวนมากจากดอกบัวก็โหมกระหน่ำใส่งูยักษ์ทันที!
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
ปรานกระบี่ตัดลงบนเกล็ดแข็งของมัน จนระเบิดประกายไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้งูยักษ์ถูกปราณกระบี่โถมเข้าใส่ ทำให้ทั่วร่างของมันมีบาดแผลและเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
สีหน้าของหลัวเฉิงเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าสตรีชุดขาวจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
ดูจากรัศมีที่นางปล่อยออกมา มาตรว่าคงก้าวข้ามขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหกไปแล้วอย่างแน่นอน!
“หนึ่งกระบี่ใจสวรรค์!” นางตะคอกเสียงต่ำอย่างเย็นชา
นางอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบ แล้วร่ำกระบี่กระบวนท่าสังหารอีกครั้ง ทันทีที่กระบี่ของนางกวัดแกว่ง แสงสีครามจางๆ ก็พุ่งทะลวงตัดผ่านอากาศทันที
ฉัวะ!
ทันใดนั้น ช่องท้องของงูยักษ์ก็ถูกเจาะทะลวงเป็นรูขนาดใหญ่เทียบเท่ากับชาม และโดยรอบบาดแผลของมันประหนึ่งถูกไฟผลาญจนเป็นสีดำสนิท!
ฟ่อ!
งูยักษ์เชิดศีรษะขึ้นบนฟ้าแล้วร่ำร้องอย่างน่าเวทนายิ่ง เมื่อมันมองเห็นดรุณีชุดขาว ในดวงตาสีแดงฉานประดุจดวงประทีปของมันก็แสดงถึงความหวาดกลัว จากนั้นมันก็ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ตรงหน้าที่ปรากฏ ทำให้หลัวเฉิงถึงกับยืนตะลึงลานนิ่ง เขาไม่คิดเลยว่างูยักษ์จะยอมล่าถอยออกไปเช่นนี้
เมื่อหญิงสาวในชุดขาวเห็นงูยักษ์ตัวนั้นเลื้อยหนีไป นางจึงก้มหน้ามองหลัวเฉิงเบื้องล่าง แล้วร่อนลงมาหาเขาโดยไม่ได้ตามไล่ล่ามันไปแต่อย่างใด
“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “แค่เลือดสั่น เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่าได้ใส่ใจ งูยักษ์ตัวนั้นใช่สัตว์อสูรระดับสี่ดาวหรือไม่?”
“ใช่แล้ว มันคือสัตว์อสูรระดับสี่ดาว งูหลามเกล็ดดำทอง” ดรุณีชุดขาวพยักหน้า
จากนั้น นางจ้องหลัวเฉิงแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีโอสถระดับสองดาวที่สามารถยับยั้งพิษของงูหลามเกล็ดดำทองได้ หากไม่ใช่ว่าเจ้าช่วยข้าล้างพิษได้ทันเวลา เกรงว่าเราทั้งคู่คงไม่สามารถออกจากหุบเขาเมฆาทมิฬได้เป็นแน่”
“ที่เราทั้งคู่เกือบไม่รอดมันเป็นเพราะเจ้ามิใช่หรือ” หลัวเฉิงบ่นเรื่องนี้ในใจเงียบๆ
ที่เขาคิดเช่นนั้นก็เพราะ หากมิใช่นางเป็นผู้ลากงูหลามมาทางนี้ เขาก็คงไม่ต้องมาประสบพบเจอกับสัตว์อสูรอันน่าสยดสยองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้
ระหว่างนั้นเอง สองแก้มของดรุณีชุดขาวก็ร้อนขึ้นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย จากนั้นนางก็กล่าวว่า “ข้าอวิ๋นเหมิงลี่ แล้วเจ้ามีนามว่าอะไร”
“ข้าหลัวเฉิง” หลัวเฉิงตอบกลับ
อวิ๋นเหมิงลี่พยักหน้า แล้วมองหลัวเฉิง “เจ้าอยู่ในขั้นหลอมกายาเท่านั้น ไฉนจึงเข้ามายังส่วนลึกของหุบเขาเมฆาทมิฬเช่นนี้?”
หลัวเฉิงตอบนางโดยมิได้คิดปิดบังแต่อย่างใด “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาโอสถ”
“หาโอสถ…”
อวิ๋นเหมิงลี่พึมพำน้ำเสียงเบา หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ แสงสีเขียวก็ส่องสว่างกระพริบอยู่บนฝ่ามือของนางพร้อมกับการปรากฏของต้นไม้
ต้นไม้นี้สูงราวสองฉื่อและมีสีดำสนิท ซึ่งรูปลักษณ์ของมันคล้ายกับงูสีดำขนาดเล็ก บนต้นมีผลไม้อยู่สองผล ซึ่งขนาดของมันเทียบเท่ากับนิ้วมือพอดี และพื้นผิวภายนอกของผลก็เป็นเกล็ดสีทองเข้ม
อวิ๋นเหมิงลี่หยิบผลไม้นั้นออกมาหนึ่งผล แล้วยื่นให้กับหลัวเฉิง “นี่คือโอสถระดับสี่ดาว ผลเกร็ดมังกร เจ้ารับไว้เถอะ”
“โอสถระดับสี่ดาวงั้นหรือ!”
หลัวเฉิงผงะนิ่งอึ้งไปครู่
จากนั้น อวิ๋นเหมิงลี่ก็พยักหน้า เมื่อนางเห็นหลัวเฉิงยังคงตกตะลึง นางจึงกล่าวว่า “ข้าพบผลเกล็ดมังกรนี้โดยบังเอิญ ขณะที่ข้าเก็บมัน ก็ถูกหมอกพิษของงูหลามเกล็ดดำทองเข้าจู่โจมโดยไม่ทันระวังตัว หากมิใช่เพราะเจ้า เกรงว่าข้าคงไม่อาจรอดจากหายนะครั้งนี้ได้แน่ ดังนั้นเจ้าจึงควรได้รับมัน”
หลัวเฉิงหยิบผลเกล็ดมังกรจากมือของนางด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขอบคุณเจ้ามาก!”
ด้วยผลเกล็ดมังกรนี้ อาการบาดเจ็บของท่านปู่ต้องสามารถรักษาให้หายได้แน่!
“งูหลามเกล็ดดำทองอาจอยู่ไม่ไกลจากเรานัก ข้าจะพาเจ้าออกไปจากหุบเขาเมฆาทมิฬเอง” อวิ๋นเหมิงลี่กล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา
เมื่อกล่าวจบ นางก็เอื้อมมือขาวราวหยกไปคว้าแขนขวาของหลัวเฉิง จากนั้นปลายเท้าของนางก็เหยียดออก แล้วร่างทั้งสองก็พลันเหินขึ้นบนฟ้าราวกับนกกระเรียนทันที