ตอนที่แล้วบทที่ 39 ดรุณีชุดขาว 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 สำนักซวนหยวน

บทที่ 40 ผลเกล็ดมังกร!


จากนั้นเขาพลันหันหลังวิ่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับเร่งฝีเท้าสับอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุด

เกือบจะทันทีที่เขาออกจากจุดนั้น งูยักษ์ก็พ่นแสงสีดำออกมาอีกครั้ง ตอนนี้ลำแสงนั้นไล่ตามหลังของหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว ก้อนหินขนาดใหญ่ที่เขาวิ่งผ่านเมื่อครู่ เมื่อถูกลำแสงนี้เข้าไปมันก็แหลกสลายในทันที!

ตูม!

เพียงคลื่นการสั่นสะเทือนจากแรงปะทะเมื่อครู่ ทำให้หลัวเฉิงถึงกับรู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรง ไม่ช้า เขาก็เปิดปากคายเลือดออกมาคำใหญ่

“พลังของงูยักษ์ตัวนี้รุนแรงนัก นี่อาจเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ดาว!”

เมื่อมองย้อนกลับไปในเส้นทางที่เขาวิ่งผ่านก่อนหน้า แววตาของหลัวเฉิงก็แสดงถึงความหวาดหวั่นใช่น้อย

หากเขาเคลื่อนไหวช้ากว่านี้เพียงก้าวเดียว เกรงว่าคงแหลกสลายไม่ต่างจากหินก้อนนั้นเป็นแน่!

“เกรงว่าทางรอดของข้า มีเพียงทางเดียวเท่านั้น!”

หลัวเฉิงจึงหยิบโอสถอวี้หลันเม็ดสุดท้ายออกมาอย่างไม่ลังเล แล้วส่งมันให้กับดรุณีชุดขาวโดยการดีดนิ้ว

เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ไม่มีโอกาสที่จะสามารถหลบหนีจากงูยักษ์ได้แม้แต่น้อย ทางออกเดียวของเขาคือต้องอาศัยพลังของสตรีอาภรณ์ขาวเท่านั้น!

ทันทีที่ดรุณีชุดขาวได้รับโอสถเม็ดนั้น ดวงตาอันสดใสของนางก็เป็นประกาย ไม่ช้านางก็กลืนโอสถลงไปในทันที ด้วยฤทธิ์ของโอสถอวี้หลัน ปราณสีดำที่วางคิ้วของนางเริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ฟ่อ!

ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด งูยักษ์ผงาดศีรษะขึ้นเหนือท้องฟ้าแล้วคำรามลั่นสนั่นป่า แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง

ทว่าครานี้ หญิงสาวในชุดขาวไม่ได้หลบหนีอีกต่อไป นางร่ายรำกระบี่อีกครั้ง ทันใดนั้น ดอกบัวสีครามขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏบนปลายกระบี่ ไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจนางก็ฟาดออกไปในทันที

ครืน!

ดอกบัวครามถูกปลดปล่อยออกจากปลายกระบี่ แล้วลอยลิ่วไปตามกระแสลม จนมาหยุดอยู่ที่เหนือศีรษะของงูยักษ์

ทันใดนั้น ดอกบัวครามก็ขยายใหญ่เทียบเท่ากับจวนหนึ่งหลัง มันปกคลุมงูยักษ์ได้ทั่วทั้งตัว ไม่ช้า ปราณกระบี่จำนวนมากจากดอกบัวก็โหมกระหน่ำใส่งูยักษ์ทันที!

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

ปรานกระบี่ตัดลงบนเกล็ดแข็งของมัน จนระเบิดประกายไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้งูยักษ์ถูกปราณกระบี่โถมเข้าใส่ ทำให้ทั่วร่างของมันมีบาดแผลและเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

สีหน้าของหลัวเฉิงเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าสตรีชุดขาวจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้

ดูจากรัศมีที่นางปล่อยออกมา มาตรว่าคงก้าวข้ามขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหกไปแล้วอย่างแน่นอน!

“หนึ่งกระบี่ใจสวรรค์!” นางตะคอกเสียงต่ำอย่างเย็นชา

นางอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบ แล้วร่ำกระบี่กระบวนท่าสังหารอีกครั้ง ทันทีที่กระบี่ของนางกวัดแกว่ง แสงสีครามจางๆ ก็พุ่งทะลวงตัดผ่านอากาศทันที

ฉัวะ!

ทันใดนั้น ช่องท้องของงูยักษ์ก็ถูกเจาะทะลวงเป็นรูขนาดใหญ่เทียบเท่ากับชาม และโดยรอบบาดแผลของมันประหนึ่งถูกไฟผลาญจนเป็นสีดำสนิท!

ฟ่อ!

งูยักษ์เชิดศีรษะขึ้นบนฟ้าแล้วร่ำร้องอย่างน่าเวทนายิ่ง เมื่อมันมองเห็นดรุณีชุดขาว ในดวงตาสีแดงฉานประดุจดวงประทีปของมันก็แสดงถึงความหวาดกลัว จากนั้นมันก็ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์ตรงหน้าที่ปรากฏ ทำให้หลัวเฉิงถึงกับยืนตะลึงลานนิ่ง เขาไม่คิดเลยว่างูยักษ์จะยอมล่าถอยออกไปเช่นนี้

เมื่อหญิงสาวในชุดขาวเห็นงูยักษ์ตัวนั้นเลื้อยหนีไป นางจึงก้มหน้ามองหลัวเฉิงเบื้องล่าง แล้วร่อนลงมาหาเขาโดยไม่ได้ตามไล่ล่ามันไปแต่อย่างใด

“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”

หลัวเฉิงส่ายศีรษะเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “แค่เลือดสั่น เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่าได้ใส่ใจ งูยักษ์ตัวนั้นใช่สัตว์อสูรระดับสี่ดาวหรือไม่?”

“ใช่แล้ว มันคือสัตว์อสูรระดับสี่ดาว งูหลามเกล็ดดำทอง” ดรุณีชุดขาวพยักหน้า

จากนั้น นางจ้องหลัวเฉิงแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีโอสถระดับสองดาวที่สามารถยับยั้งพิษของงูหลามเกล็ดดำทองได้ หากไม่ใช่ว่าเจ้าช่วยข้าล้างพิษได้ทันเวลา เกรงว่าเราทั้งคู่คงไม่สามารถออกจากหุบเขาเมฆาทมิฬได้เป็นแน่”

“ที่เราทั้งคู่เกือบไม่รอดมันเป็นเพราะเจ้ามิใช่หรือ” หลัวเฉิงบ่นเรื่องนี้ในใจเงียบๆ

ที่เขาคิดเช่นนั้นก็เพราะ หากมิใช่นางเป็นผู้ลากงูหลามมาทางนี้ เขาก็คงไม่ต้องมาประสบพบเจอกับสัตว์อสูรอันน่าสยดสยองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้

ระหว่างนั้นเอง สองแก้มของดรุณีชุดขาวก็ร้อนขึ้นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย จากนั้นนางก็กล่าวว่า “ข้าอวิ๋นเหมิงลี่ แล้วเจ้ามีนามว่าอะไร”

“ข้าหลัวเฉิง” หลัวเฉิงตอบกลับ

อวิ๋นเหมิงลี่พยักหน้า แล้วมองหลัวเฉิง “เจ้าอยู่ในขั้นหลอมกายาเท่านั้น ไฉนจึงเข้ามายังส่วนลึกของหุบเขาเมฆาทมิฬเช่นนี้?”

หลัวเฉิงตอบนางโดยมิได้คิดปิดบังแต่อย่างใด “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาโอสถ”

“หาโอสถ…”

อวิ๋นเหมิงลี่พึมพำน้ำเสียงเบา หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ แสงสีเขียวก็ส่องสว่างกระพริบอยู่บนฝ่ามือของนางพร้อมกับการปรากฏของต้นไม้

ต้นไม้นี้สูงราวสองฉื่อและมีสีดำสนิท ซึ่งรูปลักษณ์ของมันคล้ายกับงูสีดำขนาดเล็ก บนต้นมีผลไม้อยู่สองผล ซึ่งขนาดของมันเทียบเท่ากับนิ้วมือพอดี และพื้นผิวภายนอกของผลก็เป็นเกล็ดสีทองเข้ม

อวิ๋นเหมิงลี่หยิบผลไม้นั้นออกมาหนึ่งผล แล้วยื่นให้กับหลัวเฉิง “นี่คือโอสถระดับสี่ดาว ผลเกร็ดมังกร เจ้ารับไว้เถอะ”

“โอสถระดับสี่ดาวงั้นหรือ!”

หลัวเฉิงผงะนิ่งอึ้งไปครู่

จากนั้น อวิ๋นเหมิงลี่ก็พยักหน้า เมื่อนางเห็นหลัวเฉิงยังคงตกตะลึง นางจึงกล่าวว่า “ข้าพบผลเกล็ดมังกรนี้โดยบังเอิญ ขณะที่ข้าเก็บมัน ก็ถูกหมอกพิษของงูหลามเกล็ดดำทองเข้าจู่โจมโดยไม่ทันระวังตัว หากมิใช่เพราะเจ้า เกรงว่าข้าคงไม่อาจรอดจากหายนะครั้งนี้ได้แน่ ดังนั้นเจ้าจึงควรได้รับมัน”

หลัวเฉิงหยิบผลเกล็ดมังกรจากมือของนางด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขอบคุณเจ้ามาก!”

ด้วยผลเกล็ดมังกรนี้ อาการบาดเจ็บของท่านปู่ต้องสามารถรักษาให้หายได้แน่!

“งูหลามเกล็ดดำทองอาจอยู่ไม่ไกลจากเรานัก ข้าจะพาเจ้าออกไปจากหุบเขาเมฆาทมิฬเอง” อวิ๋นเหมิงลี่กล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา

เมื่อกล่าวจบ นางก็เอื้อมมือขาวราวหยกไปคว้าแขนขวาของหลัวเฉิง จากนั้นปลายเท้าของนางก็เหยียดออก แล้วร่างทั้งสองก็พลันเหินขึ้นบนฟ้าราวกับนกกระเรียนทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด