บทที่ 39 ดรุณีชุดขาว
“โอ้สวรรค์ ไฉนข้าถึงได้โชคร้ายขนาดนี้!”
เมื่อเห็นงูยักษ์เลื้อยมาหาเขา หลัวเฉิงก็คร่ำครวญอยู่ในใจแล้วหันหลังกลับวิ่งสุดกำลังทันที
พื้นที่ใดก็ตามที่งูยักษ์เลื้อยผ่านไป จะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนแม้แต่พืชพันธุ์ก็ล้มระเนระนาด
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ระยะห่างระหว่างมันกับหลัวเฉิงก็ลดลงทางไม่ถึงห้าร้อยฉื่อ!
“มาเร็วมาก! นั่นมัน…”
ขณะที่หลัวเฉิงกำลังวิ่งพร้อมหันกลับไปมอง เขาก็พบว่ามีสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ อยู่เบื้องหน้าของงูยักษ์ตัวนั้น
ที่ด้านหลังของดรุณีชุดขาว มีวิหคสีฟ้าขนาดยักษ์ลอยอยู่ ในมือของนางถือกระบี่ยาว ทั่วร่างนางขณะนี้เต็มไปด้วยแสงสีเขียวเล็กๆ เท้าของนางมิได้สัมผัสพื้นแต่อย่างใด นางบินโฉบไปมาคอยหลีกเลี่ยงแสงสีดำที่ถูกพ่นออกมาจากงูยักษ์
“โอ้สวรรค์ ทำไมนางต้องลอยมาทางนี้!”
หลัวเฉิงอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ เขารับรู้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า การที่งูยักษ์เลื้อยมาทางนี้เป็นเพราะมันตามดรุณีชุดขาวคนนั้น!
ทันใดนั้น ลำแสงสีดำอีกสายหนึ่งก็พุ่งทะลวงผ่านป่า แล้วกระทบเข้าที่พื้นซึ่งห่างจากหลัวเฉิงไปเพียงไม่ถึงห้าสิบก้าว
ฟี!
สิ่งใดก็ตามที่ถูกลำแสงสีดำนี้สัมผัส มันจะถูกหลอมละลายในทันที ใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็เหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว
“พิษงั้นรึ!”
หลัวเฉิงได้กลิ่นคาวพานให้วิงเวียนศีรษะทันที ระหว่างนั้นเอง ความรู้สึกเย็นสบายก็พุ่งพล่านออกมาจากช่องท้อง พัดเอาความรู้สึกวิงเวียนเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสดชื่นทันที!
“หรือว่าจะเป็น ดอกอวี้หลัน!”
หลัวเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อคืนนี้โดยการกลืนโอสถอวี้หลัน ทำให้ฤทธิ์ของโอสถยังคงอยู่ในร่างเขา
มิฉะนั้น เขาคงมิอาจต้านทานพิษของงูยักษ์ตัวนี้ได้แน่นอน
“หากวิ่งเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงหนีไม่พ้นแน่!”
เมื่อเห็นงูยักษ์เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ หลัวเฉิงก็รีบกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะพบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่มากพอจะใช้กำบังตัว เขาจึงรีบพุ่งไปยังหินก้อนนั้นแล้วซ่อนตัวทันที
ดรุณีชุดขาวและงูยักษ์ ย่นระยะใกล้เขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มันใกล้มากจนทำให้หลัวเฉิงเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าสตรีนางนั้นมีรูปลักษณ์เป็นเช่นใด
นางสวมอาภรณ์สีขาว มีผมดำยาวราวกับม่านน้ำตก คิ้วของนางโค้งดุจพระจันทร์เสี้ยว และมีผ้าคลุมหน้า นางบินอยู่บนท้องฟ้าดูราวเทพธิดาจากสรวงสวรรค์มิมีผิด
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้หลัวเฉิงสนใจมากที่สุด มิใช่ความงดงามของสตรีนางนั้น แต่เป็นวิญญาณยุทธ์ที่อยู่เบื้องหลังของนางต่างหาก!
วิหคสีฟ้ายักษ์ตัวนั้น ทั่วร่างของมันรุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิงสีคราม และในตัวของมันมีดาวจรัสแสงทั้งหมดสิบดวง!
วิญญาณยุทธ์ระดับสิบดาว!
หลัวเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังเช่นนี้!
อย่างไรก็ตาม สภาพของดรุณีชุดขาวยามนี้ดูมิสู้ดีนัก เนื่องจากวางคิ้วและดวงตาของนางมีปราณสีดำปรากฏอยู่ เห็นได้ชัดว่านางถูกพิษของงูยักษ์โจมตี
ฟึบ!
ชั่วพริบตาเดียว สตรีอาภรณ์ขาวก็ลอยมาจนถึงด้านหน้าของโขดหิน พร้อมกับเหลือบสายตาไปเห็นหลัวเฉิงที่หลบอยู่ตรงนั้น
ทั้งคู่ประสานสายตากัน พานให้ดวงตาของนางฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย นั่นเพราะนางไม่คิดว่าจะมีผู้ใดมาอยู่ในป่าลึกขนาดนี้
เมื่อเห็นว่ามีคนซุ่มซ่อนอยู่หลังก้อนหิน คิ้วของนางก็ขมวดแล้วย่างก้าวหันหลังกลับ จากนั้นเหินไปยังทิศตรงกันข้ามกับโขดหิน
ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ล่าช้า จู่ๆ งูยักษ์ก็พุ่งตัวไปข้างหน้านาง แล้วอ้าปากอันใหญ่โตของมันขึ้นอย่างกะทันหัน
บัซ!
ลำแสงสายดำสนิทพลันพุ่งเข้าหาดรุณีชุดขาวอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งกระบี่ใจสวรรค์!”
เมื่อรับรู้ว่าตนไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ สตรีอาภรณ์ขาวจึงร่ายรำเพลงกระบี่สีครามฟาดออกไปทันที ซึ่งปราณกระบี่นี้มีขนาดใหญ่เกือบสามสิบฉื่อ
บูม!
ประกายแสงสีครามและดำสนิทเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง พื้นที่โดยรอบถูกปราณกระบี่ตัดผ่านจนเกิดเป็นร่องลึกขนาดใหญ่ ซึ่งลมที่ถูกแผ่ออกมาล้วนมีกลิ่นคาวของพิษอันน่าพรั่นพรึง!
จากการปะทะอันรุนแรงนี้ ส่งให้ดรุณีชุดขาวถึงกับล่าถอยไปข้างหลังหลายก้าว และปราณสีดำที่วางคิ้วของนางก็เข้มขึ้นกว่าเดิมนัก
ฟ่อ!
เมื่อเห็นว่ามันเป็นฝ่ายได้เปรียบ งูยักษ์จึงอาศัยโอกาสนี้โฉบหัวของมันขึ้นสูง แล้วเหวี่ยงหางของมันที่ราวกับแส้เหล็กหนาขนาดใหญ่ ฟาดใส่ดรุณีชุดขาวทันที
ครั้นเห็นหางขนาดใหญ่ที่ฟาดเข้ามา ร่างของหญิงสาวในชุดขาวกลายเป็นกระแสแสงสีฟ้า หลีกเลี่ยงการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว
แต่ทันทีที่นางไหวตัวหลบ หางนั้นก็พลันฟาดเข้าใส่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่หลัวเฉิงหลบอยู่ จนแตกกระจาย!
หลัวเฉิงซึ่งกำลังหลบซ่อนอยู่หลังก้อนหิน จนแทบกลั้นหายใจด้วยเกรงว่าภัยจะมาเยือน
แต่ตอนนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ความรู้สึกที่ต้องเผชิญกับวิกฤตก็ผุดขึ้นในใจเขาอีกครั้ง เขาลุกผงาดขึ้นยืน ก่อนเงยหน้าไปสบตากับงูยักษ์ตัวนั้น
“โอ้ ให้ตายเถอะ!” หลัวเฉิงพึมพำด้วยรอยยิ้มเจื่อน