บทที่ 235 ทักษะวิญญาณยุทธ์
หยางเสี่ยวเทียนซัดหมัดต่อยท้องเฉิงเซิ่ง กระทั่งร่างลอยกระเด็นปลิวไปราวเศษขยะไร้ประโยชน์มิมีความสำคัญใดให้สนใจ
“ถึงตาเจ้าแล้ว” เขาหันกลับมาพร้อมจับจ้องยังเติ้งอี้ชุนด้วยสีหน้านิ่งเฉย
เติ้งอี้ชุนผู้เพิ่งปากพล่อยกล่าวหาหยางเสี่ยวเทียน ว่ามีปัญหาทางสมองจนเสียสติไปเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนสีหน้าด้วยความประหลาดใจ
เมื่อหวั่นกลัวจนตื่นตระหนก เติ้งอี้ชุนไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ว่าเท้าทั้งสองของตนเคลื่อนถอยหลังไปถึงสามสี่ก้าวตั้งแต่เมื่อใด
ครั้นเติ้งอี้ชุนไม่มีทีท่าจะก้าวมาประจัญหน้า หยางเสี่ยวเทียนจึงต้องเป็นฝ่ายย่างเท้าเข้าหาเขาขณะใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกใด ทำอีกฝ่ายยิ่งหมดความมาดมั่นในตนลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ถอยหนี
เพราะความสะพรึงกลัว แม้นถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ไร้เกียรติ เติ้งอี้ชุนก็ยังคงก้าวถอยต่อกระทั่งหลังชนศิลาขนาดใหญ่ด้านหลัง ถึงตระหนักได้ว่าไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว
ระหว่างสัมผัสถึงการจับจ้องจากบรรดาศิษย์โดยรอบ เติ้งอี้ชุนกลับลอบรู้สึกละอายใจ เขาก้มหน้าขบคิดกับตนอยู่ครู่ก่อนจู่ๆ จะแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ แสงสว่างพลันระเบิดพุ่งปกคลุมรอบกายพร้อมปรากฏค้อนยักษ์เบื้องหลังเขาทันที
ค้อนขนาดยักษ์ ที่ถูกล้อมรอบด้วยลมพายุคลั่ง
แน่นอนว่านี่คือวิญญาณยุทธ์เติ้งอี้ชุน ค้อนวายุคลั่ง ซึ่งเป็นวิญญาณยุทธ์สมบูรณ์แต่กำเนิดระดับสิบที่ไม่อ่อนแอไปกว่าวิญญาณยุทธ์วิหคเพลิงของหยางจงเลย
เติ้งอี้ชุนเค้นปราณแท้จากตันเถียนแล้วปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้น ก็เหวี่ยงค้อนวายุคลั่งออกไปหมายโจมเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
ขณะค้อนวายุคลั่งอันทรงพลังระเบิดออก ขนาดของมันก็ยังคงขยายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่เท่าหุบเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง
“ทักษะวิญญาณยุทธ์” เหล่ยจื่อและคนอื่นๆ ประหลาดใจ
หลังจากที่บางคนบุกทะลวงเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ได้ วิญญาณยุทธ์ของพวกเขาจะปลุกพลังเวทย์ให้ตื่นขึ้น ซึ่งเรียกสิ่งนี้ว่า ผสานทักษะวิญญาณยุทธ์เข้ากับกายแท้
ยิ่งระดับของวิญญาณยุทธ์สูงเท่าไร พลังเวทย์ที่ตื่นขึ้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เวทย์บางอย่างที่ถูกปลุกโดยวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงนั้น ทรงพลังพอๆ กับพลังเวทย์ระดับมหาจอมเวทย์
หลังวิญญาณยุทธ์ปลุกพลังเวทย์สำเร็จแล้ว เหล่าวิญญาจารย์จะสามารถใช้วิญญาณยุทธ์ของตนโจมตีศัตรูได้โดยตรง
การแสดงออกของหยางเสี่ยวเทียนยังคงเรียบเฉยไม่แยแส เขายืนมองดูค้อนวายุคลั่งขนาดเท่าเขาลูกหนึ่งจากเติ้งอี้ชุน ที่กำลังโถมเข้าหาตนด้วยความหนักหน่วง แต่สิ่งที่เขาใช้รับมือกับมัน กลับเป็นเพียงกำปั้นน้อยๆ ซัดเข้าปะทะอย่างมิให้เกียรติ
ปัง!
พลังหมัดของหยางเสี่ยวเทียน ปะทะกับค้อนยักษ์ที่มีขนาดราวขุนเขาอย่างรุนแรงกระทั่งกลิ่นอายอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาเป็นระลอกคลื่น
ทันใดนั้น ค้อนวายุคลั่งที่ขนาดราวขุนเขาของเติ้งอี้ชุน ก็พลันระเบิดแตกสลายท่ามกลางนภากาศอย่างช่วยไม่ได้
เท้าเติ้งอี้ชุนซึ่งเหนี่ยวรั้งพื้นอย่างมั่นคงในตอนแรก เพลานี้กลับไถลกรูดขณะพ่นเลือดออกจากปากคำใหญ่ ครั้นถูกโจมตีรุนแรงจนสาหัส ก่อนที่สุดจะกระแทกอัดเข้ากับศิลาเบื้องหลังเสียงดังสนั่น
ศิลาแกร่งระเบิดลั่น
เติ้งอี้ชุนเพลานี้ ถูกปกคลุมไปด้วยเศษหินดินทรายฟุ้งกระจายไปทั่วใบหน้าแลร่างกาย แต่ถึงกระนั้น ความสยดสยองบนใบหน้าเขา ก็มิอาจปกปิดต่อสายตาผู้คนในเหตุการณ์ได้
ตั้งแต่วิญญาณยุทธ์เขาปลุกพลังเวทย์อย่างทักษะวิญญาณยุทธ์ เขาก็ไม่เคยใช้มันสักครั้ง เพราะความตั้งใจเดิม เขาหมายใช้มันต่อหน้าทุกคนในการแข่งขันประลองตัวต่อตัวรอบสอง เพื่อสร้างปรากฏการณ์อันน่าจดจำจนโด่งดังไปทั่ว
และครู่นั้น แม้นเขาจะเค้นพละกำลังทั้งหมดเพื่อเปิดใช้งานทักษะวิญญาณยุทธ์ แต่กลับมิสามารถเอาชนะหรือกระทั่งป้องกันเพียงกำปั้นน้อยๆ จากหยางเสี่ยวเทียนได้เลย
ทันทีที่ค้อนวายุคลั่งหรือทักษะวิญญาณยุทธ์เขาปะทะกับหมัดหยางเสี่ยวเทียน ความรู้สึกมันคล้ายว่าเขาซัดค้อนยักษ์โจมใส่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมามิมีผิด
ตอนนี้ ความสะพรึงกลัวต่อหมัดนั้น เหนือจินตนาการเติ้งอี้ชุนไปมาก เขาแทบสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของหมัดที่เฉิงเซิ่งเพิ่งได้รับยังท้องอย่างชัดเจน
ไม่แปลกใจเลย ที่ใบหน้าเฉิงเซิ่งฮุ่ยจะบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเช่นนั้น
เพราะขนาดเขาเอง ที่ใช้ทักษะวิญญาณยุทธ์โจมปะทะกับหยางเสี่ยวเทียน ทั่วทั้งสารพางค์ยังปวดร้าวกระทั่งพ่นเลือดออกมา ในขณะที่เฉิงเซิ่งถูกหยางเสี่ยวเทียนซัดหมัดเข้าท้องโดยตรง ฝ่ายนั้นจะต้องรู้สึกขนาดไหน
หลังหยางเสี่ยวเทียนต่อยเติ้งอี้ชุนจนร่างจมหายไปกับฝุ่นแล้ว เขาก็หันกลับมากวาดสายตามองไปรอบๆ ทำศิษย์สำนักเสินไห่ สำนักยวินฮุยและสำนักเหล่ยถิงต่างก้มหน้าก้มตาระหว่างถอยตัวหลบด้วยตื่นตกใจ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะสบตาเขาสักคน
ขณะกวาดสายตามองศิษย์ทุกคน ที่สุด ดวงตาหยางเสี่ยวเทียนก็หยุดมองยังเหล่ยจื่อ บุตรสายฟ้าจากสำนักเหล่ยถิง
“บุตรสายฟ้า ลงมือเถอะ” หยางเสี่ยวเทียนมองไปที่อีกฝ่าย
เหล่ยจื่อสูดหายใจคลายความรู้สึกอึดอัด จากนั้นมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมย่างเท้าก้าวออกไปเบื้องหน้าสองสามก้าว
ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา แสงสว่างพลันแล่นวาบพุ่งพล่านระหว่างส่งเสียงอสนีบาตพร้อมปรากฏอัสนีอสรพิษพันรอบกายเขาประกายแปลบปลาบ
เวลาเดียวกัน การหลั่งไหลของอากาศสีแดงฉานคล้ายเปลวเพลิงก็ปรากฏบนตัวบุตรสายฟ้า
คลื่นความร้อนอันน่าประหลาดใจพุ่งสูงขึ้นจากทั่วทุกทิศทางราวกับกระแสน้ำในทะเล ส่งผลให้ทุกคนรอบตัวเขา ต่างถอยห่างด้วยความตื่นตระหนก
มีเพียงหยางเสี่ยวเทียนเท่านั้น ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เมื่อคลื่นความร้อนสีแดงต่อหน้าหยางเสี่ยวเทียนม้วนตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างเขาก็ถูกผลักให้ถอยกลับไปด้วยพลังที่มิอาจมองเห็น