ตอนที่ 55 เพราะข้าไร้ศีลธรรม
ตอนที่ 55 เพราะข้าไร้ศีลธรรม
จากมุมมองของสานุศิษย์นิกายเทียนสุ่ยคือฉินอวิ๋นที่เดินอยู่บนถนนนั้นมีดวงตาชั่วร้ายและน่ากลัวเหมือนสัตว์นักล่า เขายังมีสีหน้าที่ทำให้คนอยากอยู่ห่าง ดูไม่เหมือนชายหนุ่มใสซื่อคนเดิม แต่เหมือนผู้ปลูกฝังมารที่ชั่วร้ายมากกว่า
บางครั้งเขาวิ่งมาหาพวกนางด้วยรอยยิ้มหยาบโลนและมองพวกนางด้วยสายตาน่ากลัว แต่ยังกล้าถามพวกนางว่ามีสิ่งใดผิดปกติ
บัดนี้สีหน้าของเขายิ่งอันตรายขึ้น มีเจตนาสังหารในดวงตาด้วย ราวกับว่าหากพวกนางตอบคำถามไม่ถูกใจ เขาจะฆ่าพวกนางทิ้ง
ภายใต้สถานการณ์นี้จึงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ฉินอวิ๋นและหลีกเลี่ยงเขา
“เอ๋ ศิษย์พี่หญิงเล็ก”
เขาบังเอิญเห็นเซียวอวี่ลั่วเดินลงจากภูเขา เดิมทีเขาอยากก้าวไปข้างหน้าและทักทาย แต่เมื่อคิดว่าเซียวอวี่ลั่วไม่ชอบเขา จึงทำให้เขาล้มเลิกความคิดไป
“น่าจะกำลังไปที่เขตย่อย ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หญิงเล็กสนุกกับการผดุงความยุติธรรมจริงๆ”
แม้ว่าศิษย์พี่หญิงเล็กจะไม่ชอบเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องยอมรับในตัวนางคือความมีจิตใจที่ดี
แต่สำหรับศิษย์พี่หญิงเล็กคนนี้ ฉินอวิ๋นยังมีความรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
……
ตามที่ฉินอวิ๋นคาดไว้คือเซียวอวี่ลั่วไปที่เขตย่อยจริงๆ
นางเลือกที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดก่อนหน้านี้และบังคับตัวเองให้กลับสู่หน้าที่เดิม
ในอดีต เวลาที่นางหดหู่ใจมักเลือกไปตลาดเพื่อปราบปรามความชั่วผดุงคุณธรรม การได้ช่วยเหลือผู้อ่อนแอถือว่าเป็นการได้ระบายอารมณ์ของนาง
บางทีคงเพราะนางเคยเปียกฝนมาแล้วจึงไม่อยากเห็นคนอื่นเปียกฝนด้วย
แต่ยังไม่ถึงตลาด เซียวอวี่ลั่วได้เจอเหตุการณ์คนถูกกลั่นแกล้งขึ้นแล้ว
บนถนนมุ่งสู่ตลาดมีรถม้าจอดอยู่ มีชายวัยกลางคนสวมอาภรณ์หรูหราสั่งให้องครักษ์หลายคนทุบตีแม่เฒ่าคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนเป็นผู้ฝึกตนในระดับผันวิญญาณ ส่วนแม่เฒ่ามีพลังชี่เพียงเล็กน้อยในกาย
ความแข็งแกร่งระหว่างคนทั้งสองแตกต่างกันมาก ถือเป็นการรังแกผู้อ่อนแอกว่าจริงๆ
รังแกคนแก่ไม่มีทางสู้ในเวลากลางวันแสกๆ ทำให้ความโกรธของเซียวอวี่ลั่วระเบิดทันที
“หยุด! พวกเจ้ากำลังทำอะไร!” นางตวาด
ชายวัยกลางคนในชุดหรูหราผงะ ราวกับเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาขวาง แต่เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเซียวอวี่ลั่ว เขาจึงอดหัวเราะไม่ได้ “ที่แท้ก็ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ข้าเตือนว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น มิฉะนั้น…”
“ช้าก่อน ท่านเจ้าบ้าน ดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแลเซียวนะขอรับ” องครักษ์ที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจำเซียวอวี่ลั่วได้ เขารีบดึงแขนเสื้อของเจ้านายและเตือนด้วยเสียงกระซิบ
“ฮะ ผู้ดูแลเซียวหรือ?” ชายชุดหรูหราตกตะลึงอยู่นาน จากนั้นเมื่อจำได้จึงมีเหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผากของเขา
เขารีบปรับท่าทางให้ซื่อตรงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แหะ แหะ ที่แท้ก็เป็นผู้ดูแลเซียว ผู้น้อยมีตาแต่หามีแววไม่”
“ไสหัวไปซะ!” เซียวอวี่ลั่วขมวดคิ้วแล้วตวาดไล่เสียงเย็นชา
“ไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
ทันใดนั้นชายวัยกลางก็นั่งรถม้าออกไปโดยมีองครักษ์จำนวนหนึ่งติดตามไปด้วยราวกับกำลังวิ่งหนีเหมือนถูกกำกับไว้หมดแล้ว
“แม่เฒ่า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
หลังจากไล่ตะเพิดคนพวกนั้นไปแล้ว เซียวอวี่ลั่วจึงเข้ามาถามด้วยความกังวล ตอนนี้แม่เฒ่าถูกทุบตีจนจมูกและใบหน้าฟกช้ำไปหมด
แต่อยู่ๆ แม่เฒ่าก็ลงไปนอนกับพื้น แสงสีดำในดวงตาเปล่งประกายและใบหน้าของนางแสดงความเจ็บปวดสุดแสน
“ไอโหยว ไอโหยว แม่เฒ่าคนนี้เจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“เอ่อ แม่เฒ่าเป็นอะไรไป?” เซียวอวี่ลั่วขมวดคิ้ว นางรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยแม่เฒ่าลุกขึ้น นางเองก็สับสน เพราะแม้ว่าแม่เฒ่าจะดูน่าสงสาร แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่อาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น
“แม่นางน้อย เจ้ามีหัวใจบ้างหรือเปล่า! เจ้าทุบตีแม่เฒ่าคนนี้ได้ลงคอ ไอโหยว เอวของข้า ถ้าไม่ได้หินวิญญาณสามพันก้อน ข้าคงลุกไม่ขึ้นแน่ๆ” ขณะที่พูด แม่เฒ่ายกมือทุบเอวและดูเหมือนเจ็บปวดมาก
“แม่เฒ่า กรุณาพูดให้ดีหน่อย ข้าไม่ได้ทุบตีท่านนะ” ดวงตาของเซียวอวี่ลั่วเบิกกว้างและจ้องมองแม่เฒ่าด้วยความไม่เชื่อ
“เจ้าไม่ได้ตีข้า แล้วเจ้าช่วยข้าทำไม?” แม่เฒ่าชี้หน้าเซียวอวี่ลั่วและแสดงสีหน้าดุร้ายออกมา ดูไม่น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย นิ้วผอมแห้งเหมือนกิ่งไม้จับมือของเซียวอวี่ลั่วไว้แน่น “ค่าทำขวัญ เจ้าต้องจ่ายมา!”
หัวใจอันอบอุ่นของเซียวอวี่ลั่วกลายเป็นเย็นชา หมายความว่าอย่างไร นางทุบตีหรือ?
ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้แม่เฒ่าถึงถูกทุบตี
แต่นางไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร
ในอดีตความดีคือความดี ความชั่วก็คือความชั่ว แค่ไล่พวกอันธพาลออกไปก็จบ
เห็นได้ชัดว่าด้วยความแข็งแกร่งของนางสามารถผลักเบาๆ แม่เฒ่าก็กระเด็นออกไปได้ แต่ตอนนี้นางไม่กล้าใช้กำลัง เพราะแม่เฒ่ากำมือนางแน่นเกินไป หากนางใช้พลังจะทำร้ายแม่เฒ่าแน่นอน
ด้วยความตื่นตระหนกจึงทำให้นางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอยู่พักใหญ่
“เหตุใดเจ้าไม่ยอมจ่าย!” น้ำลายของแม่เฒ่าแทบจะถ่มใส่หน้าเซียวอวี่ลั่ว “ข้าบอกเจ้าแล้ว ถ้าวันนี้เจ้าไม่จ่ายค่าทำขวัญก็อย่าคิดที่จะจากไป!”
และช่างบังเอิญที่มีผู้สัญจรจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นริมถนนและชี้มาที่เซียวอวี่ลั่ว
“แม่นางน้อยคนนี้เป็นอะไรไป? นางทุบตีแม่เฒ่าจริงๆ หรือ”
“น่ารังเกียจมาก!”
“แม่เฒ่าอายุมากแล้วกลับถูกนางทุบตีขนาดนี้”
“นั่นสิ ไร้การอบรมจริงๆ นางไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนเลยหรือ?”
ทุกประโยค ทุกคำพูดกลายเป็นมีดคมกริบแทงทะลุหัวใจของเซียวอวี่ลั่ว โดยเฉพาะคำว่าพ่อแม่นั้นทำให้ใจนางสั่นไปหมด
เห็นได้ชัดว่านางกำลังช่วยเหลือผู้คนและผดุงความยุติธรรม
แต่กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
ด้วยการสนับสนุนจากคนรอบข้าง แม่เฒ่ายิ่งเหิมเกริมและตะโกนว่า “แม่นางน้อย ถ้าวันนี้เจ้าไม่จ่ายค่าทำขวัญ เจ้าก็ไปไหนไม่ได้”
เซียวอวี่ลั่วไม่ได้ยินเสียงของแม่เฒ่าชัดเจนอีกต่อไป
เพราะนางกำลังสับสนและเศร้าหมองว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
แน่นอนว่าพวกเขาอ่อนแอ เป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งที่ดี แต่พวกเขาควรจะใจดีไม่ใช่หรือ?
นางช่วยเหลือด้วยเจตนาดีและรักษาความเป็นธรรม แต่นางกลับโดนกล่าวหาเสียเองและคนถูกรังแกกลายเป็นคนพาล คนที่เข้ามาช่วยเหลือกลายเป็นคนรังแก?
หรือว่า...นางช่วยคนผิด?
“เหตุใดยังไม่ลงมืออีกล่ะ?”
มีมือหนึ่งโอบไหล่นาง เสียงกระซิบของปีศาจดังก้องอยู่ในหูของนาง
นางหันไปมองโดยอัตโนมัติจึงพบเข้าแววตาที่ไม่แยแสนั้น
เป็นเขา!
เซียวอวี่ลั่วตัวสั่น ร่องรอยของความกลัวผุดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เหตุใดยังไม่ลงมืออีกล่ะ?” ซูอันถามอีกครั้ง “เจ้าดูสิ แม่เฒ่าคนนี้เพิ่งถูกเจ้าช่วยเหลือเอาไว้ แต่นางกลับใส่ร้ายเจ้า”
ใบหน้าที่ดุร้ายของแม่เฒ่ายิ่งชัดเจนในสายตาของเซียวอวี่ลั่ว
“และคนเหล่านั้น” ซูอันชี้ไปที่ผู้สัญจรซึ่งกำลังมุงดู “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์สักนิด แต่สามารถอ้างศีลธรรมสูงสุดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์เจ้า ดูถูกเจ้าด้วยความชอบธรรม”
“แต่พวกเขาไม่กล้าทำแบบนี้กับข้า เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่?”
ซูอันคว้าผมของเซียวอวี่ลั่วแล้วกระชากหัวของนางมาใกล้ด้วยความเกรี้ยวกราด
“เพราะเหตุใด?”
แม้จะคิดว่าเขาพูดพล่อยๆ แต่นางก็อดถามไม่ได้
“เพราะข้าไร้ศีลธรรม!” ซูอันยิ้มชั่วร้ายให้เซียวอวี่ลั่ว