บทที่ 233 ใช่สิ เจ้าเป็นคนที่กินดีอยู่ดี
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพราะใคร่ให้บิดามารดาใช้มันขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำความสะอาดกล้ามเนื้อ ตัดไขกระดูกแลเสริมสร้างอายุขัยพวกเขา ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์จึงถูกหยางเสี่ยวเทียนใช้ไปแล้วมากกว่าครึ่ง
ส่วนหนึ่งของการได้มีสิทธิ์เข้าร่วมสำนักเทียนโต้ว ก็เพื่อค้นหาธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ในภายภาคหน้า เพียงไม่คิด ว่าจะมีธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ในดินแดนสัตว์อสูร
“อะไรนะ ธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์รึ! มีธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ในดินแดนสัตว์อสูรแห่งนี้ด้วยหรือ!” เหยาติงที่หลับใหลเกือบตลอดเวลา ตื่นขึ้นทันทีหลังได้ยินสิ่งนี้
“เร็วเข้า เสี่ยวเทียน ติดตามพวกเขาไป!” เหยาติงกล่าวกระตือรือร้น
หยางเสี่ยวเทียนสัมผัสถึงความตื่นเต้นเหยาติง จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ติง ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
เหยาติงกลอกตา “ใช่สิ เจ้าเป็นคนที่กินดีอยู่ดี จะไปเข้าใจความรู้สึกคนที่กำลังอดอยากอยู่ได้อย่างไร”
เพราะมันต้องดูดซับธารสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์เพื่อการบ่มเพาะตนทุกวันนี้ ธารสายฟ้าในส่วนของเหยาติงจึงถูกใช้หมดไปนานแล้ว
ภายใต้การรบเร้าของเหยาติง หยางเสี่ยวเทียนจำต้องออกติดตามกลุ่มศิษย์จากสำนักเหล่ยถิง
จากเกือบทั้งหมดที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้ ศิษย์สำนักเหล่ยถิงห้าถึงหกสิบคนเหล่านี้ ค่อนข้างกลุ่มใหญ่ทีเดียว
ส่วนหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะที่เข้าร่วมจากสำนักเหล่ยถิง ความแข็งแกร่งก็นับว่าไม่ธรรมดา เพราะมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นกลาง
ในบรรดาศิษย์สำนักเหล่ยถิง ที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับสำนักครานี้ มีศิษย์อัจฉริยะสองคนที่อยู่เหนือขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ คนหนึ่งคือเหล่ยจื่อและอีกคนคือเฉินไห่หลิน
ซึ่งศิษย์ผู้คอยชี้นำกลุ่มอยู่เพลานี้ แข็งแกร่งในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นปลาย และดูเหมือนจะคือเฉินไห่หลิน
หยางเสี่ยวเทียนตัดสินใจติดตามเฉินไห่หลินและศิษย์คนอื่นๆ มาถึงยังพงไพรหนาทึบแห่งหนึ่ง ซึ่งมาตรว่าคือสถานที่เป้าหมาย
ทุกคนจากสำนักเหล่ยถิง ต่างไม่มีผู้ใดหยุดเคลื่อนไหวหรือลดความเร็วแม้ไพรเบื้องหน้าอาจคือหลุมพราง แต่บรรดาศิษย์ที่นำโดยเฉินไห่หลินกลับไม่มีทีท่าหวาดหวั่น บ่งบอกว่าศิษย์สำนักนี้ วางใจแลเชื่อถือกันไม่น้อย
หลังเข้าสู่อาณาบริเวณป่าไพรหนาทึบได้สักพัก เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดพร้อมความผันผวนของพลังอันรุนแรง แผ่ขยายส่งมากระทั่งทุกคนสัมผัสได้ชัดเจน
มาตรว่าการปะทะกันอย่างเดือดพล่านเช่นนี้ คงเป็นเหล่ยจื่อซึ่งกำลังประจัญหน้ากับศิษย์สำนักเสินไห่และสำนักยวินฮุย
ครั้นเฉินไห่หลินรับรู้ถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นส่งออกมามิหยุดพักเช่นนี้ เขาก็เร่งนำศิษย์สำนักเหล่ยถิงมุ่งหน้าเข้าเสริมกำลังการต่อสู่นี้อย่างรีบร้อน
ทันทีหลังทุกคนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ หยางเสี่ยวเทียนก็ได้เห็นการเผชิญหน้ากันของคนทั้งห้า หรือกล่าวให้ถูกคือ มีเพียงเหล่ยจื่อจากสำนักเหล่ยถิงที่ถูกบุรุษสี่คนเข้ารุมล้อมรอบทิศ
บรรดาสี่คนที่ปิดล้อมเขา หนึ่งในนั้นคือคนซึ่งหยางเสี่ยวเทียนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เติ้งอี้ชุนจากสำนักยวินฮุย ส่วนอีกสามคนนั้น เป็นศิษย์สำนักยวินฮุยหนึ่ง และอีกสองคนคือศิษย์สำนักเสินไห่
ในการแข่งขันระดับสำนักคราวนี้ เติ้งอี้ชุนได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำบรรดาศิษย์จากสำนักยวินฮุย เพราะความแข็งแกร่งเขาอยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นปลาย นับว่าเก่งกาจมากกว่าผู้ใดในกลุ่ม
แต่อีกสามคนก็หาใช่อ่อนแอไม่ อย่างหนึ่งในสองคนจากสำนักเสินไห่ เฉิงเซิ่ง พลังยุทธ์แข็งแกร่งในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นปลาย เช่นเดียวกับเติ้งอี้ชุน และอีกคนคือเฉิงหวู่ อยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นกลาง
อย่างไรก็ตาม แม้เติ้งอี้ชุนและบุรุษทั้งสามจะร่วมมือกันจู่โจมเหล่ยจื่อ บุตรสายฟ้ากลับก็ยังคงโต้ตอบหรือถอยกลับขณะควบคุมสถานการณ์ได้มั่นคง ด้วยท่าทีผ่อนคลายเด็ดเดี่ยวดุจมังกรแกร่ง
ในทางกลับกัน สีหน้าเติ้งอี้ชุนและบุรุษทั้งสามต่างแสดงท่าทีเคร่งขรึม ดูเหนื่อยล้าเพราะมักถูกหมัดของเหล่ยจื่อกระแทกกลับทุกคราที่พวกเขาโจมเข้าหา
เหล่ยจื่อมีส่วนสูงเกือบหกฉื่อและร่างกายทรงพลังมาก โดยเฉพาะแขนเขา
แม้หยางเสี่ยวเทียนจะเฝ้าดูสถานการณ์จากระยะไกล เขาก็สามารถสัมผัสถึงแรงกดดันที่แผ่ซ่านปกคลุมรอบกายเหล่ยจื่อแผ่ขยายออกมาได้อย่างแก่กล้าน่าอัศจรรย์ไม่น้อย
ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ ไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งด้านพลังยุทธ์ของเหล่ยจื่อ แต่มาจากพลังในกายเขาเองที่แผ่ขยายกลิ่นไออันน่าอึดอัดออกมา
“มีกายสวรรค์ประทานหรือ” หยางเสี่ยวเทียนประหลาดใจ
อัจฉริยะบางคนก็มีวิญญาณยุทธ์แปรผัน บางคนมีสติปัญญาในการเรียนรู้ที่น่าเหลือเชื่อ และก็มีอัจฉริยะบางคนที่เกิดมาพร้อมร่างกายพิเศษดุจดั่งสวรรค์ประทาน
อัจฉริยะผู้เกิดมาพร้อมกายสวรรค์ประทาน ร่างกายจะมีความแข็งแกร่งพิเศษกว่ากายาเหล่าวิญญาจารย์ทั่วไปมาก ทั้งยังมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมิต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งวิญญาจารย์ก็มีเพียงอัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้น ที่มีกายสวรรค์ประทานเช่นนี้
ซึ่งบุตรสายฟ้าคนนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะเหล่านั้น แรงกดดันอันแปลกประหลาดที่หยางเสี่ยวเทียนสัมผัสได้เมื่อครู่จากกายเขานั้น เป็นแรงกดดันที่เกิดจากกายสวรรค์ประทานแน่นอน
“มิผิด นี่คือกายแสงอัสนี เป็นหนึ่งในกายสวรรค์ประทานเหล่านั้น” เสียงเหยาติงดังขึ้น
“กายแสงอัสนีงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนอุทานด้วยความประหลาดใจ
“กายแสงอัสนี เป็นหนึ่งในกายสายฟ้าสวรรค์ประทาน และถือว่าเป็นกายที่ทรงพลังอย่างมากในบรรดากายสายฟ้าด้วยกันเอง” เหยาติงกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้า
เมื่อเห็นเฉินไห่หลินและคนอื่นๆ มาถึง เหล่ยจื่อก็ไม่รอช้า พลันกระชับหมัดแล้วชกออกไปทันที เป็นการบีบให้เติ้งอี้ชุนกับคนทั้งสามต้องล่าถอยพร้อมกัน
จากนั้นหันกลับมายืนตัวเหยียดตรงประดุจหอก ก่อนไพล่มือไปด้านหลังด้วยท่าทีองอาจสง่าผ่าเผย