ตอนที่ 53 บุปผาโฉด
ตอนที่ 53 บุปผาโฉด
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือฉินอวิ๋นไม่ถูกฆ่าตายตั้งแต่ตอนนั้น ในทางตรงกันข้ามมันกลับกระตุ้นความระมัดระวังของพวกเฟิ่งหลวน
หากมีฆาตกรโผล่ขึ้นมา มันจะไม่ใช่แค่เฟิ่งหลวน แม้แต่มู่หนิงเจินที่ยังกักตนสันโดษก็จะออกมาด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย
สำหรับตอนนี้ยังไม่ง่ายที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉินอวิ๋นและบรรดาศิษย์พี่ของเขา
ความผูกพันนานหลายปี ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกสามารถทำลายได้ง่ายๆ ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ส่วนที่ฉู่อินเป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์พิเศษ
ทันใดนั้นมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจและเขานึกถึงรางวัลที่เคยได้รับ
ของสิ่งนั้นเหมาะสำหรับใช้กับฉินอวิ๋นมากที่สุด
อีกทั้งคะแนนตัวร้ายที่ได้รับจากวิธีนี้จะมากกว่าการสังหารฉินอวิ๋นโดยตรง
เมื่อนึกถึงแผนการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซูอันก็แสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
ไม่อยากเชื่อเลยว่าศิษย์พี่หญิงของฉินอวิ๋นทั้งหลายจะปกป้องเขาขนาดนี้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้
อืม แต่ถ้าไม่อยากให้ฉู่อินเสียใจ บางทีการจับกุมและขังไว้ในห้องลับเพื่อรับการฝึกฝนให้เชื่องอาจจะดีกว่า
……
ราตรีมืดมิด
ฉินอวิ๋นกลับมาที่นิกายแล้วถึงจะค่อยๆ ฟื้นจากความหวาดกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสความตายระยะประชิด
หากช้าไปเพียงก้าวเดียว เขาคงถูกฟาดจนเหลือแต่ขี้เถ้า
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของซูอันปรากฏขึ้นในใจและทำให้เขาตัวสั่นสะท้าน
เมื่อคิดว่าซูอันไม่เพียงแต่ไม่ถูกลงโทษ แต่ตัวเขาถูกศิษย์พี่ใหญ่ตำหนิรุนแรง ยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่อีกครั้ง
ทว่าตอนนี้ศิษย์พี่รองได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของซูอันแล้ว นางคงเลือกที่จะอยู่ห่างจากซูอัน
ฉินอวิ๋นคิดเช่นนี้
หลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียง สุดท้ายเขาก็เริ่มฝึก ‘คัมภีร์มหาสุบิน’!
เหตุการณ์วันนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก ดังนั้นเขาต้องบรรลุระดับมิ่งตานให้เร็วที่สุดและเพิ่มพลังในการป้องกันตัวเอง
ในไม่ช้า ฉินอวิ๋นก็หลับไป
แสงจันทร์ส่องผ่านช่องหน้าต่าง ปรากฏร่างผอมบางในชุดคลุมสีดำเดินมาที่ข้างเตียงของฉินอวิ๋น สายตาเย็นชากวาดมองทั่วกายเขา
ในตำแหน่งข้างกายฉินอวิ๋นมีความคิดศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ ซึ่งคนทั่วไปไม่สังเกตเห็น
นี่คือสิ่งที่เฟิ่งหลวนทิ้งไว้ เมื่อใดที่ฉินอวิ๋นได้รับบาดเจ็บ มันจะถูกกระตุ้นทันที และในขณะที่สกัดกั้นการโจมตี มันจะเตือนให้เฟิ่งหลวนรู้ได้ทันทีเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งหลวนยังคงกังวลและกลัวว่าซูอันจะเคลื่อนไหวอีก
นางเห็นว่า ‘ขอบเขตก่อกำเนิด’ ของฉินอวิ๋นไม่สามารถรับมือซูอันได้
บุปผามรณะไม่ได้ใส่ใจกับความคิดศักดิ์สิทธิ์นี้ นางใช้พลังเวทห่อหุ้มมันไว้และหยิบดอกไม้สีดำที่รูปลักษณ์ค่อนข้างแปลกออกมา
ดอกไม้นี้ราวกับไม่มีอยู่จริง เผยให้เห็นรัศมีล่อใจอันแรงกล้า เพียงมองแวบแรกก็ไม่สามารถต้านทานความอยากครอบครองได้
แต่บุปผามรณะค่อนข้างกลัวดอกไม้นี้ หลังจากมองแค่แวบเดียว นางก็โยนดอกไม้นี้ใส่ฉินอวิ๋นด้วยความแม่นยำ
ดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นไม่รู้สึกถึงอันตรายของดอกไม้นี้และความคิดศักดิ์สิทธิ์สัมผัสไม่ได้เช่นกัน ทันทีที่ดอกไม้สีดำสัมผัสผิวหนังของฉินอวิ๋น มันก็ซึมหายเข้าไปในผิวหนังของเขา
บุปผามรณะก็หายไปจากห้องนั้น
ในห้องจึงเหลือฉินอวิ๋นคนเดียวเหมือนเดิม
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินอวิ๋นตื่นขึ้นจากการหลับใหล ใบหน้าของเขาซีดและหอบหายใจแรง
เขาฝันร้าย!
นับตั้งแต่เขาฝึก ‘คัมภีร์มหาสุบิน’ และจมอยู่กับความฝัน เขาไม่เคยฝันร้ายเลย
แต่วันนี้ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลใดเขาจึงฝันเห็นบรรดาศิษย์พี่และอาจารย์รายล้อมซูอันและอ้อนวอนให้ซูอันโอบกอด
แต่เขาถูกตัดแขนขา โลหิตอาบกาย ทำให้บรรดาศิษย์พี่ที่เคยหลงใหลในตัวเขาไม่อยากจะมองเขาด้วยซ้ำ
มีเพียงซูอันเท่านั้นที่มองเขาด้วยความเย็นชาและดูถูกเหยียดหยาม เปรียบเสมือนเทพเจ้าจากเบื้องบนมองลงมาที่มดบนพื้นดิน
ความรู้สึกไร้พลังโอบรัดเขา จิตใต้สำนึกของเขาตกอยู่ในความมืดมิดไร้สิ้นสุด จากนั้นเขาก็ตื่นจากความฝัน
“เฮอะ คงจะคิดมากเกินไป คิดทั้งวันฝันทั้งคืน”
เขาปลอบใจตัวเอง
เพราะถึงอย่างไรเฟิ่งหลวนศิษย์พี่ใหญ่ผู้หยิ่งผยองและอาจารย์ผู้อุทิศตนเพื่อการฝึกตน พวกนางไม่มีทางทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ออดอ้อนขอความรักจากซูอันเด็ดขาด
เขาไม่รู้เลยว่าสีหน้าของตัวเองในตอนนี้เต็มไปด้วยความริษยาและดุร้าย ใบหน้าที่เคยหล่อเหลากลายเป็นบิดเบี้ยวจนดูเหมือนมารร้าย
แต่เมื่อนอนลงอีกครั้ง ฉินอวิ๋นกลับนอนไม่หลับ เพราะทันทีที่เขาหลับตา ดูเหมือนเขาจะมองเห็นฉากสิ้นหวังในความฝันอีกแล้ว
สุดท้ายเขายอมแพ้และนั่งขัดสมาธิบนเตียงเพื่อเริ่มฝึกตนโดยใช้วิธีธรรมดาแทน
ค่ำคืนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้น
เฟิ่งหลวนมาดูฉินอวิ๋นและเมื่อเห็นว่าเขากำลังฝึกตน นางจึงมีสีหน้าโล่งใจที่หาได้ยากออกมา
ดูเหมือนว่าซูอันไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะอย่างน้อยเสี่ยวอวิ๋นก็ตระหนักถึงความสำคัญของความแข็งแกร่ง
ด้วยทรัพยากรของนิกายเทียนสุ่ยและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเสี่ยวอวิ๋น ยังไม่ต้องพูดถึงระดับหยางบริสุทธิ์ แต่ในระดับมิ่งตานจะไม่มีปัญหาแน่นอน
ด้วยวิธีนี้นางไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัยของเสี่ยวอวิ๋นมากเกินไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของเฟิ่งหลวน ฉินอวิ๋นก็ลืมตาขึ้น โดยปกติแล้วเขาคุ้นเคยกับการฝึกตนในความฝัน จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะปรับตัวให้เข้ากับการฝึกตนในท่าธรรมดา
เขาแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา
เมื่อเฟิ่งหลวนเห็นเช่นนี้ นางคิดว่าเขาเหนื่อยกับการฝึกตนและคิดจะเกียจคร้าน นางจึงตักเตือนว่า “เสี่ยวอวิ๋น เจ้าอย่าประมาทในการฝึกตน เจ้าต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเองคือทุกสิ่งทุกอย่าง มิฉะนั้นถ้าซูอันฆ่าเจ้าจริงๆ แล้วข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าจะทำอย่างไร”
คงดีกว่าถ้าเฟิ่งหลวนไม่พูดถึงมัน เพราะการกล่าวถึงซูอันทำให้ฉินอวิ๋นนึกถึงฝันร้ายเมื่อคืน
ความสยดสยอง ความตกใจและความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ซึ่งการแสดงออกที่เกินจริงของเขาทำให้ดูเหมือนคนขี้ขลาด
และท่าทางขี้ขลาดนี้ทำให้เฟิ่งหลวนขมวดคิ้ว
หรือว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ทำให้เสี่ยวอวิ๋นกลัวตายขึ้นมาจริงๆ
หากโพธิจิตไม่มั่นคงเช่นนี้ เส้นทางในการฝึกตนจะราบรื่นได้อย่างไร
“เสี่ยวอวิ๋น! อย่าคิดมากเรื่องเมื่อวานนี้อีก เจ้าจะไปยุ่งกับซูอันอีกทำไม หากเจ้าไม่ยุ่งกับเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีวันยุ่งกับเจ้า ดังนั้นจงตั้งใจฝึกตนให้หนักและอย่าเกียจคร้านเหมือนเมื่อก่อน!”
เฟิ่งหลวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่มันก้องกังวานราวกับฟ้าร้อง
ฉินอวิ๋นตกใจและรีบพูดด้วยความเชื่อฟัง “ข้าเชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่”
ซูอันแค่อาศัยพลังของเรือเซียนลำนั้นมาโจมตีเขา มันเป็นพลังภายนอกและอยู่ได้ไม่นาน แต่ถ้าเขามีความแข็งแกร่งในระดับหยางบริสุทธิ์หรือแม้แต่หยวนเสิน เขาจะยังกลัวฝันร้ายกลายเป็นจริงอีกหรือ บัดนี้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งขึ้นมาในหัวใจและเขาจะเข้านอนเพื่อฝึก ‘คัมภีร์มหาสุบิน’ ต่อ!
เขาไม่อาจยอมแพ้เพียงเพราะฝันร้ายครั้งเดียวได้
เขาคิดสิ่งเหล่านี้ในใจ ทว่าการแสดงออกทางแววตากลับไร้ชีวิตชีวา ราวกับว่าเขาไม่ชอบที่เฟิ่งหลวนพูดมากเกินไป
“เจ้า!” เมื่อเฟิ่งหลวนเห็นการแสดงออกของฉินอวิ๋น นางก็กังวลมาก
ดูเหมือนว่ามีความผิดปกติกับโพธิจิตของเสี่ยวอวิ๋นจริงๆ
แต่ความเสียหายของโพธิจิต แม้ว่านางจะมีพลังวิญญาณระดับหยวนเสิน นางก็ช่วยฉินอวิ๋นไม่ได้
เว้นแต่นางจะช่วยฉินอวิ๋นสังหารซูอันเพื่อทำลายต้นเหตุของอาการบาดเจ็บทางโพธิจิต
แต่ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นความโกรธของต้าซาง เพราะแม้แต่ศิษย์น้องรองฉู่อินก็ไม่ยอมเด็ดขาด
“เอาล่ะ เจ้าดูแลตัวเองให้ดี!” นางเตือนเขาด้วยความโกรธ จากนั้นหันหลังเดินจากไป
ฉินอวิ๋นมองด้วยความไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าจะตั้งใจฝึกตนแล้วไม่ดีหรือ?
เหตุใดศิษย์พี่ใหญ่ยังโมโหอีก
หรืออาการวัยทองของหญิงมนุษย์จะเกิดกับผู้ฝึกตนหญิงได้ด้วย
……