ตอนที่ 51 โจรล้วงกระเป๋า
ตอนที่ 51 โจรล้วงกระเป๋า
ลูกไม้ตื้นๆ ของฉินอวิ๋นไม่สามารถปิดบังการรับรู้ของคัมภีร์ปฐมกาลได้
ในการรับรู้ของเขาคือฉินอวิ๋นได้มาถึงระดับจื่อฝู่ขั้นปลายแล้ว มิหนำซ้ำยังอยู่ห่างจากระดับมิ่งตานเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น ความแข็งแกร่งอาจกล่าวได้ว่าไม่ธรรมดา
และดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นยังมีความลับอีกมาก!
“จริงสิ อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่ใด ข้าชื่นชมเจ้านิกายมู่มานานแล้ว หากมีโอกาสก็อยากคารวะนางสักครั้ง”
“อาจารย์ของข้าหรือ?” ฉู่อินส่ายหัวพลางเอ่ย “ท่านอาจไม่มีโอกาส เพราะอาจารย์กักตนอยู่ที่หลังเขานานนับครึ่งปีแล้ว นางพยายามทะลวงถึงระดับหยวนเสินให้ได้ คงไม่ออกมาอีกนานเลย”
“หลังเขา” นัยน์ตาของซูอันวาววับ
ก่อนหน้านี้เฟิ่งหลวนก็เตือนไม่ให้ไปที่หลังเขา
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะเกรงว่าจะมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในหลังเขาแห่งนี้
“ซูอัน ท่านกินเหลียงเฝิ่นหรือไม่ เหลียงเฝิ่นของที่นี่อร่อยมากนะ” เมื่อฉู่อินเห็นแผงขายของอยู่ไกลๆ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย
อาหารที่นางจำได้มากที่สุดคือเหลียงเฝิ่นตรงเชิงเขาเทียนสุ่ย ซึ่งอาจารย์ซื้อมาให้นางตอนเด็กๆ
จนถึงทุกวันนี้นางยังคิดถึงรสชาตินั้น
นางอยากแบ่งปันรสชาติแห่งความทรงจำของนางกับซูอันด้วย
“กินสิ เจ้าซื้ออะไรข้าก็กิน” ซูอันพยักหน้าเบาๆ
เมื่อต้องรับมือกับผู้หญิงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนนั้นไม่จำเป็นต้องเข้มงวดเสมอไป บางครั้งหากให้ความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยพวกนางก็ความสุขแล้ว ขณะเดียวกันยังเต็มใจทำสิ่งต่างๆ ให้เขามากขึ้นด้วย
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำพูดของซูอัน ฉู่อินฉีกยิ้มดีใจจนตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์ “รอก่อนนะ ข้าจะซื้อให้ท่าน”
ขณะนี้นางรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
ฉู่อินกระโดดโลดเต้นไปที่แผงขายเหลียงเฝิ่น
ซูอันมองไปโดยรอบแบบสบายๆ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดของผู้ฝึกตนล้วนๆ แล้วที่นี่มีชีวิตชีวากว่าและระดับของผู้ฝึกตนโดยรวมต่ำกว่าด้วย
เมื่อมองผ่านๆ พบว่ามีผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเพราะสังเกตเห็นร่างหนึ่งย่องเข้ามาหาเขา
รูปร่างนี้ไม่แข็งแกร่งเลย อยู่ในระดับผันวิญญาณเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าได้ฝึกฝนวิชาลับบางประเภท
มีใครกำลังจ้องมองข้าอยู่หรือ?
แต่ใครล่ะที่โง่ขนาดนี้ กล้าส่งผู้ฝึกตนระดับผันวิญญาณมาสะกดรอยตามเขา เกรงว่าจะตายไม่เร็วพอหรือไร
ขณะที่กำลังคิด ร่างนั้นก็เดินมาถึงข้างหลังของซูอันและกำลังเอื้อมมือข้างหนึ่งออกมาที่แหวนจัดเก็บของซูอัน
เมื่อมองแหวนจัดเก็บที่กำลังจะคว้ามาได้ ร่างนั้นยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง คนเหล่านี้สวมเสื้อผ้าดูเหมือนคนร่ำรวย แค่ถูกขโมยของเล็กๆ น้อยๆ ไม่ทำให้จนลงแน่
ภายใต้อำนาจของ ‘อวิชชาผันเปลี่ยน’ จึงมีผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คนที่สามารถตรวจพบเขาได้
ที่แท้เป็นโจรล้วงกระเป๋า หลังจากสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของร่างนั้น ซูอันก็เข้าใจทันที
ดูเหมือนว่าเขาคิดมากไปเอง
ในพริบตาเดียว ฝ่ามือเวทขนาดใหญ่ควบแน่น ก่อนที่โจรล้วงกระเป๋าข้างหลังจะได้ลงมือก็ถูกจับไว้ก่อน
เมื่อผู้สัญจรเห็นความเคลื่อนไหวที่นี่ พวกเขาต่างตกใจและกรีดร้องพร้อมหลีกเลี่ยงออกห่าง
“จื่อ จื่อฝู่!” โจรล้วงกระเป๋าที่ถูกจับได้อ้าปากค้างและพูดแทบไม่มีเสียง
รัศมีนี้น่ากลัวราวกับหุบเหวลึก
เขายังไม่รู้ว่าตัวเองตีโดนแผ่นเหล็กเข้าแล้ว
ซูอันมองโจรล้วงกระเป๋าที่ตัวเตี้ยและผอม ใบหน้าธรรมดา แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กอายุสิบเอ็ดหรือสิบสองขวบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ซูอันรู้สึกได้ว่าแหวนจัดเก็บของโจรล้วงกระเป๋านั้นไม่เล็กเลย มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปีและมันควรจะเกิดจากการฝึกฝนทักษะพิเศษและเป็นอันตรายด้วย
“ได้โปรด ได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย ใต้เท้า ข้าน้อยไม่กล้าทำอีกแล้ว”
โจรล้วงกระเป๋ารู้ว่าสู้ไม่ไหวจึงแสร้งทำเป็นน่าสงสารและน้ำตาสองสามหยดไหลออกจากดวงตาของเขาราวกับสั่งได้
กอปรกับหน้าตาที่เหมือนเด็ก เมื่อมองแบบนี้ดูเหมือนว่าซูอันกำลังกลั่นแกล้งผู้คน
“หยุดนะ!” เสียงตะโกนแหลมคมเสียงหนึ่งดังขึ้น
ซูอันมองไปจึงเห็นฉินอวิ๋นปรากฎตัว ณ จุดหนึ่ง เขาตะโกนใส่ซูอันด้วยสีหน้าชอบธรรม
ดวงตาของเขามีความปีติยินดี เพราะอยู่ๆ เขาก็บังเอิญเห็นการกระทำชั่วร้ายของซูอัน ตอนนี้เขาพบหลักฐานว่าซูอันไม่ใช่คนดี ตราบใดที่เขาบอกศิษย์พี่ฉู่อินถึงการกระทำของซูอัน ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมของนางจะตัดการติดต่อกับซูอันแน่นอน
เมื่อเห็นคนเสนอตัวช่วยเหลือ โจรล้วงกระเป๋าจึงมีความหวังในดวงตา
“ฟึบ!”
ทันใดนั้นฝ่ามือที่ทรงพลังฟาดใส่โจรล้วงกระเป๋าที่เหมือนเด็กจนกลายเป็นกองโลหิต
ขณะนี้ซูอันแสร้งทำเหมือนว่าเพิ่งเห็นฉินอวิ๋นและทักทายเขาด้วยความจริงใจ “โย่ ศิษย์น้องเล็กฉินไม่ใช่หรือ จริงสิ เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
นัยน์ตาของฉินอวิ๋นหดเกร็งทันที ซูอันเพิ่งสังหารเด็กลงไป แต่หลังจากการสังหาร เขากลับไม่แยแสเลย
ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงๆ ศิษย์พี่รองต้องอยู่ให้ห่างเอาไว้!
“ซูอัน กลางวันแสกๆ แต่เจ้าลงมือฆ่าเด็กโดยไม่กะพริบตาในเขตอำนาจนิกายเทียนสุ่ยของเรา เจ้ายอมรับผิดมาซะ!” เขาพูดเสียงดังลั่น
“...โง่เอ๊ย” ซูอันเหลือบมองฉินอวิ๋นและพูดด้วยท่าทางสงบมาก
นั่นเป็นแค่โจรล้วงกระเป๋าที่หน้าเด็ก แต่ถึงแม้ว่าจะยังเด็กจริงๆ หากทำให้เขาขุ่นเคืองก็ต้องตาย
ด้วยสถานะของเขา มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดมากต่อหน้าเขา แล้วนิกายเทียนสุ่ยกล้าดีอย่างไรมาสั่งให้เขายอมรับผิด
“ซูอัน เจ้าด่าข้าหรือ เจ้า...”
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้ากำลังทำอะไร!” ในเวลานี้ฉู่อินที่เพิ่งไปซื้อเหลียงเฝิ่นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจึงรีบกลับมาพร้อมชามเหลียงเฝิ่น
แม้แต่มิ่งตานไม่ได้ใช้ความคิดทางจิตวิญญาณเพื่อสังเกตทุกสิ่งรอบตัวเสมอไป ดังนั้นฉู่อินจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางยังคงยืนเคียงข้างซูอัน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉู่อินแล้ว ฉินอวิ๋นจึงรู้สึกเศร้าที่ศิษย์พี่รองยืนข้างซูอัน
เขาปลอบใจตัวเองว่าคงเป็นเพราะศิษย์พี่รองยังไม่เห็นธาตุแท้ของบุคคลนี้ เขาอยากจะเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงของซูอันและช่วยศิษย์พี่ฉู่อินจากความทุกข์ทรมาน!
“พี่หญิงรอง ข้าเพิ่งเห็นซูอันฆ่าเด็กคนหนึ่งด้วยความโหดร้ายต่อหน้าต่อตา เขามันชั่วช้า อำมหิต ไม่ใช่คนดี!”
เมื่อฉู่อินได้ยินเช่นนี้ นางแค่เหลือบมองซูอันแล้วรีบหันกลับมา “เสี่ยวอวิ๋น คงเกิดความเข้าใจผิดกันมากกว่า”
ดวงตาของฉินอวิ๋นเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ “ศิษย์พี่รอง เหตุใดท่าน...”
นี่ยังเป็นศิษย์พี่รองที่ใส่ใจเขาเสมอหรือเปล่า นางกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
“ใคร ใครก่อปัญหา?” มีเสียงตะโกนอีกเสียงหนึ่งทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดจนสิ้น
สาวน้อยท่าทางกล้าหาญสวมชุดที่ดูดี นางมัดผมหางม้าและนั่งอยู่บนอาวุธเวทรูปวงแหวน กำลังลอยลงมาจากท้องฟ้า
“เฮ้ ศิษย์พี่รองกับฉินอวิ๋น เป็นพวกท่านเอง!”
เมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จัก เซียวอวี่ลั่วจึงลดพลังกดดันลง
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน?” นางมองทั้งสองฝ่ายด้วยสายตาแปลกประหลาด โดยเฉพาะซูอันซึ่งได้รับการปกป้องจากฉู่อินไว้ข้างหลัง ดูเหมือนศิษย์พี่รองจะตัดขาดกับศิษย์น้องเล็กเพราะคนรักอย่างไรอย่างนั้น