ตอนที่ 14 นิค ฟิวรี่: นาตาชา โรมานอฟ อย่ายุ่งกับซูเฉอ!
"นิค สิ่งเดียวที่ฉันกังวลตอนนี้คือความกดดันมากเกินไป จนทำให้หัวใจของเขาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย"
นาตาชา โรมานอฟฟ์จ้องหน้านิค ฟิวรี่ พลางเก็บสีหน้าล้อเล่นด้วย
"แรงกดดันที่มากเกินไปมักจะทำลายสภาพจิตใจคนได้ แม้ว่าวิชาจิตวิทยาสำหรับสายลับจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยก็ตาม"
"แต่ว่าฉันเองในฐานะคนนอก ก็ยังรู้สึกแบบเดียวกันเลยค่ะ ฉันแอบสังเกตเขามาตลอดทั้งเช้า"
"ปรากฏว่านอกจากช่วงเวลาที่เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นแล้ว เขามักจะดูครุ่นคิดมากกว่า"
"ส่วนคิดเรื่องอะไรกันน่ะ คิดว่าเราก็คงรู้อยู่แล้ว เป็นปัญหาเดิมๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการโทษตัวเองที่ไม่สามารถกอบกู้โลกได้ และเมื่อโลกคู่ขนานนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบเดียวกัน เขาควรจะหาทางช่วยโลกนี้ได้ยังไง"
"บอกได้เลยว่าตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังแบกความกดดันของทั้งโลกเอาไว้ที่บ่า!"
"ถ้าเป็นแบบนี้นานๆ ฉันก็กังวลว่า..."
นาตาชา โรมานอฟฟ์ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ทว่านิค ฟิวรี่กลับเข้าใจได้ในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ
ผ่านมาหลายปี นิค ฟิวรี่พบเห็นพฤติกรรมของเหล่าสายลับใต้แรงกดดันมาก็มาก
ที่จริงแล้วคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นสายลับของชีลด์ได้
สภาพจิตใจเหล่านี้แข็งแกร่งไม่เหมือนคนปกติทั่วไปโดยสิ้นเชิง
แต่ทว่าเมื่อใดก็ตามที่คนแบบนี้เกิดปัญหาทางจิตใจขึ้นมา ความเสียหายที่จะเกิดตามมานั้น มักจะใหญ่มาก
กระทั่งอาจบ่อเกิดกลายเป็นกระแสน้ำโหมซัดกระหน่ำก็เป็นได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า พวกนักจิตวิทยาประจำหน่วยชีลด์นั้นงานยุ่งสุดๆ
สมาชิกของหน่วยชีลด์ทุกคนต้องเข้ารับการบำบัดโดยจิตแพทย์หลังทำภาระกิจเสร็จแล้ว
และได้ถูกยกเป็นกฎระเบียบไปเลย ในเรื่องการให้สมาชิกชีลด์ทุกคนเข้ารับการปรึกษาทางจิตอย่างสม่ำเสมอ
ทว่าซูเฉอแตกต่างออกไป
ถึงเขาเองเคยเป็นซูเปอร์ฮีโร่มานานกว่าสิบปี ได้พบเห็น และสัมผัสความน่าสะพรึงของหายนะด้วยตาตัวเองมาแล้ว
ดังนั้นคงจินตนาการออกว่า ความกดดัน ความกระวนกระวายในใจเขาท่วมท้นเพียงใดในยามนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีจิตแพทย์ประจำตัว
ถึงแม้จะยังไม่รู้เลยว่าพลังพิเศษของซูเฉอคืออะไร
ทว่า เมื่อใดก็ตามที่ซเปอร์ฮีโร่คนนี้เกิดปัญหาในจิตใจขึ้นมา จนเริ่มหวาดระแวง ดื้อรั้น หรือแม้กระทั่ง...
ถึงตอนนั้น ภัยอันตรายที่จะย้อนกลับมาทำลายโลกใบนี้ย่อมรุนแรงยิ่งกว่าสายลับของชีลด์
แน่นอน แม้สถานการณ์จะเป็นแบบนี้ นิค ฟิวรียังเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรทึกทักเอาเองว่าซูเฉอคือภยันตรายของโลกใบนี้โดยเดดขาด
ท้ายที่สุด ซูเฉอเคยป็นซูเปอร์ฮีโร่ในโลกขู่ขนานมานานกว่าสิบปี อีกทั้งเป็นคนที่ช่วยโลกหลายต่อหลายครั้ง
แล้วเขาก็เป็นซเปอร์ฮีโร่โดยเนื้อแท้มาแต่แรกแล้วจริงๆ
สำหรับซูเปอร์ฮีโร่แบบนี้ นิค ฟิวรี่ไม่มีทางที่... เดี๋ยวก่อน !
ความคิดเช่นนี้ถูกบังคับให้หยุดกะทันหัน นิค ฟิวรี่เงยหน้ามองนาตาชา โรมานอฟฟ์ในวิดีโอ"นาตาชา โรมานอฟฟ์ เธอไม่รู้สึกเหรอว่าสมมติฐานที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้เบี่ยงเบนไปนอกลู่นอกทางมากขึ้นน่ะ?"
"แม้แต่หลักฐานของการสนทนาระหว่างเราสองคนในตอนนี้ก็คือเราเชื่อเนื้อหาที่เขียนในไดอารี่แล้ว"
"ฉันเองเชื่อตามเนื้อหาที่บอกว่าซูเฉอเป็นซเปอร์ฮีโร่จากโลกคู่ขนาน ดังนั้นฉันจึงเริ่มบทสนทนาต่อ!"
"นี่ไม่เหมือนกับความตั้งใจเดิมของเราในการหาหลักฐานโดยสิ้นเชิง ความคิดเริ่มแรกของเราคือการพิสูจน์ว่าซูเฉอคือเจ้าของไดอารี่"
"ฉันเองอยากเห็นว่า เขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตามที่เขียนไว้ในไดอารี่หรือเปล่ามากกว่า แทนที่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้หลังจากนั้น"
หลังจากฟังคำพูดของนิค ฟิวรี่ นาตาชา โรมานอฟฟ์เองก็ผงะไปเช่นกัน
ใช่แล้ว เป้าหมายการมาครั้งนี้ของฉันเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของไดอารี่ ซูเฉอ
ว่าใช่ผู้เดินทางข้ามมิติจากโลกคู่ขนานหรือเปล่า หรือเป็นสิ่งที่เรียกว่าเวนเจอร์สจริงๆไหม?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะที่ตัวฉันเองเริ่มสังเกตการณ์ซูเฉอด้วยมายาคติความคิดแบบอุปาทาน?
สิ่งนันขัดแย้งต่อแนวทางในการประพฤติตนแบบมืออาชีพของพวกเองอย่างสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานจากการเฝ้าดูตอนเช้าเท่านั้น นี่ยังไม่ได้คุยกันแม้กระทั่งสิบประโยคเลยนะ
ทำไมจู่ๆ ฉันก็เชื่อเขามาก จนถึงขั้นมาคิดแทนเขาแล้วด้วยซ้ำ?
เธอนึกถึงฉากเมื่อเราพบกันครั้งแรกอย่างระมัดระวัง
นาตาชา โรมานอฟฟ์รู้สึกว่าหลังจากเขาเจอหน้าซูเฉอ เขาสังเกตเจอประกายแห่งความประหลาดใจ และความคิดถึงราวกับทักทายคนรู้จักเก่าแก่ในแววตาของเขา
บวกกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันแปรในหว่างคิ้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยเรื่องราว
เป็นเพราะอิทธิพลของดวงตาและเนื้อหาที่เขียนในไดอารี่ที่มีต่อเธอ
จึงเป็นต้นเหตุที่ตัวเธอคล้องตามความคิดนั้นมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาตาชา โรมานอฟฟ์แบบนั้น นิค ฟิวรี่ก็หัวเราะขึ้นมาทันที "นาตาชา โรมานอฟฟ์ ตอนนี้คุณคิดยังไงบ้างล่ะ?"
เธอค่อยๆ เงียบไปครู่หนึ่ง
พาตัวเองเข้าออกจากมุมมองบุคคลที่สาม เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในฐานะผู้เฝ้าสังเกต
นาตาชา โรมานอฟฟ์ใช้เวลาคิดสองสามวินาที จากนั้นหันมองหน้านิค ฟิวรี่แล้วพูด "ไม่ทราบแน่ชัดค่ะ แต่ฉันยึดมั่นในความเห็นของตนเอง"
"ตลอดขั้นตอนการติดต่อสัมพันธ์กันนั้น ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าวัยรุ่นที่ชื่อซูเฉอคนนี้เขากำลังแกล้งแสดง"
"ตรงกันข้ามเลยค่ะ ท่าทีแสดงความประหลาดใจและคิดถึงหลังจำตัวฉันได้ ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานใหม่ขึ้นมาค่ะ"
"ข้อสันนิษฐานอะไรหรือ?"
นิค ฟิวรี่ถามต่อเมื่อฟังสิ่งที่นาตาชา โรมานอฟฟ์พูด
"ฉันนึกไปว่าบางทีตัวฉันในสมุดบันทึกที่เป็นสมาชิกในทีมทีมอเวนเจอร์ส น่าจะเป็นคนที่ตายคนแรก ไม่ใช่คนที่เลือกเกษียณไป"
"ถ้าเป็นแบบนั้น สายตาตอนนั้นก็จะสมเหตุสมผลขึ้นเยอะนะ!"
พูดถึงตรงนี้ นาตาชา โรมานอฟฟ์มองนิค ฟิวรี่ พลางเผยรอยยิ้มขึ้นมา "นิค มีหลายสิ่งหลายอย่างเริ่มน่าสนใจแล้วล่ะ"
"อย่าทำเรื่องให้วุ่นวาย!"
นิค ฟิวรี่ที่เห็นแววตาของนาตาชา โรมานอฟฟ์ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างแรง
เขารู้ดีว่าเมื่อดวงตาที่ชื่อความ "น่าสนใจ" ของนาตาชา โรมานอฟฟ์เผยอออกมา นั่นเท่ากับยืนยันแล้วว่า เธอพร้อมเต็มที่ในการใช้วิธีถนัดของตัวเอง!
"นิค มีวิธีคลายความวิตกกังวลและความเครียดเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น"
นาตาชา โรมานอฟฟ์พิงเอนราบไปด้านหลัง น้ำเสียงคล้ายเจือแฝงความเกียจคร้านเล็กน้อยเมื่อฟังนิค ฟิวรี่ "ฉันชอบยิงเป้า และชอบใช้วิธีนี้เพื่อคลายความวิตกกังวลและความเครียด บาร์เทนเดอร์ในร้านเหล้า"
"หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นพนักงานกินเงินเดือนทำงานออฟฟิศ ใช้ความเครียดในงานมาผ่อนปรนตัวเอง"
"แต่คนอื่นแตกต่างออกไป การคลายความกังวลของคนอื่นๆในหน่วยชีลด์นอกจากยากดประสาทแล้ว มากที่สุดคือนักจิตวิทยา กระสุนปืน ผู้หญิง และเหล้า"
"คนธรรมดาคงมองออกไปไกลถึงขอบฟ้าทุกวี่วันไม่ได้ ใช่ว่าใครจะทำตัวเก่งแบบเด็กเหยี่ยวได้"
เธอทำท่ายืดเส้นยืดสาย มองเวลานาฬิกา แล้วค่อยเอ่ยถามนิค ฟิวรี่ "วางใจเถอะ ฉันรู้อยู่แล้ว อย่างน้อยต้องแน่ใจในเรื่องพลังของเขาก่อน"
"จนถึงตอนนั้น ฉันยังคงยืนหยัดตามการตัดสินของฉัน"
"ซูเฉอ คงเหมือนขุมทรัพย์ที่มีคนรอค้นพบ อย่างน้อยที่สุด นี่ก็มีคุณค่าต่อโลกใบนี้ของพวกเรา!"
//
กลุ่มที่เพจแปลจบแล้ว เข้ารวดเดียวลดเยอะมากก555