Chapter 26 น้ำนี้ช่างหวานเหลือเกิน
หลังจากออกมาจากสถานีตำรวจ หลี่โหย่ง มองไปที่ จางคุน “มาสเตอร์ มันช่างบังเอิญมากจริงๆ นี่คือพี่สาวคนโตของผม พี่สาวแท้ๆ ทางสายเลือดไงล่ะ”
จางคุนมองไปที่หลี่ซู “ในอดีต ตอนที่โหย่งซีเป็นเด็กฝึกงานภายใต้การดูแลของผมน่ะ เขาจะพูดถึงแต่คุณคงราวๆ 800 ครั้งต่อวันได้มั้ง เขาบอกว่าพี่สาวคนโตของเขาทั้งสวยและก็นิสัยดีมากด้วย ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าโหย่งซีไม่ได้พูดเกินไปเลยจริงๆ”
ตอนหลี่โหย่งเป็นเด็กฝึกงาน เขาอายุเพียง 18 หรือ 19 ปี เมื่อนึกถึงช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาก็เอามือลูบหลังศีรษะด้วยความเขินอาย
“มาสเตอร์ เที่ยงนี้คุณยุ่งหรือเปล่า? มากินมื้อเที่ยงด้วยกันไหม?” หลี่โหย่งเสนอ
จางคุนยิ้มอย่างฝืนๆและกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ที่หน่วยต้องทำงานล่วงเวลากันน่ะ แล้วผมจะมีเวลาพักได้ยังไงกัน? คือผมต้องทำอาหารให้พวกเขาน่ะ แต่ถ้าเป็นอาทิตย์หน้า น่าจะว่างนะ มาที่บ้านผมสิ ผมจะเลี้ยงเครื่องดื่มคุณเอง”
แม้ว่า หลี่โหย่ง จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เขาทำได้เพียงถอนหายใจและพูดว่า "เอาล่ะ ไม่เป็นไร งั้นเรามาเจอกันอาทิตย์หน้าก็ได้"
มีผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังซุบซิบกันตรงทางเข้าสถานีตำรวจ เมื่อมีชายหน้าตาดุร้ายคนหนึ่งเดินเข้ามาในสถานีตำรวจอย่างก้าวร้าวดุดัน ในขณะที่กลุ่มพวกเขายังคงพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร จึงไม่ทันได้สังเกต หรือสนใจอะไรกับชายผู้นี้
จางคุน ได้พูดคุยกับ หลี่โหย่ง อีกนิดหน่อยก่อนจากไป
หลังจากที่จางคุนจากไปแล้ว หลี่โหย่งก็วางตะกร้าไม้ไผ่ของหลี่ซูไว้ที่เบาะหลังของจักรยาน และก็อุ้มจี้หยวนหยวนวางที่ด้านหน้าของจักรยาน จากนั้นก็พากันเตรียมมุ่งหน้ากลับบ้าน
“พี่สาว คุณเจออาจารย์ของฉันได้อย่างไร? เกี่ยวอะไรกับลูกพีชงั้นหรอ?” หลี่โหย่งถามอย่างสงสัย
หลี่ซู่จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้หลี่โหย่งฟัง ส่วนลูกพีชเธอโกหกไปว่า “ฉันรู้จักกับน้องสาวคนที่ปลูกผักและผลไม้ที่บ้าน เธอขอให้ฉันช่วยเอาพวกมันไปขายให้น่ะ”
เนื่องจากจักรยานของน้ารอง ไม่มีเบาะนั่งด้านหน้า จี้หยวนหยวนจึงต้องนั่งบนคานแข็งๆของจักรยาน ก้นของเธอกำลังระบม
เธอรำพึงกับตัวเองว่า ฉันน่าจะลงไปเดินเอาเองดีกว่านะ
หลี่โหย่งยังคงถามต่อ “ทำไมพี่ถึงออกไปขายให้เขาแบบนั้นล่ะ? การขายให้คนอื่นน่ะ มีรายได้ไม่เท่าไหร่นักหรอก ยิ่งวันนี้อากาศหนาวมาก คงลำบากสำหรับพี่ที่จะพาลูกๆ ออกไปข้างนอก หรือว่าพี่ไม่มีเงินเหรอ? ฉันพอจะมี…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลี่ซู่ ก็ขัดจังหวะ “เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันยังเป็นหนี้คุณสำหรับค่าเล่าเรียนของเด็กๆ อยู่เลยนะ ฉันจะต้องหาเงินให้ได้ด้วยตัวเองสิ อย่างกังวลเรื่องนี้เลย ฉันไม่เป็นไรหรอก คุณควรจะรีบหาคู่ครองของคุณซะทีเถอะ”
การปรับปรุงบ้านได้ใช้เงินทั้งหมดไปแล้ว ค่าเล่าเรียนของลูกทั้งสามคนก็เพิ่มขึ้นเป็นสองสามร้อยต่อภาคการศึกษา แล้วเธอก็ไม่ต้องการที่จะติดหนี้ไปตลอดหรอก
ยังคงเป็นหลี่โหย่งที่ใช้เงินเดือนของเขาช่วยจ่ายให้เธอล่วงหน้าไปก่อน
เมื่อพูดถึงเรื่องของคู่ครอง ใบหน้าของหลี่โหย่งก็เริ่มแดงด้วยความเขิลขึ้นมาทันที
หลี่ซู่เดินตามมาข้างหลัง เธอจึงไม่อาจสังเกตเห็น แต่จี้หยวนหยวนอยู่ในอ้อมแขนของหลี่โหย่ง ดังนั้นเธอจึงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
เป็นไปได้ไหมนะ ที่น้ารองมีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว?
ในความทรงจำของจี้หยวนหยวนในชีวิตก่อนหน้านี้ น้าชายคนที่สองของเธอแต่งงานกับแม่หม้ายในวัยสามสิบต้นๆ เท่านั้น ชีวิตการแต่งงานของเขาไม่ค่อยมีความสุขมากนัก
จริงๆแล้วในชีวิตก่อนของเธอ จี้หยวนหยวนไม่ค่อยได้พบกับหลี่ซู่และพี่ชายสองคนของเธอมากนัก ยิ่งกับน้าคนนี้..
โอ๊ย...โอ๊ย... ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องครวญครางดังมาจากด้านหลัง พวกเขาหันกลับไปมองอย่างอัตโนมัติ
นั่นคือ หญิงอ้วน เธอกำลังถูกชายคนนั้นดึงผมของเธอแล้วลากออกมาจากสถานีตำรวจ
เมื่อเห็นแบบนั้น หลี่โหย่ง ก็รีบพูดทันทีว่า “พี่อย่ามาที่ตลาดนี้อีกเลยนะ ผมขอล่ะ พี่ทำให้เธอลำบากเข้าแล้ว หากเธอเจอพี่อีกครั้งใครจะรู้ว่าเธอจะเล่นงานพี่ยังไงอีกน่ะ”
หลี่ซูเงียบ แต่ใจของเธอกำลังเป็นกังวล
หลี่โหย่งไปส่งแม่และลูกๆของเธอจนถึงบ้านและกลับไปทำงานต่อ
ก่อนที่เขาจะจากไป หลี่ซู่ใส่ลูกพีชของเธอลงในตะกร้าไม้ไผ่แล้วให้หลี่โหย่งนำพวกมันกลับไปด้วย
อีกส่วนหนึ่งที่เหลือในตะกร้าถูกทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อให้ จี้ซีซวนและจี้ซีอังกิน
หลังเกิดเรื่องวันนั้นขึ้น ก็ไม่พบที่ว่างในตลาดเหลืออีกต่อไป แม้ว่าหลี่ซู่อยากจะออกไปขายแต่เธอก็ทำไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลี่ซู่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ เธอจะไม่ยอมแพ้ ถ้าเธอขายที่ตลาดไม่ได้ เธอก็จะตั้งแผงขายของริมถนนแทน
ในตอนเย็น หลี่ซู่ตามจี้หยวนหยวนเข้าไปในมิติพิเศษของเธอ เพื่อรดน้ำผักทีละต้นด้วยน้ำจากบ่อ
นี่เป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ จึงเป็นงานหนัก และหลี่ซู่ ก็รู้สึกเหนื่อยมาก เม็ดเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากของเธอ
จี้หยวนหยวนนั่งมองดูน้ำในถังที่ตักขึ้นมาจากบ่อ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ น้ำจากบ่อในพื้นที่แห่งนี้มีพลังวิเศษบางอย่าง ทำให้รูปลักษณ์สวยงามและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายได้
หากครอบครัวของพวกเราได้ดื่มน้ำจากที่นี่ ต่อไปจี้ซีอังก็จะสูงขึ้นและยังประหยัดเงินค่านมในเวลาเดียวกันอีกด้วย นอกจากนี้ หลี่ซู่ก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าชาติก่อนของเธอ
เมื่อนึกถึงหลี่ซู่ในชีวิตที่แล้วของเธอ ตอนที่กำลังจะตายด้วยอาการป่วยตั้งแต่ยังสาว จี้หยวนหยวนก็รู้สึกปวดใจ
เนื่องจากเธออยู่ที่นี่ในชีวิตนี้ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้โศกนาฏกรรมในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอเกิดขึ้นซ้ำอีก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ จี้หยวนหยวนก็ตักน้ำจากบ่อขึ้นมาจิบ เธอพูดอย่างสุขุม “แม่คะ น้ำนี่หวานมากเลยนะคะ”
หลี่ซู่ชะงักไปครู่หนึ่งและพูดออกไปทันที "นี่มันเป็นน้ำดิบนะลูก หนูไม่ควรดื่มมันนะ"
จี้หยวนหยวนดึงแขนเสื้อของหลี่ซูแล้วพูดว่า “แม่คะ แม่ลองดูสิ น้ำนี่มันหวานมากเลยนะคะ”
แม้ว่า จี้หยวนหยวน จะคุ้นเคยกับความมหัศจรรย์ของน้ำในบ่อนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถบอกหลี่ซู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ในสายตาของ หลี่ซู่ เธอเพิ่งได้รู้จักกับพื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้อย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง
หลี่ซู่ลังเลเล็กน้อย แต่เธอไม่สามารถต้านทานคำขอซ้ำๆ ของลูกสาวได้ เธอจึงยอมจิบมันช้าๆ
“มันหวานจริงๆ ด้วย”
“แม่คะ ผลไม้ข้างในนี้ลูกใหญ่และหวานมาก เป็นเพราะน้ำนี่หรือเปล่าคะแม่ ? ถ้าพี่รองได้ดื่มน้ำนี้ด้วย เขาจะต้องสูงและอ้วนเหมือนผลไม้ไหมนะ?” จี้หยวนหยวนมองหลี่ซูด้วยท่าทางช่างสงสัย
คำพูดของจี้หยวนหยวนทำให้หลี่ซูครุ่นคิด
ใช่แล้ว น้ำนี่หวานกว่าน้ำจากน้ำพุบนเทือกเขาเสียอีก บางทีมันอาจจะมีประโยชน์บางอย่างจริงๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลี่ซู่ ก็พูดทันทีว่า "แล้วพรุ่งนี้แม่จะไปซื้อถังน้ำที่ใหญ่กว่านี้มานะ ในอนาคตครอบครัวเราจะดื่มน้ำนี่ ไม่เพียงแต่พี่ชายทั้งสองคนของหนูจะสูงขึ้นเท่านั้น แต่ในอนาคต หยวนหยวนลูกก็จะสูงขึ้นด้วย โอเคมั้ยจ๊า ?”
หลี่ซูอุ้มจี้หยวนหยวนขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
จี้หยวนหยวนพยักหน้า “โอเคค่ะ แล้วแม่ก็จะมีสุขภาพแข็งแรงด้วยเช่นกัน”
ขณะที่เธอพูดสิ่งนี้ ดวงตาของจี้หยวนหยวนก็เริ่มปกคลุมไปด้วยน้ำตา แต่หลี่ซูไม่ทันได้สังเกตเห็น
วันรุ่งขึ้นคือวันจันทร์ หลังจากที่หลี่ซูส่งลูกทั้งสามคนไปโรงเรียน เธอก็ไปตลาดเพื่อซื้อถังน้ำขนาดใหญ่และวางทิ้งไว้ที่บ้าน
หลังจากส่งจี้ซีซวนและจี้ซีอัง เข้านอนในตอนกลางคืน เธอก็จะเข้าไปเติมน้ำลงในถังเก็บน้ำ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ซู่ ทำบะหมี่ธรรมดาๆ พร้อมไข่ลวกให้เด็กๆ
หลังจากที่ จี้ซีอัง อาบน้ำเสร็จ เขาก็นั่งที่โต๊ะอาหารอย่างเชื่องช้า เขาหยิบชามขึ้นมาแล้วจิบน้ำซุปในชามบะหมี่ ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที “แม่ฮะ ทำไมบะหมี่ที่แม่ทำวันนี้ถึงอร่อยจัง? มันก็ออกจะหวานๆหน่อย…”
หลังจากพูดแบบนี้ เขาไม่รอคำตอบของ หลี่ซู่ และเริ่มกินบะหมี่ทันที
หลี่ซู่สบตากับ จี้หยวนหยวน อย่างเงียบ ๆ และไม่ตอบคำถามใดใดของ จี้ซีอัง
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระเทียมต้นในนั้นก็พร้อมเก็บเกี่ยวเต็มที่ ในเช้าวันจันทร์ หลี่ซู่จึงโทรหาจางคุน
จางคุนดื่มกับหลี่โหย่ง ในวันอาทิตย์และรู้เรื่องราวของหลี่ซู่ด้วย ในตอนนี้เขาจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธออย่างมาก เขาจึงถามออกไปทันทีว่า “บ้านของคุณอยู่ตรงไหน? ผมจะไปรับของเอง ผมมีจักรยานก็น่าจะสะดวกกว่าน่ะ”
หลี่ซู่ ได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลง จากนั้นเธอก็บอกที่อยู่ที่บ้านของเธอให้แก่จางคุน
จางคุนมาถึงที่นี่ประมาณสี่โมงเย็น เมื่อเขาเข้าไปในบ้านหลี่ซู่ก็หยิบกระเทียมต้นออกมา แต่ละต้นมีสีเขียวมรกต เห็นได้ชัดว่าเป็นผักที่งาม และน่ากิน
จางคุนรู้สึกพอใจมาก “ชั่งน้ำหนักพวกมันเลย ผมต้องการทั้งหมดนี่…”
ขณะที่เขาพูด เขาก็กำลังจะหยิบตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นมา
และในขณะเดียวกัน เมื่อหลี่ซูฟังจางคุนพูดจบ เธอก็เอื้อมมือออกไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่เช่นกัน
มือของทั้งสองจึงสัมผัสกันเข้าโดยบังเอิญ