ตอนที่แล้วบทที่ 97 ฟื้นฟูพลังปราณ สังหารทุกคนที่เหลือให้หมด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 99 กระแสลมของนิกายเหิงเยว่

บทที่ 98 เหล็กกล้าหลอมไฟ


ถุงเก็บของของเหลียงเจิ้นหนานไม่ได้มีของมากมาย ส่วนใหญ่เป็นผลึกวิญญาณและยาวิเศษชั้นต่ำ

หินวิญญาณมีกว่าร้อยชิ้น ซึ่งจะถูกนำกลับไปจัดการที่วังเสินเซา

สิ่งที่เหลือ ที่ลู่หยวนซานสามารถแตะต้องได้ก็มีแค่บัญชาเสินเซาและอาวุธวิญญาณอีกสองชิ้น

ในถุงของเหลียงเจิ้นหนาน มีเพียงคำบัญชาเสินเซาสองชิ้น เนื่องจากถูกจำกัดอย่างเหนียวแน่นระหว่างการต่อสู้ ไม่มีเวลาเอาคำบัญชาศักดิ์สิทธิ์มาใช้ เพราะฉะนั้นทั้งสองชิ้นยังไม่เคยถูกใช้เลย จึงเป็นของใหม่เอี่ยม

"ตามข้อตกลง นิกายของท่านจะได้รับบัญชาเสินเซาสามชิ้น"

หลังจากที่หยวนหลางตรวจสอบคำบัญชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นแล้ว ยืนยันว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติ เขาก็หยิบออกมาอีกชิ้นจากถุงของตัวเองมามอบให้ลู่หยวนซานด้วยกัน

"ขอบคุณนิกายของท่านมากที่ออกโรงช่วยเหลือครั้งนี้ โปรดรับคำบัญชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้เถิด"

ลู่หยวนซานรับคำบัญชาศักดิ์สิทธิ์มาสามชิ้น เก็บมันไว้ในถุงเก็บของอย่างระมัดระวัง

ต่อมาก็คืออาวุธวิญญาณทั้งสองชิ้นที่เหลียงเจิ้นหนานทิ้งไว้

พูดให้ถูกคือ อาวุธวิญญาณวิถีมารสองชิ้น

หนึ่งคือคฑามารสีแดงเข้มยังหลอมสร้างไม่สำเร็จ ดูรูปลักษณ์ภายนอกยังไม่ถึงขั้นเป็นอาวุธวิญญาณระดับหนึ่งด้วยซ้ำ

อีกชิ้นคือจักรจันทร์มารนั่น

เรื่องพลังของจักรจันทร์มาร ทุกคนต่างก็ได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเอง ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะชำระล้างมันขึ้นมาใช้เลย กลับเห็นพ้องต้องกันว่าควรทำลายมันเสียตรงนั้น

พวกผู้ฝึกตนในหนทางที่ถูกต้องไม่ควรใช้อาวุธวิญญาณวิถีมารอย่างไม่ระมัดระวัง มิเช่นนั้นจิตใจจะถูกกัดกร่อนจนหลงผิด หากยืดเยื้อไปก็จะตกอยู่ในเส้นทางวิถีมาร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางที่ถูกต้องอีกต่อไป

ปราณมารในจักรจันทร์มารหนาแน่นมาก มีความอันตรายสูง

รวมถึงคฑามารที่ยังไม่ก่อรูปเรียบร้อยอีกชิ้น อาวุธวิญญาณวิถีมารทั้งสองต้องถูกเผาทำลาย ณ ที่นั้นทันที ไม่เก็บไว้ในมือก็ไม่ขาย เพื่อไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือให้ศัตรู

เพื่อเป็นการกำกับดูแล หยวนหลางต้องเฝ้าดูลู่จือเวยโยนอาวุธวิญญาณทั้งสองชิ้นลงในเตาหลอมและหลอมละลายด้วยเพลิงวิญญาณขั้นฝึกปราณอย่างต่อเนื่องนานถึงหนึ่งชั่วยาม จนมองเห็นอาวุธวิญญาณทั้งสองกลายเป็นเถ้าถ่าน จึงค่อยวางใจ

"การเผาทำลายอาวุธวิญญาณวิถีมารไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย พวกเราจำเป็นต้องเห็นกับตาตลอดทั้งกระบวนการ ท่านพี่โปรดอย่าได้ถือสา"

หยวนหลางพูดด้วยท่าทีอึดอัด ก็เพราะการทำแบบนี้มักจะทำให้ลู่จือเวยรู้สึกว่าถูกคนไม่ไว้ใจ

"การกำกับดูแลเป็นเรื่องที่ควรทำ"

ลู่หยวนซานหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

หลังนับของในถุงเหลียงเจิ้นเหนานจนหมดแล้ว ที่เหลือก็คือถุงของของเว่ยเหอ เว่ยเหิง และเหลยย่าจิ้งอีกสามคน

เนื่องจากทั้งสามคนนี้ถูกลู่จือเวยคนเดียวสังหารทั้งหมด ตามหลักแล้วถุงเก็บของทั้งสามใบนี้จึงเป็นของลู่จือเวย

ดังนั้น ทั้งสามคนของหยวนหลางจึงไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องถุงทั้งสาม เพราะรู้ว่ามันเป็นของลู่จือเวยอยู่แล้ว

ช่วงเวลากว่าหนึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสองฝ่ายคุยเรื่อยเปื่อยซึ่งส่วนใหญ่คุยเกี่ยวกับนิกายและการฝึกตน บรรยากาศเป็นมิตรอย่างยิ่ง จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน หยวนหลางและคนอื่นๆจึงลุกขึ้นลาจากไป

"ภารกิจจากนิกายเสร็จสิ้นลุล่วงดี พวกข้าก็ต้องรีบกลับไปรายงานที่นิกาย ขอตัวก่อน"

"ขอให้ฝึกฝนอย่างราบรื่น"

"ขอให้ฝึกฝนอย่างราบรื่น"

ลู่หยวนซานส่งคนทั้งสามลงเขาอย่างนอบน้อม

กลับเข้ามาในศาลาหลักของนิกายอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มนับของในถุงที่เหลือทั้งสามใบ

ในถุงของของเว่ยเหอ เว่ยเหิง และเหลยย่าจิ้ง รวมแล้วมีหินวิญญาณกว่าเจ็ดร้อยก้อน จำนวนหินวิญญาณมากขนาดนี้ถือเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาสำหรับนิกายชิงซานแล้ว ทำให้ลู่หยวนซานดีใจยิ่งนัก

ไม่แปลกใจที่เหล่าผู้ฝึกตนจรจัดบางคนชอบฆ่าคนแย่งของ แค่รายได้ครั้งนี้ก็ทำให้ลู่หยวนซานเห็นข้อดีของมันแล้ว

แน่นอนว่าลู่หยวนซานเองก็ไม่ได้สมัครใจจะฆ่าชิงทรัพย์อยู่แล้ว นอกจากจะมีแค้นฝังใจลึกซึ้งหรือบังเอิญเจอพวกเดินทางวิถีมารเท่านั้นที่จะลงมือ

รายได้หินวิญญาณจากสามถุงของก็เป็นหนึ่งในนั้น

ยังมียาฟื้นฟูพลังปราณ ยาฝึกปราณระดับต่ำอีกจำนวนหนึ่งแต่ไม่มากนัก ประมาณสามสิบเม็ด

ที่เหลือคือคัมภีร์วิชาบางส่วน ซึ่งสามคนลู่หยวนซานไม่ได้สนใจ

แม้แต่คัมภีร์ประจำนิกายเหิงเยว่ 'หุนเยว่ซินฟ่า' ก็ไม่มีปรากฎอยู่ด้วย

เห็นได้ชัดว่าตามปกติคัมภีร์วิชาไม่มีพกติดตัวไว้ในถุงเก็บของ การสืบทอดคัมภีร์มักมีกฎเกณฑ์ป้องกันการรั่วไหล

ผลึกวิญญาณ อาวุธวิญญาณรวมกันแล้วมีแต่ไม่กี่ชิ้น

ในจำนวนนั้นมีผลึกเพลิงโหมกระหน่ำสองใบ ผลึกน้ำแข็งวิญญาณหนึ่งใบ อาวุธวิญญาณมียอดเขาลมสายฟ้าของเว่ยเหิงและแหวนอัคคีแดงของเหลยย่าจิ้ง

ทั้งสองเป็นอาวุธวิญญาณระดับหนึ่งขั้นสูง จากคุณสมบัติแล้ว ยอดเขาลมสายฟ้าเหมาะกับลู่ฉางเฟิง ส่วนแหวนอัคคีแดงคล้ายจะเหมาะกับลู่จือเวย

อาวุธวิญญาณสองชิ้นนี้จึงแบ่งให้สองคนไป

ส่วนอาวุธวิญญาณที่เหลืออื่นๆ เช่นอาวุธป้องกันของเว่ยเหิง ดาบบินเกงจินของเว่ยเหอ ล้วนถูกทำลายด้วยกระบี่หมอกราตรีของลู่จือเวย จนเป็นเพียงเศษเหล็กกองหนึ่ง พอนำไปหลอมใหม่ทำเป็นอาวุธวิญญาณอีกหนึ่งสองชิ้นได้

เศษอาวุธวิญญาณพวกนี้สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบหลอมสร้างได้จึงถูกนำกลับมาด้วย

นอกจากนั้น มีของอย่างเดียวที่ดึงดูดความสนใจของลู่ผิง

นั่นคือเหล็กกล้าหลอมไฟชิ้นเล็กๆ ที่ได้มาจากถุงเก็บของของเหลยย่าจิ้ง

รูปทรงของเหล็กกล้าหลอมไฟนั้นคล้ายทองคำ น้ำหนักก็หนัก มักมีสีทองเข้ม เป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับหลอมสร้างอาวุธ

มันช่วยเพิ่มระดับอาวุธวิญญาณ เสริมพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้อาวุธมีคุณสมบัติในการนำปราณและความแข็งแกร่งมากขึ้น

ถึงแม้ผลของเหล็กกล้าหลอมไฟจะดีแต่ก็มีข้อจำกัด นั่นคือใช้ได้แค่เสริมแกร่งให้อาวุธวิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น

ถ้าเป็นอาวุธวิญญาณระดับสองแล้ว ผลที่เพิ่มขึ้นจะไม่มากนัก

ถึงอย่างนั้น หากนำมันไปผสานกับกระบี่ไผ่เขียว ก็จะทำให้พลังทำลายของกระบี่ไผ่เขียวเพิ่มขึ้น ยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่งจนถึงระดับสองขั้นกลาง

นี่เป็นวิธีเสริมแกร่งอาวุธวิญญาณที่ดีที่สุดในตอนนี้

เมื่อลู่ผิงนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็เอ่ยความคิดนี้กับลู่หยวนซานและคนอื่นๆ

"เหล็กกล้าหลอมไฟชิ้นนี้มีประโยชน์มาก รีบเอาไปเสริมแกร่งกระบี่ไผ่เขียวของศิษย์แต่เนิ่นๆเถอะ อย่าปล่อยให้ต้องเก็บฝุ่นอยู่ในคลังนิกาย"

ไม่มีใครคัดค้านหลังจากได้ยินคำพูดนี้

ในฐานะผู้หลอมสร้างเพียงคนเดียวของนิกาย ภารกิจหลอมเหล็กกล้าหลอมไฟเพื่อเสริมแกร่งกระบี่ไผ่เขียวจึงตกเป็นหน้าที่ของลู่จือเวย

ความยากในการเสริมแกร่งนั้นไม่สูงนัก เพียงแค่หลอมกระบี่ไผ่เขียวใหม่ ผสานเข้ากับเหล็กกล้าหลอมไฟ แล้วหล่อรูปร่างและจารึกค่ายกลอีกครั้ง

วันนั้น ลู่จือเวยจึงนำข่าวนี้ไปบอกให้ซ่งหมิงฮุ่ย จางเนี่ยนชวน หลินหาน และฉู่ฉินทั้งสี่คนทราบ

เหล็กกล้าหลอมไฟชิ้นนี้พอจะเสริมแกร่งกระบี่ไผ่เขียวได้สี่เล่ม

เมื่อรู้ว่ากระบี่ไผ่เขียวในมือจะถูกเสริมแกร่งให้เป็นระดับสองขั้นกลาง ทั้งสี่คนจึงดีใจยิ่งนัก รีบส่งกระบี่ไผ่เขียวมาทันที

ต้องเอ่ยไว้ตรงนี้ก่อนว่า การหลอมสร้างอาวุธวิญญาณใหม่นั้น จำเป็นต้องถอดเจตจำนงของเจ้าของบนอาวุธออกก่อน ไม่อย่างนั้นตอนหลอมละลาย อาวุธจะต่อต้านขัดขวางกระบวนการหลอมสร้าง

ลู่จือเวยจึงเข้าไปในห้องหลอมสร้างเพื่อเสริมแกร่งกระบี่ไผ่เขียวทั้งสี่เล่มที่ถอดเจตจำนงออกแล้ว

...

แคว้นฉู เขตหยุนเป่ย วังเสินเซา

เมื่อหยวนหลางกับคนอื่นๆกลับถึงนิกาย สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือไปรายงานผลภารกิจกำจัดอู๋เซียงเหวินและเหลียงเจิ้นหนานที่ห้องรับภารกิจของนิกาย

หลังได้รับค่าตอบแทนภารกิจแล้ว หยวนหลางแจกแต้มความดีความชอบให้ฉู่หยางกับลู่หงเหนียงอย่างเท่าเทียมกัน ต่อมาก็เดินทางไปศาลาผู้เฒ่า เพื่อเล่าเรื่องราวการกำจัดอู๋เซียงเหวินและเหลียงเจิ้นหนานอย่างละเอียดให้ผู้เฒ่าฉู่ชิงซานฟัง

ฉู่ชิงซานมีระดับการฝึกตนถึงขั้นควบแน่นปลาย เป็นผู้เฒ่าอันดับสองของวังเสินเซา และเป็นอาจารย์ของหยวนหลางด้วย

เมื่อรู้ว่าศิษย์รักได้ชักชวนนิกายชิงซานมาร่วมมืออย่างที่ปรารถนา และรับทราบเรื่องที่ศิษย์นิกายเหิงเยว่มาเป็นเหยี่ยวอยู่หลังกา ผู้เฒ่าอันดับสองก็ขมวดคิ้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด